มีความสุขทุกวันแม้วันตาย
กายธรรมควรเทิดไว้ |
ในใจ |
เป็นสรณะภายใน |
เที่ยงแท้ |
กว่านี้ บ่ มีใด |
เทียบได้ |
น้อมนบท่านไว้แล้ว |
ค่ำเช้าสุขเสมอ |
ตะวันธรรม
เมื่อเราได้สวดมนต์บูชาพระรัตนตรัยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่อจากนี้ไปตั้งใจเจริญสมาธิภาวนากันนะให้ความสำคัญกับการฝึกใจหยุดนิ่ง เพราะสิ่งที่เราทำนี้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตที่เรามาเกิดเป็นมนุษย์
เราควรยึดถือใครเป็นหลักในการดำเนินชีวิตก็ต้องเอาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นหลัก ซึ่งแต่เดิมพระองค์ก็เป็นมนุษย์ธรรมดาอย่างพวกเรานี่แหละ แต่ผ่านการฝึกตัวซํ้า ๆ มาหลายภพหลายชาติ ผ่าน
ชีวิตมาทุกระดับ เป็นมามากกว่าที่เราเป็น และเป็นมายิ่งกว่าตัวเราได้เป็นหรือเคยเป็น และพระองค์ก็ไม่เห็นประโยชน์อันใดที่ได้เป็นสิ่งเหล่านั้นมาในอดีต จึงมาสู่เพศภาวะนักบวช คือ ปลีกวิเวกหาที่สงบ
สงัด แล้วก็หันมาฝึกใจให้หยุดนิ่งอย่างนี้
เพราะฉะนั้น ฝึกใจหยุดนิ่งจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต นอกนั้นเป็นเรื่องรองลงมา เรื่องการทำมาหากินก็สำคัญเหมือนกัน แต่ว่ารองลงมา เพราะเราต้องมีปัจจัย ๔ หล่อเลี้ยงสังขาร เพราะฉะนั้นทำมาหากินก็ทำไป ฝึกใจหยุดนิ่งก็ทำไป ให้ภารกิจกับจิตใจไปคู่กันเราต้องทำความเข้าใจกันให้ดี ถ้าเราเข้าใจแจ่มแจ้งซาบซึ้งมันก็จะสอนตัวเองได้
แต่เดิมความรู้สึกว่าพยายามหรือฝืนที่จะทำสมาธิ ความรู้สึกนี้มันก็จะล่มสลายไป เพราะมีความรู้สึกว่ามันจำเป็นเหมือนลมหายใจเข้าออกที่เราต้องหายใจทุกวันเพื่อการดำรงอยู่ ชีวิตภายในก็เช่นเดียวกันจะเจริญก้าวหน้าได้ก็ต้องฝึกใจให้หยุดนิ่งอย่างสมํ่าเสมอ
เมื่อเราทราบอย่างนี้ว่าอะไรสำคัญอันดับ ๑ อันดับ ๒ แล้วการจัดระบบระเบียบของชีวิตเราก็จะดีขึ้น จะทำให้ชีวิตเราอยู่เหนือปัญหา เหนือสิ่งแวดล้อมที่มีความทุกข์ทรมาน แล้วเราก็จะได้เข้าถึงที่พึ่งภายใน เราพึ่งตัวเราเองได้ และเราก็จะเป็นที่พึ่งให้กับผู้อื่นได้สังคมก็จะเกิดความสงบร่มเย็น
เราจะมีสุขทุกวันทุกคืนไปจนกระทั่งหมดอายุขัยซึ่งเป็นชีวิตในอุดมคติที่เศรษฐี มหาเศรษฐีต้องการแต่เขาขาดแคลนความรู้ตรงนี้ว่า อะไรจะทำให้เขาเกิดความพึงพอใจสูงสุด เมื่อเขาเข้าใจว่าทรัพย์เป็นสิ่งที่จะทำให้เขาได้ความรู้สึกเช่นนั้น เขาก็แสวงหาทรัพย์
แต่เมื่อได้มาแล้วก็อยากได้อีกโดยไม่มีที่สิ้นสุด แล้วก็ไม่เจอความพึงพอใจอันสูงสุด ที่เป็นอย่างนี้เพราะเขายังไม่รู้ว่า เขายังไม่รู้อะไรเลย เขาไม่รู้ว่าตัวเองไม่รู้ ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่ง
ทีนี้เมื่อเราได้ถึงจุดที่เราพึ่งตัวเองได้ เราก็จะเป็นที่พึ่งกับเพื่อนมนุษย์ได้ ชีวิตเราก็จะพบกับความพึงพอใจสูงสุดทุกวันทุกคืน ซึ่งมันจะเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ ณ จุดที่หยุดนิ่งตรงนั้น เราจะมีความผุดรู้มีดวงปัญญาเกิดขึ้นมาว่า มันมีความสุขยิ่งกว่านี้ มีความนิ่งที่นิ่งกว่านี้อีก ที่เรายังไปไม่ถึง และเราต้องไปให้ถึง ความรู้สึกนี้ก็จะจูงใจให้เราหยุดในหยุด นิ่งในนิ่งเข้าไปเรื่อย ๆ เอง
การแสวงหาก็จะทำให้เราพบนิ่งในนิ่งเข้าไป หยุดในหยุดเข้าไปกลางในกลางเข้าไป แล้วก็จะพบสุขในสุขเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ ความรู้แจ้งเพิ่มขึ้น ความไม่รู้ก็ค่อย ๆ หดหายไป เหมือนดวงอาทิตย์ผุดขึ้นมาในยามเช้า แสงเงินแสงทองเกิดขึ้น ความมืดก็ค่อย ๆ หดหายไปกระทั่งถึงความสว่างที่สูงสุด ความมืดก็หมดสิ้นไป นี่ก็เช่นเดียวกันเพราะฉะนั้นลูกก็ต้องให้ความสำคัญกับตรงนี้นะ หยุดกับนิ่งนี่แหละสำคัญมาก ๆ
เมื่อเรามีชีวิตที่มีสุขเพิ่มขึ้นทุกวัน อย่างนี้จะไม่เรียกว่าชีวิตในฝันหรือในอุดมคติแล้วเราจะเรียกว่าชีวิตอะไร มีสุขทุกวันกระทั่งถึงวันที่กายมนุษย์หยาบนี้จะแตกดับไป ซึ่งเป็นปกติธรรมดาของร่างกาย เช่นเดียวกับสรรพสิ่งทั้งหลาย
แม้ร่างกายจะแตกดับก็ไม่รู้สึกว่าเป็นทุกข์ สุขแม้กระทั่งวันตาย และตายแล้วก็ยังมีสุขเพิ่มขึ้นด้วยกายใหม่ที่ประณีตกว่ากายเดิม เหมือนเปลี่ยนภาชนะที่เป็นกระเบื้องเก่า ๆ ผุ ๆ พัง ๆ ไปเป็นภาชนะทองคำที่ประณีตขึ้นไปเรื่อย ๆ
ชีวิตอย่างนี้ลูกทุกคนลองถามตัวเองว่า เราไม่ต้องการหรือ ชีวิตที่มีความสุขตลอดเส้นทางกระทั่งถึง
วันตาย และภายหลังจากตายแล้ว เป็นชีวิตในอุดมคติที่มนุษย์ทั้งหลายทั่วโลกเขาไม่รู้กัน
พระอริยเจ้าท่านมีชีวิตอย่างนี้แหละ มีสุขเพิ่มขึ้นทุกวันทุกคืนตลอดเวลา แม้ว่าสังขารจะแก่ จะเจ็บ หรือจะตาย แก่ก็แก่ไปแต่ใจก็ยังเป็นสุข เจ็บก็เจ็บไปแต่ใจก็เป็นสุข ตายก็ตายไปแต่ใจก็เป็นสุข สุขตลอดเลย
สุขด้วยวิธีการที่ประหยัดที่สุด ที่ไม่ต้องเสียเงินทองอะไร นอกจากเสียเท่าเดิม ที่เป็นค่าอาหาร ที่อยู่อาศัย
เสื้อผ้า ยารักษาโรคเท่านั้น แต่ประโยชน์ที่ได้รับมันยิ่งใหญ่เกินควรเกินคาด
เมื่อเราฝึกมาถึงในระดับหนึ่ง นั่งไปได้นาน ๆ ชั่วโมงหนึ่งแล้วมันก็เลื่อนเวลาของมันออกไปเอง ออกไป ๒ ชั่วโมง ประเดี๋ยวเดียวเราลืมตาขึ้นมานึกว่า ๑๐ นาที แล้วมันก็ขยับเขยื้อนเวลาไปอีก ๓ ชั่วโมง
๔ ชั่วโมง ๕ ชั่วโมง ๖ ชั่วโมง ไปเรื่อย ๆ สุขก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
นี่แหละจ้ะ เป็นเครื่องยืนยันว่าลูกมีบุญมากที่ได้ยินเรื่องราวเหล่านี้ ในขณะที่ชาวโลกทั้งหลายไม่เคยได้ยิน แต่ว่าจะมีวาสนาหรือไม่ อยู่ที่ลูกนำไปปฏิบัติด้วยตัวของตัวเองเท่านั้น มีบุญแล้วก็ต้องมีวาสนาที่จะน้อมนำไปปฏิบัติ เพื่อให้มันเกิดผลที่เรียกว่าปฏิเวธ ให้มีประสบการณ์ภายใน ซึ่งใครทำแทนกันไม่ได้
เพราะฉะนั้นเวลาที่เหลืออยู่นี้ ลูกฝึกไป ฝึกใจหยุดนิ่ง ๆ นุ่ม ๆไม่ต้องคำนึงถึงดินอากาศฟ้า มันก็เป็นอย่างนี้ตลอดชาติ เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝน เดี๋ยวหนาว หนาวแล้วก็ไปร้อน ร้อนก็ไปฝนฝนก็ไปหนาว ก็วนเวียนกันอยู่อย่างนี้ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาเพราะฉะนั้นก็นั่งไป ทำความเพียรกันไป ให้ลูกทุกคนสมหวังดังใจ
เข้าถึงพระธรรมกายภายในกันทุกคนนะ
อาทิตย์ที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๐
จากหนังสือ ง่ายเเต่ลึก เล่ม 1
โดยคุณครูไม่ใหญ่