ซ้อมตาย

วันที่ 19 สค. พ.ศ.2563

ซ้อมตาย

 

630819_b.jpg

หยุดนิ่งแหละก่อเกื้อ

บารมี

สุดยอดชาร์จแบตเตอรี่

หมดเชื้อ

ยิ่งหยุดยิ่งทับทวี

บุญเพิ่ม

บุญใหม่นี้จักเอื้อ

อวยให้สุขอนันต์

ตะวันธรรม

 

           เมื่อเราได้บูชาพระรัตนตรัยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่อจากนี้ไปตั้งใจให้แน่แน่วมุ่งตรงต่อหนทางพระนิพพานกันทุกๆ คนนะ ให้นั่งขัดสมาธิ โดยเอาขาขวาทับขาซ้าย มือขวาทับมือซ้าย ให้นิ้วชี้ของมือข้างขวาจรดนิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย วางไว้บนหน้าตักพอสบายๆ หลับตาของเราเบาๆ ค่อนลูก พอสบายๆ คล้ายๆกับตอนที่เราใกล้จะหลับ อย่าไปบีบเปลือกตา อย่ากดลูกนัยน์ตา

 

           แล้วก็ทำใจของเราให้เบิกบาน ให้แช่มชื่น ให้สะอาด บริสุทธิ์ผ่องใส ไร้กังวลในทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ให้ปลดให้ปล่อย ให้วาง ทำใจว่างๆ

 

ศึกชิงภพ

 

           ให้นึกสมมติว่า ตอนนี้เป็นช่วงสงครามช่วงชิงภพปิดงบดุลชีวิต เราจะเตรียมตัวเตรียมใจอย่างไร ที่จะทำให้จิตเป็นกุศล ไม่มีความคิดอื่นมาเจือปนเลย ทำอย่างไรใจของเราจะใสที่สุด สว่างที่สุด บริสุทธิ์ที่สุด ไม่มีความฟุ้งเลย นิ่งจนกระทั่งสิ่งดีๆ ผ่านเข้ามาในกลางหยุดกลางนิ่งของใจเรา ไม่ว่าจะเป็นแสงสว่างดวงธรรมใสๆ กลมรอบตัว หรือว่ากายภายใน หรือว่าพระแก้วใสๆ บังเกิดขึ้น

 

           คืนนี้เราลองซักซ้อมฝึกฝนใจเรา เพราะฉะนั้นต้องทำใจให้ว่างๆ ปลอดกังวลจากคน สัตว์ สิ่งของ ธุรกิจการงาน บ้านช่อง ไม่ห่วงใยอาลัยอาวรณ์ใคร ไม่มีเรื่องครอบครัว ไม่มีแม้แต่เรื่อง ตัวของเราเองที่กำลังนั่งอยู่นี่ มันจะปวด จะเมื่อย หรือจะเป็น อย่างไร ไม่สนใจทั้งสิ้น ที่นั่งจะนุ่มนวลหรือไม่นุ่มนวลก็ไม่สนใจ

 

          ลองหัดปล่อยวางดูนะ เราฝึกปลด ปล่อย วาง ไม่วิตก ไม่กังวล ในเรื่องคน สัตว์ สิ่งของ ฟ้าจะถล่ม แผ่นดินจะทลาย คอขาดบาดตาย ก็ไม่สนใจทั้งสิ้น เราจะหาหลุมหลบภัยของเรา ซึ่งอยู่ที่ศูนย์กลางกาย ฐานที่ ๗ จำง่ายๆ ว่า อยู่ในกลางท้องตำแหน่งที่เหนือจากสะดือขึ้นมา ๒ นิ้วมือ หรือง่ายกว่านี้อีก ก็คือกลางท้อง เราจะวางใจอย่างไรที่ไม่ตึงไม่หย่อนเกินไป เป็นใจที่สบ๊าย สบาย ไม่ติดเรื่องอะไรทั้งสิ้นเลย ไม่ห่วงทรัพย์ ไม่ห่วงเรื่องสามี ภรรยา และบุตร ไม่ห่วงธุรกิจการงานเลย มันจะเป็นอย่างไรไม่สนใจ ฟ้าจะถล่ม แผ่นดินจะทลาย คอขาดบาดตาย อย่างไรก็เฉยๆ วางใจหยุดนิ่งเฉยๆ วางเบาๆ นะลูกนะ

 

          พอถึงคราวคับขัน ทำนิ่งๆ เมื่อยังนึกอะไรไม่ออกให้นิ่งๆ เฉยๆ เอาไว้ ทำใจใสๆ นุ่มๆ สบายๆ ถ้าทุกขเวทนากล้า ก็ต้องข่มใจให้ได้   แยกกายและใจออกให้ได้ เท่าที่จะทำได้ มากบ้างน้อยบ้างก็ช่างมัน แล้วก็วางใจนิ่งๆ ถ้าตอนช่วงนั้นยังวางใจที่ศูนย์กลางกายไม่ได้ วางตรงไหนได้ เอาตรงนั้นก่อน ให้นิ่งถ้าสามารถนึกพระได้ก็นึกพระ นึกดวงได้ก็นึกดวง นึกบุญได้ก็นึกบุญ ถ้านึกอะไรไม่ได้ก็เฉยๆนิ่งๆ ไม่วิตก ไม่กังวล ให้มีความมั่นใจว่า เราอยู่ในความคุ้มครองของพระรัตนตรัยแล้ว

 

             ที่หลวงพ่อให้การบ้านไปทำ คงจำได้นะลูกนะว่า “เราอยู่ในองค์พระ องค์พระอยู่ในเรา เราเป็นพระ พระเป็นเรา” ทำความรู้สึกว่า มีพระ หรือเป็นพระ แม้ว่าเราจะยังไม่เห็นก็ตาม ที่ให้ฝึกซ้อมทำการบ้าน พอถึงคราวคับขัน มันนึกอะไรไม่ออกจริงๆ เพราะทุกขเวทนามันกล้ามาก นิ่งเฉยๆ มั่นใจเลยว่า เราอยู่ในองค์พระ องค์พระอยู่ในเรา เราเป็นพระ พระเป็นเรา แล้วก็นิ่งๆ เฉยๆ

 

             ถ้าหากว่าไม่ได้อยู่โรงพยาบาล อยู่ที่บ้าน อยู่ตามลำพังในห้องนอนของเรา บนเตียงของเรา ไม่มีใครมารู้มาเห็น ตอนนั้นล่ะ จังหวะดี นิ่งเฉย สบาย

 

             ถ้าอยู่โรงพยาบาล มีคนมาถูกเนื้อถูกตัว เราก็ปล่อยเขา อย่าไปกังวล ทำเฉยๆ เพราะเราพูดไม่ได้แล้วตอนนั้น ต้องนิ่ง อย่างเดียวนะลูกนะ ถ้าใจอยู่กลางกายได้จะดีมาก แต่ถ้าอยู่ไม่ได้ ตรงไหนก่อนก็ได้ แล้วก็นึกให้ชุ่มอยู่ด้วยบุญ นึกง่ายๆ เพราะเราจะไปนึกแยกว่า เราเคยทอดกฐิน ทอดผ้าป่า สร้างโบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ ตอนนั้นมันนึกไม่ออก เรานึกรวมไปเลย“บุญทุกบุญ” แล้วก็นิ่งเฉยๆ นึกว่าบุญท่วมตัวท่วมใจเรา อย่างนี้ก็ได้นะลูกนะ

 

            แล้วมันจะมีจังหวะที่เราจะถูกดูดเข้าไปข้างในที่ว่า ๓ เฮือกตอนนี้เป็นจังหวะดีสำหรับเรา ไม่ต้องกลัวเลย ปล่อยให้มันดูดเข้าไป ตอนนั้นจะเป็นจังหวะที่เราจะนึกพระได้ นึกดวงได้ จะนึกคำว่า “พระ” ก็ได้ แม้ไม่เห็นพระ จะนึกคำว่า “ดวง” ก็ได้ หรือจะนึกคำว่า “บุญ” ก็ได้ แล้วมันจะวูบไป

 

            พอเรานึกอย่างใดอย่างหนึ่งที่เป็นความดีงาม เป็นสรณะของเรา พอไปถึง ณ จุดที่ตกศูนย์ลงไป เฮือกที่ ๒ คราวนี้จะสว่างมาเองเลย คราวนี้จะเห็นจริงๆ เลย จะเห็นพระ จะเห็นดวงจะเห็นแสงสว่างเกิดขึ้น เป็นกรรมนิมิตตารมณ์ เป็นคตินิมิตตารมณ์ จะเกิดขึ้นตอนนั้นเลย แล้วปล่อยไปให้ใจใส แล้วพอถอดออกไปแล้วก็อย่าลืมหลักวิชชาที่สอนไว้นะลูกนะ

 

         สักวันหนึ่งเราจะต้องเจอสงครามชิงภพ ปิดงบดุล ชีวิตเพราะฉะนั้นต้องฝึกจิตของเราให้คุ้นเคย ไม่ต้องไปหวาดกลัว หวั่นเกรงอะไร กลัวก็ต้องตาย ไม่กลัวก็ต้องตาย มันตายทั้งขึ้นทั้งล่อง เมื่อตายทั้งขึ้นทั้งล่องเราก็ต้องฝึกใจเอาไว้ ให้ใจใสๆ นิ่งๆ ให้ใจสบ๊าย สบาย ให้เบิกบาน ให้แช่มชื่น

 

           คืนนี้ก็เช่นเคย ใครเหนื่อย ใครเพลีย ใครง่วง ใครตึง ใครเครียด ก็ปล่อยให้หลับในกลางกาย เมื่อยเราก็ขยับเบาๆ อย่าให้สะเทือนคนข้างเคียง ฟุ้งหยาบเราก็ลืมตามาดูดวงแก้วใสๆ องค์พระใสๆ ดูหลวงปู่ของเราคุณยายของเรา พอใจสบาย เราก็ค่อยๆ หรี่ตาลงมาช้าๆ แล้วก็ค่อยๆ หลับตาอย่างสบายๆ

 

          ถ้าฟุ้งหยาบอีกก็ลืมตาใหม่ แต่ถ้าฟุ้งละเอียด คือความฟุ้งที่เราควบคุมได้ ไม่ต้องลืมตานะ ทำเป็นไม่สนใจ ไม่รู้ไม่ชี้ หรือรู้แล้วเราไม่ชี้ เฉยๆ หยุดกับนิ่งอย่างเดียว ทำอย่างนี้นะ คืนนี้ให้ลูกทุกคนสมหวังดังใจ เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว ต่างคนต่างทำกันไปเงียบๆ

 

หลวงพ่อธัมมชโย

วันเสาร์ที่ ๑๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๕

จากหนังสือ ง่ายเเต่ลึก เล่ม 4

          โดยคุณครูไม่ใหญ่

          

      

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.024584817886353 Mins