อานิสงส์การบวช
การที่ได้บวชในช่วงสั้นๆ เป็นครั้งคราว ถือว่าเป็นการบวชชั่วคราว หากตั้งใจประพฤติปฎิบัติอย่างเคร่งครัดเเล้ว ย่อมได้อานิสงส์ดังนี้
๑.เป็นผู้รู้จักบริหารเวลา คือ รู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ภาษาศาสนาเรียกว่า กาลัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักกาลซึ่งเป็นคุณธรรมข้อหนึ่งในสัปบุรุษ
๒.เเม้ช่วงเวลาจะสั้น เเต่ถ้าลงมือปฎิบัติ อย่างจริงจัง ก็จะได้ลิ้มรสความสุขจากความสงบตั้งเเต่เยาว์ เพราะตอนวัยหนุ่มกิเลสยังไม่เเก่จัดเหมือนไม้อ่อน พอจะดัดได้ง่าย ครั้นบวชเเล้วได้รับรสความสุขจากภายในก็จะรู้ว่าบาปบุญนั้นมีจริง เมื่อได้พบความสุขภายในที่ดีกว่า ประณีตกว่าก็จะไม่ติดในอามิสสุข อันเป็นความสุขทางโลก
๓.มีโอกาสได้ศึกษาหลักธรรมไว้กำกับความรู้จะได้ใช้ความรู้ไปในทางที่ถูกที่ควร ดังพุทธพจน์บทหนึ่งว่า " ความรู้ทางด้านวิชาการที่ชาวโลกเรียน หากเกิดเเก่คนพาลไม่มีศีลธรรมย่อมมีเเต่จะนำความฉิบหายมาให้ " เพราะเขาจะนำความรู้ไปใช้ในทางที่ผิด เนื่องจากไม่มีคุณธรรม
๔.ทำให้ได้ฝึกวินัยเเละเข้าใจวัฒนธรรมในการอยู่ร่วมกันเป็นหมู่คณะ ถ้าบวชเเล้วตั้งใจฝึกฝนอบรมตนเองอย่างจริงจัง สึกออกไปเเล้วจะเป็นคนรักวินัย
๕.ทำให้ได้ฝึกสมาธิ ทำจิตใจให้สงบ ซึ่งเป็นผลดีต่อการศึกษาต่อไป
๖.เกิดความปลาบปลื้มยินดีที่ได้ทำความดีไว้เเล้วตั้งเเต่เยาว์ ความปีตินี้จะเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงใจอยู่เสมอ ถึงคราวจะตายก็ไม่ห่วงหน้าพะวงหลัง ทำความดีอย่างนั้นๆ นึกเเล้วชื่นใจ เเต่ถ้าเเก่เเล้วเหลียวหลังไปดูหาดีไม่ได้ ก็จะได้ความห่อเหี่ยวใจเป็นเครื่องตอบเเทนตอนใกล้ตายก็จะตายเเบบใจห่อเหี่ยวตรงกันข้าม ถ้าเคยบวชเคยทำความดีมาก่อน เเม้จะตายก็ตายดี ตายอย่างคนที่่ใช้ชีวิตคุ้มค่าเเล้ว
๗.ทำให้รู้จักเป้าหมายชีวิตที่่เเท้จริงว่า เกิดมาทำไม เพราะฝึกเเล้วรู้ว่าสามารถทำให้กิเลสหมดไปได้ เกิดเป็นความสุขภายในขึ้นมาตามลำดับ จะได้เเก้ไขปรับปรุงตัวเองได้อย่างถูกต้อง
๘.ทำให้มีความอดทนไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคใดๆ
๙.ทำให้รู้จักตนเอง คือ รู้ว่าตนเองมีความรู้ ความสามารถ มีคุณธรรมเเค่ไหนเพียงใด เมื่อก่อนเราก็ว่าเราเก่ง เเต่พอมาบวชได้ฝึกตนรู้เลยว่าจริงๆ เเล้วความสามารถเเค่ไหน เเต่เราได้พัฒนาปรับปรุงตัวเองขึ้นมาได้อีกระดับหนึ่ง อย่างที่่ภาษิตที่ว่า "ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน" เมื่อรู้อย่างนี้เเล้ว ทำให้เราประมาณฝีมือหรือความสามารถของตัวเองดี กลายเป็นผู้รู้จักประมาณตน หลังจากบวชเเล้ว เจอวินัย เจอกิจวัตร จึงรู้ว่าเเต่ก่อนนึกว่าเราเก่งไม่เบา ที่ไหนได้ไม่ได้เรื่องเลย
๑๐.ทำให้เป็นคนมีเหตุผล
๑๑.ได้ชื่อว่าชำระโทษทางกาย วาจา สมาธิชำระโทษทางสันดาน ให้เป็นคนมีสัมมาทิฎฐิ
๑๒.ได้ชื่อว่าปฎิบัติบูชา ซึ่งเป็นการบูชาอันสูงสุด เเม้จะเป็นช่วงสั้นๆ ก็ตาม
๑๓.ทำให้มีโอกาสเอาชนะกิเลสได้ระยะหนึ่ง จึงมีเชื้อสายเเห่งความเป็นผู้ชนะ คนเรามีเชื้อสายเเห่งความชนะเเล้ว ต่อไปเห็นอะไรก็ไม่ท้อ เพียรจนสำเร็จได้ การปฎิบัติตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนไว้อย่างเคร่งครัด จนสามารถเอาชนะกิเลสได้ในการบวชระยะสั้นๆ นั้น ย่อมเกิดกำลังใจว่าเราก็มีฝีมือ ฉะนั้นการดำเนินตามรอยเบื้องยุคลบาทเเห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเเละพระอรหันตสาวกทั้งหลายนั้น เเม้จะยากยิ่งเเต่ก็มิใช่สิ่งที่เหลือวิสัย ใจสู้ขึ้นมาเมื่อไร หนทางข้างหน้าก็ไปได้ไม่ยาก
๑๔.ทำให้เเสวงหาความสุขได้มากที่สุด เท่าที่มนุษย์จะพึงมีพึงได้
๑๕.ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีกำไรชีวิตเเล้ว เพราะได้กระทำกรรมอันบริสุทธิ์ทั้งกายวาจาใจ
๑๖.ได้ชื่อว่า เป็นผู้เริ่มถากถางหนทางไปพระนิพพานเเล้ว ส่วนจะได้เท่าไหนนั้นไม่ต้องห่วง เพราะเมื่อได้เริ่มต้นหนึ่งเเล้ว สอง สาม สี่ ห้า ... จะตามมาเอง เเต่ถ้ายังไม่ได้เริ่มก็ยังอยู่ที่ศูนย์นะ ตายเปล่าไปอีกชาติหนึ่ง
จากหนังสือบรรพชาอุปสมบท
คุณครูไม่เล็ก
ที่มา หนังสือเก็บภาพเก่ามาเล่าเรื่อง