.....สุภาษิตว่าไว้ “ ดาบจะคมต้องผ่านการลับ คนจะดีต้องผ่านการฝึก ” …
.....ดังนั้น ชีวิตที่ฝึกแล้ว จึงถือเป็นภารกิจสำคัญอย่างหนึ่งของมนุษย์ ซึ่งมีหน้าที่ในการนำศักยภาพที่มีแต่เดิม มาพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นไปด้วยการฝึกฝน อบรม และ บ่มเพาะ
.....ฝึก คือ ปฏิบัติสิ่งดีซ้ำๆ สม่ำเสมอ ฝน คือ ทำปัญญาให้แหลม ให้เฉียบคม
.....อบ คือ การใช้ความร้อนทำให้กิเลสในตัวแห้ง รม คือ การทำให้หอมด้วยควันระเหย คือ ศีลธรรม
.....บ่ม คือ ทำภายในให้สุก วางรากฐานใจให้ดี ส่วน เพาะ คือ ปลูกคุณธรรมให้เจริญงอกงามในตัว
.....เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ คือ ชีวิตที่ฝึกแล้ว จากจุดเริ่มต้นของกลุ่มคนกลุ่มเล็กๆ ขยายออกไปเรื่อยๆ จนกลายมาเป็นต้นแบบการพัฒนาศักยภาพผู้นำในปัจจุบัน …
.....เมื่อ ๓๓ ปีก่อนโน้น…มีคนหนุ่ม ๖๐ คน ได้กระทำการตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต เอาตนเองเป็นเครื่องทดสอบ ใช้ห้องแล็ป คือ กลดหลังน้อยบนท้องนาเวิ้งว้าง แตกระแหงแห้งผาก แม้แต่ดินก็เปรี้ยว ทำให้น้ำกร่อยเค็มเสียจนแทบไม่มีสิ่งมีชีวิตได้อาศัย จะเอ่ยไปใยถึงการดื่มกิน ช่างสุดแสนยากลำบาก บนทุ่งนารังสิตแห่งนี้ที่ยามร้อนก็ร้อนเหลือหลาย ยามฝนก็กระหน่ำรุนแรงราวฟ้าพิโรธ …แต่คนหนุ่ม ๖๐ คน หาได้มีหัวใจหวั่นไหว
.....พวกเขาได้เรียนรู้ ไม่เพียงแต่สิ่งที่อยากรู้ …แต่ยังได้เรียนรู้และทำหลายสิ่งหลายอย่าง …ที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน …ว่าตัวเองจะทำได้
.....โดยมุ่งมั่นที่จะแสวงหาสัจธรรมเพื่อขจัดข้อโต้แย้งที่คลางแคลงใจเกี่ยวกับเรื่องสมาธิ หลังจากสมาทานธุดงค์ รักษาศีล ๘ ฝึกสมาธิวันแล้ววันเล่า ท่ามกลางลมร้อนเดือนเมษายนในเวลากลางวัน และน้ำค้างหนาวเหน็บในยามกลางคืน มีแสงไต้คบไฟต่างแสงนีออน มีกลดเป็นเรือนนอนต่างฟูกไว้พักพิง
.....๑๕ วันผ่านไป เมื่อสิ้นสุดการอบรม คนหนุ่มทั้ง ๖๐ คน แม้ผิวกายจะเกรียมแดด ทว่าแข็งแกร่งทั้งกายและใจ บทฝึกที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ศักยภาพในตัวมนุษย์มีมากมายกว่าที่คิด เพียงหาทางดึงมันออกมาใช้อย่างถูกวิธี เราจะภาคภูมิใจในรางวัลชีวิตที่ได้รับ ซึ่งมีค่ามากยิ่งกว่าเงินทองมากองตรงหน้า
.....ซึ่งใครก็ให้เราไม่ได้ นอกจากเราจะให้แก่ตัวเราเอง… จากปากต่อปาก จากพี่ถึงน้อง จากเพื่อนถึงเพื่อน ถ้อยคำเชิญชวนให้เข้ารับ “การอบรมธรรมทายาท” ได้แพร่สะพัดกระจายออกไป และจากวันนั้นถึงวันนี้ เยาวชนนับหมื่นคนได้ผ่านการฝึกฝนตนเองที่นี่ ณ ชมรมพุทธศาสตร์สากล ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เป็นระยะเวลากว่า ๓๓ ปีแล้ว
.....การอบรมธรรมทายาท ได้เพิ่มหลักสูตรเป็นระยะเวลา ๒ เดือน เดือนแรกเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนการบวช ศึกษาหลักธรรมขั้นพื้นฐานทั้งการทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา ฝึกคุณธรรมความเคารพ ความมีระเบียบวินัย ความอดทน และความมีน้ำใจที่จะขาดเสียมิได้ สุดท้ายคือวัฒนธรรมชาวพุทธ ซึ่งเป็นมรดกอันทรงคุณค่าของบรรพชนฝากไว้ให้กับคนรุ่นหลัง ทำให้ชาติไทย ชาวไทย คงความเป็นไทยจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ ธำรงเอกลักษณ์ ของชาติให้เป็นปิ่นนานาประเทศ ควรที่จะศึกษา และสืบสานให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป
.....เมื่อผ่านหลักสูตรแรกจะ ทำให้เรามีความภาคภูมิใจในความเป็นชาวพุทธ และเห็นคุณค่าของการบวชมากยิ่งขึ้น จึงจะได้เข้าสู่พิธีบรรพชาอุปสมบทและศึกษาธรรมะทั้งปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ อีก ๑ เดือน เพื่อให้ก้าวไปสู่ความเป็นบัณฑิตทั้งทางโลกและทางธรรม เป็นผู้มีความรู้คู่คุณธรรมอย่างแท้จริง
.....เพราะทุกชีวิตที่เกิดมา ย่อมมีเป้าหมายและหนทางในการเลือกเดินที่แตกต่างกัน แต่สิ่งสำคัญประการหนึ่งในที่การที่จเดินไปให้ถึงจุดหมายปลายทางของแต่ละชีวิตนั้น คือ การรู้จักหยิบยื่นโอกาสและเวลาให้กับตนเอง ในการที่จะได้หันกลับมามอง และศึกษาแนวทางในการพัฒนาปรับปรุง ฝึกฝนตนตามแบบอย่างของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอรหันตสาวกในกาลก่อน อันเป็นสิ่งที่นักปราชญ์ราชบัณฑิตทั้งหลายยกย่องยิ่งนัก ว่าเป็นหนทางสายนี้ เป็นหนทางที่ประเสริฐ สงบ ระงับ และเยือกเย็นอันสรรพสัตว์ล้วนแสวงหา
.....หากเราจะศึกษาความจริงของชีวิตคนส่วนใหญ่ในปัจจุบัน เชื่อหรือไม่ว่า เราไม่มีเวลาแม้เพียงรู้จักตนเอง ให้มากไปกว่าการส่องกระจกเลย ! เวลา ๒๔ ชั่วโมง หากแบ่งเป็น ๓ ช่วง ช่วงละ ๘ ชั่วโมง ช่วงแรกหมดไปกับการนอนโดยเฉลี่ยวันละ ๘ ชั่วโมง หรือบางคนอาจจะมากกว่านั้น ช่วงที่สอง ๘ ชั่วโมงหมดไปกับการเรียนหรือการทำงานประจำวัน หรือบางคนมากกว่านั้น(มาก)เวลาที่เหลือช่วงสุดท้ายอีก ๘ ชั่วโมง หมดไปกับการบริหารขันธ์ หรือบำรุงรักษาร่างกายนี้ให้ดำรงคงอยู่ได้ เป็นต้นว่า กินอาหาร อาบน้ำแปรงฟัน ทำภารกิจส่วนตัว ออกกำลังกาย แต่งตัว ฯลฯ คนบางคนแค่เวลาทำผม ดูแลผมอย่างเดียวก็หมดไปหลายชั่วโมงแล้ว ยังไม่นับรวมเครื่องแต่งกายตามแฟชั่น และบรรดาเรื่องความสวยความงามอีกจิปาถะ
.....จากข้อเท็จจริงข้างบน คิดดูแล้วชีวิตมนุษย์ที่ดำเนินเช่นนี้ ช่างน่าสงสาร…เพราะอายุเฉลี่ยมนุษย์ยุคนี้ ๗๕ ปี แค่นอนอย่างเดียวก็ ๒๕ ปีเข้าไปแล้ว ทำงานทั้งชีวิต กับดูแลร่างกายที่เน่าเปื่อยผุพัง ไปทุกวันอีกอย่างละ ๒๕ ปี แล้วจะมีเวลาเหลือสำหรับการพัฒนาจิตใจกันสักเท่าไหร่ ให้รู้สึกเสียดายศักยภาพที่มีอยู่
.....คนเราที่ดำเนินกิจวัตรประจำวัน ไม่ว่าจะเดิน พูด ขับรถ ดื่มกิน โดยมากจะใช้ศักยภาพที่มีอยู่ ภายในตัวเพียงแค่ ๗% เท่านั้น แต่จริงๆ พลังศักยภาพที่มีอยู่อีก ๙๓% ยังไม่ได้ถูกนำมาใช้เลย แต่ถ้าเมื่อใดมนุษย์สามารถนำ พลังศักยภาพภายในทั้งหมด ๑๐๐% มาใช้ได้ เมื่อนั้น
.....คำว่า ไม่ได้ ไม่มี ไม่สำเร็จ จะไม่มีหลงเหลือในพจนานุกรมใจมนุษย์อีกเลย…สิ่งเรานี้เกิดขึ้นได้ ไม่เพียงแต่เรารู้จักฝึกกาย แต่ต้องรู้จักฝึกใจ ให้มี “พลัง” ด้วยการหมั่นทำใจให้หยุด ให้นิ่ง ณ ตำแหน่งดั้งเดิมของใจ เหมือนการชาร์จแบตเตอรรี่โทรศัพท์ คงเป็นเวลาเดียวที่คุณยอมให้โทรศัพท์อยู่นิ่งๆ เฉยๆ กับแท่นชาร์ตของมัน เปรียบได้กับการสร้างสรรค์ พลังปัญญา ในตัวมนุษย์นั่นเอง
.....ปัญญาที่เกิดจากจินตมยปัญญา หรือปัญญาที่เกิดจากการ คิด… และเหนือไปกว่านั้นคือ ภาวนามยปัญญา คือ ปัญญาที่เกิดจากการเจริญภาวนา ทำใจให้หยุดนิ่ง
.....โครงการอบรมธรรมทายาท และอุปสมบทหมู่ภาคฤดูร้อน จึงเป็นโครงการที่ปลูกฝังคุณธรรม ให้กับเยาวชนของชาติตามพุทธวิธี ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งในการนำมาใช้พัฒนาเยาวชนของชาติอย่างได้ผล
.....โดยใช้เวลาในช่วงปิดภาคฤดูร้อนของทุกปี สำหรับปี ๒๕๔๗ นี้ ทำการเปิดรับสมัครแล้ว ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๔๗ สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ชมรมพุทธศาสตร์สากล โทร.๐-๒๘๓๑-๒๗๓๐ หรือ โทร.๐-๙๗๗๒-๘๓๓๕
พุทธพจน์ตรัสไว้
…เพียงหนึ่งนาทีที่เป็นบัณฑิต …ดีกว่าตลอดชีวิตที่เป็นพาล กับความนัยที่ชวนค้นหา …ในช่วงเวลา…สักครั้งหนึ่งในชีวิต ของลูกผู้ชาย