วัดพระธรรมกาย..ไม่ใช่นิกายใหม่
“วาทกรรม” คือ ถ้อยคำที่พูดซ้ำๆ บ่อย ๆ
ไม่ว่าดีหรือชั่วก็ตาม จริงหรือโกหกก็ตาม
พูดบ่อย ๆ จนคนเชื่อว่า เป็นความจริง
ครูไม่ใหญ่เจอวาทกรรมเรื่อยเลย สมัยก่อนตอนสร้างวัดใหม่ ๆ มีคนไปให้ข้อมูลสื่อ แล้วก็คุยต่อ ๆ กันว่า ใต้ถุนโบสถ์มีอาวุธ ตอนแรกก็เหมือนพูดเล่นสนุก ๆ แต่พอกระทุ้งกันไปเรื่อย ๆ ก็มีคนเชื่อนะ
ในยุคนั้น ใครมาเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี จะต้องแวะเวียนมาเยี่ยมวัดพระธรรมกาย โดยมีวัตถุประสงค์จะไปดูใต้ถุนโบสถ์ ต้องมุด
ลงไปดู ลำบากทีเดียว ปรากฏว่าไม่มีอาวุธ พอหมดวาระ คนใหม่มารับตำแหน่ง ก็มาดูอีกแล้ว หรือท่านนายอำเภอคลองหลวงก็มาเยี่ยมเยียนใต้ถุนโบสถ์ รู้สึกว่าที่นั่นเป็นที่รับแขกอย่างดี
หมดยุคนั้น ก็มายุคคอมมิวนิสต์ เขาก็แต่งตั้งให้เป็นคอมมิวนิสต์อีกแล้ว
ต่อมาว่า วัดพระธรรมกายเป็นนิกายใหม่ ตอกย้ำซ้ำเดิมไปเรื่อย ๆ เป็นนิกายใหม่ ๆ เพราะสอนเรื่องธรรมกาย คือ มีมหานิกาย และ ธรรมยุติก-
นิกายแล้วมี ธรรมกาย แถมวัดชื่อวัดพระธรรมกาย มีคำว่า “กาย” อยู่ข้างหลัง เพราะฉะนั้นต้องเป็นนิกายใหม่
ตอนแรกใหม่ ๆ ครูไม่ใหญ่ขำนะ ตอนหลัง เอ๊ะ ! นี่เล่นเอาจริงแล้วนะ ไม่ว่าเราจะยืนยันซ้ำไปแค่ไหน แต่เรายืนยันวาทกรรมน้อยกว่าเขา เขากระทุ้งกันเรื่อย ๆ เลย
ก็ได้ยืนยันเป็นช่วง ๆ นาน ๆ สักครั้งหนึ่งว่า พระเดชพระคุณหลวงปู่
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ท่านอยู่ในมหานิกาย นิกายดั้งเดิม ซึ่งแต่เดิมมีนิกายเดียว แล้วมาเปลี่ยนตอนไหน ที่มาแยกเป็น ๒ นิกาย อันนี้
ครูไม่ใหญ่ไม่มีความรู้ ก็ไปแสวงหาความรู้เอา
แล้วต่อมา ครูไม่ใหญ่ก็บวชที่วัดปากน้ำ สมเด็จพระอุปัชฌาย์ท่านก็มหานิกาย พ่อเป็นมหานิกาย ลูกก็มหานิกาย มันจะนิกายใหม่ตรงไหน ยังนึกไม่ออก แต่เชื่อไหมวาทกรรมนี้คนเชื่อว่าเป็นอย่างนั้น
เพราะฉะนั้น วัดพระธรรมกาย ไม่ใช่นิกายใหม่
แต่เป็นพุทธเถรวาท มหานิกาย
แล้วจริง ๆ ไม่อยากให้แยกนิกาย
อยากให้รวมกัน
แล้วไปศึกษาค้นคว้าความรู้ดั้งเดิมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เพื่อจะได้เป็นประโยชน์ต่อชาวโลกอย่างแท้จริง
๒๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๖
จากหนังสือ คำสอนคุณครูไม่ใหญ่ 2