ภาพพระศรีศากยมุนี นำมาจากจีนโดยเจ้าหญิง Wencheng พระชายาชาวจีนของกษัตริย์ Songtsan Gampo (The 7th cent JOWO SHAKYAMUNI housed in the JOKHANG brought by SONGTSEN GAMPO S CHINESE wife WEN CHENG)
มาถึงตอนสำคัญมากอีกตอนคือ ตามหาพระแก่นจันทน์ จาก จดหมายเหตุการเดินทางสู่ดินแดนตะวันตก《大唐西域記》 เพราะมีคำถามที่ถกเถียงกันในหมู่นักศึกษาและผู้สนใจประวัติพระแก่นจันทน์ว่า พระแก่นจันทน์ประทับนั่งหรือประทับยืน? เพราะจากการการศึกษาจากเรื่องราวของพระพุทธรูปหรือพระแก่นจันทน์ หลักฐานที่อ้างอิงกันอยู่ทุกวันนี้ส่วนใหญ่ได้มาจากตำนานพระเจ้าแก่นจันทน์ (มีหลายฉบับ) ชินกาลมาลีปกรณ์ วัฏฏังคุลีชาดกในเชียงใหม่ปัญญาสชาดก และหนังสือปิฏกมาลาของล้านนา และจากเอกสารภาษาไทยที่เราได้เรียนได้ศึกษากันจากการแปลที่สำคัญคือจากคำบอกเล่าของพระเสวียนจั้ง(พระถังซัมจั๋ง) ผู้ที่เดินทางไปแสวงบุญที่อินเดีย ได้บันทึก เรื่องจดหมายเหตุการเดินทางสู่ดินแดนตะวันตก แต่ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยชัดเจนว่า ประทับนั่งหรือประทับยืน และส่วนใหญ่ในประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ที่ปรากฏรูปจำลองพระแก่นจันทน์ จะเป็นพระพุทธรูปประทับยืนเป็นส่วนมาก ยังไม่ปรากฏเห็นว่าจะประทับนั่งเลย(แต่ขนานพระนามว่า ปางห้ามพระแก่นจันทน์)) และจากการสันนิฐานตามลักษณะการแกะสลักแล้วพระแก่นจันทน์ประทับยืนที่แกะสลักจากไม้แก่นจันทน์ที่มีลักษณะต้นไม้สูง ถ้าเป็นปางประทับยืนจะสลักได้ง่ายกว่าสอดคล้องกับต้นไม้จันทน์
แต่จากตำนานพระแก้วมรกตที่อ้างอิงมาจากตำนานพระแก่นจันทน์ก็เป็นปางประทับนั่ง และเอกสารที่แปลจากภาษาอังกฤษจะใช้คำว่าประทับนั่งก็มีอยู่ เมื่อยังหาข้อสรุปไม่ได้ชัดเจนว่าเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ จึงต้องได้ย้อนกลับไปหาเอกสารปฐมภูมิคือ จดหมายเหตุการเดินทางสู่ดินแดนตะวันตกที่เป็นภาษาจีนโบราณ ที่พระเสวียนจั้ง(พระถังซัมจั๋ง) ท่านได้เห็นมากับตาและได้บันทึกไว้และได้จำลองกลับไปที่ประเทศจีนด้วย
ตามหาพระแก่นจันทน์ จาก จดหมายเหตุการเดินทางสู่ดินแดนตะวันตก 《大唐西域記》
《大唐西域記》卷 5: “ 城內故宮中有大精舍,高六十餘尺,有刻檀佛像,上懸石蓋,鄔陀衍那王 (唐言出愛。舊云優填王,訛也)之所作也。靈相間起,神光時照。諸國君王恃力欲舉,雖多人眾,莫能轉移。遂圖供養,俱言得真,語其源迹,即此像也。初,如來成正覺已,上昇天宮,為母說法,三月不還。其王思慕,願圖形像。乃請尊者沒特伽羅子,以神通力,接工人上天宮,親觀妙相,雕刻栴檀。如來自天宮還也,刻檀之像起迎世尊,世尊慰曰:「教化勞耶?開導末世,寔此為冀。 ” [1]
แปล
《大唐西域記》 ( จดหมายเหตุการเดินทางสู่ดินแดนตะวันตก สำเร็จเป็นรูปเล่ม เมื่อ พ . ศ .1189)[2] ท่านได้บันทึกไว้ว่า ในภายในกลางพระนครเก่าของพระราชา ( นครโกสัมพีของพระเจ้าอุเทน ) มีมหาวิหารอยู่ ( 大精舍 ) , สูง 60 ฟุต ( เป็นความสูงของวิหาร ), มีพระพุทธรูปจำหลักด้วยไม้จันทน์ที่ประดิษฐาน ไว้ โดยมีแผ่นศิลาปกคลุมอยู่ (คล้ายตำแหน่งเหนือองค์พระประธานมีเศวตฉัตร ๕ ชั้นของพระพุทธรูปในยุคปัจจุบัน) , เป็นพระพุทธรูปที่พระเจ้าอุเทนทรงสร้างไว้ , ลักษณะพระพุทธรูปเหมือนมีชีวิต และเปล่งประกายรัศมีออกมา , แม้ว่าจะมีพระราชาจากหลายแคว้นประสงค์ที่จะอัญเชิญไปยังแว่นแคว้นของพระองค์ , แต่ไม่สามารถที่จะขยับเขยื้อนองค์พระพุทธรูปได้ , จึงต้องนำรูปจำลองไปสักการะแทน , ทั้งนี้ต่างก็เชื่อกันว่า พระพุทธรูปแก่นจันทน์เป็นพระพุทธรูปที่มีลักษณะเหมือนพระพุทธองค์ทุกประการ และเป็นต้นแบบของพระพุทธรูปในลักษณะนี้ , เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้แล้ว , จึงเสด็จไปบนสวรรค์ , ทรงเทศนาโปรดพุทธมารดา , 3 เดือนไม่กลับมา ( 三月不还 ) พระเจ้าอุเทนทรงมีความระลึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นอย่างมาก จึงมีรับสั่งให้สร้างพระพุทธรูปแก่นจันทน์ โดยกราบนิมนต์พระมหาโมคคัลลานะ ( 尊者没特伽罗子 ), ใช้ฤทธิ์พาช่างขึ้นไปบนสวรรค์ , ให้ช่างมองพุทธลักษณะอย่างละเอียด , แกะสลักด้วยไม้แก่นจันทน์ เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จลงมาจากสวรรค์ , พระพุทธรูปแก่นจันทน์ได้ลุกขึ้นต้อนรับพระพุทธองค์ ( 刻檀之像起迎世尊 ผู้แปลมีความเห็นว่า พระพุทธรูปแต่เดิมได้ประทับนั่งอยู่ จึงใช้คำว่าลุกต้อนรับ ดังนั้นพระพุทธรูปต้นแบบน่าจะเป็นลักษณะประทับนั่ง และในบันทึกของพระภิกษุจีน เสวียนจั้ง ในผูกที่ 12 กล่าวไว้ถึงพระพุทธรูปที่นำจากอินเดียกลับประเทศจีนว่า “ 刻檀佛像一躯 ,通光座高尺有五寸 ,拟憍赏弥国出爱王思慕如来,刻檀写真像 ” 。 แปลว่า พระพุทธรูปลักษณะประทับนั่งจำหลักด้วยไม้จันทน์ขนาด 5 นิ้ว , จากแบบที่กษัตริย์ทรงสิเนหาในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า , จำหลักได้เหมือนจริง ) , พระพุทธองค์ได้ตรัสถามพระพุทธรูปแก่นจันทน์ว่า “ เทศนาเหนื่อยไหม ? การแนะนำสั่งสอนต้องทำจนถึงหมดยุคสมัยของพระพุทธศาสนา ( นัยยะของท่านหมายถึง หลังพุทธปรินิพพาน 10,000 ปี )
โดยมีแผ่นศิลาปกคลุมอยู่ (คล้ายตำแหน่งเหนือองค์พระประธานมีเศวตฉัตร ๕ ชั้นของพระพุทธรูปในยุคปัจจุบัน)
[1] T51, no. 2087, p. 898, a6-19