กิเลสคือเชื้อร้ายกัดกร่อนใจ
สิ่งที่หนักหนาสาหัสในชีวิตมนุษย์ก็คือ กิเลส ซึ่งเป็นเสมือนโรคร้าย หรือเชื้อร้ายที่คอยกัดกร่อนใจ จนกระทั่งใจหมดคุณภาพในการคิดสร้างสรรค์ เปลี่ยนสภาพมาคอยคิดโลภ โกรธ หลง คิดเลวร้ายต่าง ๆ แทน กิเลสจึงเสมือนกับสนิมในใจก็ว่าได้
ดังนั้น ถ้าใครจะปราบกิเลสให้ได้ จะต้องมองเห็นใจของตัวเองเสียก่อน หรืออย่างน้อยก็เห็นทั้งใจและกิเลสไปพร้อม ๆ กัน
ใครที่ศึกษาธรรมะแล้ว ยังไม่นำมาปฏิบัติจนกระทั่งถึงในระดับมองเห็นใจตนเองได้ แล้วไปตำหนิสำนักโน้นสำนักนี้ ก็ต้องระวัง เพราะว่าถ้ายังมองไม่เห็นใจของตนเอง ก็แสดงว่า กิเลสในใจยังหนาอยู่มาก แล้วยังบดบังไว้ จนมองไม่เห็นใจของตนเอง
ใจที่สมควรแก่การงาน มีคุณภาพดีพอ จะเลือกมอง เลือกฟัง เลือกดม เลือกลิ้มรส เลือกคิด แต่ในสิ่งที่ดี ๆ จะต้องเป็นใจที่ไม่แข็งกระด้าง ไม่หยาบ ไม่ขุ่นมัว เพราะอาการที่หยาบ กระด้างขุ่นมัว มันฟ้องว่า ตกอยู่ในอำนาจกิเลสแล้ว
ใจที่อ่อนละมุน ใจที่ผ่องใส ใจที่ว่องไว ใจอย่างนี้แหละ เป็นใจที่มีคุณภาพ เหมาะสมที่จะเกิดความเคารพ แล้วไปเห็น ไปจำ ไปคิด ไปรู้ ในสรรพสิ่งทั้งหลายที่ดีงาม เพื่อให้เกิดปัญญายิ่ง ๆ ขึ้นไป ทั้งหมดนี้ คือข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับใจ
" ใจที่ปราศจากกิเลส จะอ่อนละมุน ผ่องใส ว่องไว ควรแก่การงาน มีคุณภาพดีพอ ที่จะเกิดความเคารพ
เลือกมอง เลือกฟัง เลือกดม เลือกลิ้มรส เลือกสัมผัส แต่ในสิ่งที่ดี ๆ แล้วไปเห็น ไปจำ ไปคิด ไปรู้ ในสิ่งที่ดีงาม เพื่อให้เกิดปัญญายิ่ง ๆ ขึ้นไป "
จากหนังสือ ที่สุดแห่งธรรม ถึงได้ด้วยความเคารพ1
โดยคุณครูไม่เล็ก