หลักสูตรชีวิต
หยุด เป็นตัวสำเร็จให้ |
จำไว้ |
หยุด นิ่งดิ่งภายใน |
กายแก้ว |
หยุด ในหยุดต่อไป |
เรื่อยเรื่อย |
หยุด อย่างนี้คลาดแคล้ว |
บ่วงแร้วพญามาร |
ตะวันธรรม
ตั้งใจหลับตาเจริญสมาธิภาวนากันนะ หลับตาเบา ๆ พอสบาย ๆ ผ่อนคลายทุกส่วนของร่างกายของเรา ให้มีความรู้สึกว่าสบาย ทำใจให้เบิกบาน แช่มชื่น ให้สะอาด บริสุทธิ์ ผ่องใสไร้กังวลในทุกสิ่ง ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามให้ปลดปล่อยวาง ทำใจให้ว่าง ๆ
นึกถึงบุญที่ทำผ่านมา
แล้วก็นึกถึงบุญทุกบุญที่เราทำผ่านมาให้ติดเป็นนิสัยเลยบุญบารมีความดีที่เราทำผ่านมาตั้งแต่ปฐมชาติที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ เราสร้างบุญบารมีความดีเรื่อยมาเลยในทุก ๆ บุญ ทุก ๆ บารมี ทุก ๆ ความดี มารวมเป็นดวงบุญใส ๆ ติดอยู่ในศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ อย่างสบาย ๆ
ดวงบุญนั้นกลมรอบตัวเหมือนดวงแก้ว ใสบริสุทธิ์ เหมือนเพชรที่เจียระไนแล้วไม่มีตำหนิเลย หรือใสยิ่งกว่านี้ ใสเกินใสเกินความใสใด ๆ ทั้งสิ้น ที่เราเคยเห็นในโลก แล้วก็สว่างยิ่งกว่าดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน แต่ว่าไม่แสบตา ไม่เคืองตา ไม่จ้าตาคล้าย ๆ กับเรามองดูพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ จะเป็นแสงที่ใสเย็น สบาย ฝึกให้ติดเป็นนิสัยเลยนะ เพราะเราจะต้องใช้ดวงบุญนี้ไปจนกว่าจะถึงวาระสุดท้ายของชีวิต เราจะไปนึกในตอนนั้น เดี๋ยวมันจะไม่ทันกัน
ต้องหมั่นฝึก หมั่นนึก หมั่นคิดถึงบุญที่เราได้ทำผ่านมาจนถึงปัจจุบันชาติที่ล่าสุด มารวมเป็นดวงบุญใส ๆ ติดอยู่ในกลางกาย เพราะที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ นั้น เป็นที่มาเกิด ไปเกิด ที่หลับ ที่ตื่น ไปสู่อายตนนิพพาน ดังที่เราได้ศึกษาเรียนรู้กันมาแล้ว
หลักสูตรชีวิตก่อนเดินทางไปสู่ปรโลก
ตอนนี้เรามาเกิดแล้ว สั่งสมบุญเอาไว้แล้ว แต่ตอนจะไปเกิด ก็ต้องทำให้เป็น ถ้าทำไม่เป็น ไม่รู้หลักวิชชา อันตราย
มีผู้มีบุญหลายท่านทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นชนระดับไหนก็ตามชนชั้นล่าง ชั้นกลาง ชั้นสูง ถ้าไม่เคยหมั่นนึกถึงบุญ หรือไม่รู้จักหลักสูตรของชีวิตก่อนเดินทางไปสู่ปรโลกว่า
ใจใสไปดี ใจหมองไปไม่ดี (ไปอบาย) ถ้าไม่รู้ตรงนี้ก็จะทำไม่เป็น
ใจใส คือ การนึกถึงความดีที่เราทำ
ใจหมอง เพราะนึกถึงสิ่งที่เราดำเนินชีวิตผิดพลาดที่เราทำไม่ดีในอดีตมาฉายให้เห็น ไม่ว่าเราจะมีความรู้หรือไม่มีก็ตาม
ถ้าไม่รู้หลักสูตรของชีวิตก่อนเดินทางไปสู่ปรโลก จะทำไม่เป็น ยิ่งโดยเฉพาะช่วงสุดท้ายของชีวิต มันมีโรคภัยไข้เจ็บ บางคนก็ทุกข์ทรมานมาก บางคนก็ปานกลาง บางคนก็น้อย ไม่เหมือนกัน แต่จะทุกข์ทรมานน้อย มาก ปานกลาง หรืออะไรก็แล้วแต่ ก็ต้องรู้จักหลักวิชชา ถ้าไม่รู้ก็ทำไม่เป็น ถ้าทำไม่เป็นอันตราย
อันตรายอย่างไร ...แม้สั่งสมบุญมามาก ถ้าเราไม่หมั่นนึกเพราะไม่เข้าใจ ตอนตายใหม่ ๆ เมื่อความทุกขเวทนาครอบงำใจก็จะพัวพันอยู่กับความทุกข์ ความเจ็บป่วย ตอนนั้นมันจะขาดสติ เวลากายละเอียดหลุดไปจากกายหยาบ ก็จะอยู่ที่บ้านบ้าง หรือนึกถึงใครก็จะไปตรงนั้น วนเวียนอยู่ ๗ วัน แล้วก็จะมีเจ้าหน้าที่จากยมโลกมาพาไปตามกำลังแห่งวิบากกรรมที่เราทำเอาไว้
ตรงนี้แหละสิ่งที่เราทำเป็นอาจิณก็จะได้ช่องก่อน ถ้าดื่มเหล้าสูบบุหรี่เป็นอาจิณกรรม เจ้าหน้าที่เขาจะพาไปในยมโลกของมหานรกขุม ๕ ก่อน อันนี้ในกรณีที่ถ้าเราทำบุญกับบาปควบคู่กันไป โดยไม่รู้ว่าบาปเป็น อย่างไร หรือทำบญุก็ทำไปอย่างนั้นเอง หรือทำไปตามหน้าที่บ้าง หรือนาน ๆ ก็จะมีศรัทธาสักทีหนึ่ง หรือทำบุญสงเคราะห์โลกเป็นส่วนใหญ่ ตายใหม่ ๆ ก็จะไปอย่างนี้
ทีนี้เวลาไปนี่ มันไปด้วยลักษณะที่ไม่มีเสื้อผ้า มีแต่เครื่องพันธนาการ และถูกควบคุมตัวไป ตอนนั้นก็จะตกอกตกใจ อกสั่นขวัญแขวน ถูกนำตัวมาอยู่ที่หน้าลานพิพากษา ตรงนั้นมีสิ่งแวดล้อมที่เห็นแล้วน่าสยอง น่าสะพรึงกลัว ใจยิ่งหมอง หดหู่หนักเข้าไปอีก
พอถึงคราวประกาศชื่อ ตัวก็เดินตามเขาไปในสภาพที่เปลือยเปล่า มีคนคุม มีเครื่องพันธนาการ ไปหวาดเสียวอีก
ไปนั่งอยู่ตรงหน้าบัลลังก์ ถ้าโชคดีเขาฉายเรื่องบุญมาให้ดูก่อนพอระลึกได้เป็นภาพขึ้นมา บุญถึงจะส่งผลนำเราหลุดออกมาก่อน จึงจะมารับบุญที่เขาอุทิศไปให้ ซึ่งมันมีที่เก็บอยู่ ที่ว่าบุญไปคอยอยู่ที่ยมโลก แล้วถึงจะมีขั้นตอนกันออกมา
กว่าจะหลุดออกมาจากตรงนั้นได้ เพราะบุญ ส่งผลในภายหลัง มันก็อกสั่นขวัญแขวน กว่าจะเดินทางไปสู่เทวโลกตามกำลังแห่งบุญ ก็ต้องผ่านขั้นตอนตรงนั้นก่อน ซึ่งเราไม่ควรจะเป็นอย่างนั้น
จะเห็นว่านรกสวรรค์นี่ มันเกี่ยวข้องกับตัวเรา ไม่ใช่เรื่องไกลตัว จนละเลยไม่ศึกษา แล้วก็ไม่ใช่เรื่องใกล้ตัวมาศึกษาบ้าง แต่มันเกี่ยวกับตัว ต้องศึกษา เพราะฉะนั้นหมั่นนึกถึงบุญเอาไว้ทุกวันให้สม่ำเสมอจนติดเป็นนิสัยจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับลูกทุก ๆ คน เพราะมันเกี่ยวข้องกับตัวของเรา
ดังนั้นในตอนนี้ก็ต้องนึกถึงบุญให้เห็นเป็นดวงใส ๆ แม้ยังเห็นไม่ชัด ก็ให้มีความรู้สึกว่ามีอยู่ไปก่อนว่า เป็นดวงกลม ๆใส ๆ เหมือนกับเพชร เหมือนกระจก หรือเหมือนน้ำแข็งใส ๆซึ่งเรานึกง่าย เพราะเป็นสิ่งที่เราคุ้นเคยกับการนึกการเห็น นึกง่าย ๆ อย่างนั้นไปก่อน ไม่ชัดเจนก็ไม่เป็นไร ให้คุ้นเคย นึกบ่อย ๆมันก็คุ้นเคย แล้วก็จะชัดเจนขึ้นมาเอง จากการนึกเห็นก็จะเห็นได้จริง ๆ ในภายหลัง เมื่อใจหยุดนิ่งได้ถูกส่วน
นี่คือสิ่งที่ลูกทุกคนต้องฝึกฝนด้วยตนเอง เพราะทำแทนกันไม่ได้ เราต้องหายใจเอง เราต้องรับประทานเอง ปฏิบัติธรรมะก็ต้องปฏิบัติเอง นึกถึงดวงบุญก็ต้องนึกเอง จนกระทั่งคุ้นเคยแล้วก็ชินติดเป็นอุปนิสัย กระทั่งกลายเป็นขันธสันดาน ติดอยู่กับตัวเราเป็นอัตโนมัติ เหมือนเราอาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน
หรือเหมือนลมหายใจเข้าออกที่เป็นไปโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องมีใครมาตักเตือนเรา
ตอนนี้ก็ให้ตามระลึกนึกถึงบุญ โดยนึกเป็นภาพรวมไปก่อนว่า บุญทั้งหมดมารวมเป็นดวงอย่างนี้ หรือจะเริ่มต้นจากบุญที่เรานึกได้ง่าย ประทับใจในบุญใดก่อน ที่นึกทีไรแล้วปลื้มทุกที นึกถึงบุญนั้น หรือการกระทำที่ประทับใจนั้นก่อน พอความปลื้มเกิดขึ้นมันก็จะไปดึงดูดบุญอื่น ๆ ทุก ๆ บุญที่เราระลึกไม่ได้ ให้มารวมเป็นดวงบุญใส ๆ ติดอยู่ในกลางกาย ซึ่งจะเป็นหลักยึดของใจเรา
เมื่อใจมีความปลื้มปีติในบุญในความดีที่เราทำ ความสงบกายสงบใจก็จะเกิดขึ้นเอง ซึ่งจะนำมาซึ่งการหยุดนิ่ง ใจก็จะหยุดนิ่งอยู่ภายใน ก็จะหยุดไปเรื่อย ๆ อยู่กับเนื้อกับตัวในตำแหน่งที่ถูกต้อง ตำแหน่งที่เป็นแหล่งแห่งความบริสุทธิ์ ความสุข ความสำเร็จในชีวิต ความรอบรู้ในเรื่องราวความเป็นจริงของชีวิต เป็นต้น
ตอนนี้เราก็นึกถึงดวงบุญอย่างสบาย ๆ คล้าย ๆ กับเรานึกถึงสิ่งที่เราชอบ นึกเพลิน ๆ เมื่อใจเราเพลิดเพลินอยู่ในบุญ ใจก็จะใส ๆ และยิ่งเราประคองใจด้วยบริกรรมภาวนาสัมมา อะระหัง ไปด้วย ใจก็จะยิ่งอยู่กับเนื้อกับตัว ยิ่งหยุดยิ่งนิ่ง อยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ไปเอง ต่างคนต่างประคับประคองใจกันไปนิ่ง ๆ ให้ใจใส ๆ ใจสบาย
พระเทพญาณมหามุนี
วันอาทิตย์ที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๑
จากหนังสือ ง่ายเเต่ลึก เล่ม 2
โดยคุณครูไม่ใหญ่