ฉีด ไม่ฉีด
ผลมาจาก FC ธรรมะริมทางฯ เข้า Zoom ไม่ทัน หรือฟังครึ่งๆกลางๆ จับใจความไม่หมด ก็เอาใจ FC หน่อยนะ ... สรุปให้ฟัง ฉีดไม่ฉีด
ทุกวันนี้นอกจากกลัวติดเชื้อโควิด 19 แล้วยังต้องกลัวการฉีดวัคซีนอีก เพราะข่าวฉีดแล้วทำให้ป่วยทำให้ตาย ทำให้กลัวไม่อยากฉีดกัน คำถามยอดฮิตของสังคม คนรอบตัวก็เกิดขึ้น ฉีดไม่ฉีด/ฉีดดี ไม่ฉีดดี ?
ฉีดไม่ฉีด ถกเถียงกันมายาวนาน ตั้งแต่ยุค หลุยส์ปาสเตอร์ นักวิทยาศาสตร์ เจ้าของทฤษฎีเชื้อโรค เชื่อว่าโรคต่างๆเกิดจากเชื้อโรค และการใช้ยาปฏิชีวนะในการป้องกันและรักษาโรค
กับ อังตวน บิวแซมพ์ นักชีววิทยา ผู้เชื่อว่า เชื้อโรคมีอยู่ทั่วไปในคนสัตว์สิ่งของ การดูแลรักษาร่างกายให้แข็งแรง ออกกำลัง พักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารดีมีประโยชน์ อยู่ในถิ่นที่เหมาะสม จะทำให้เชื้อโรคไม่สามารถทำอันตรายต่อมนุษย์ได้.
ปัจจุบันก็ยังถกเถียงกันอยู่ ทั้งในยามสถานะการณ์ปกติ และมากขึ้นเมื่อเกิดโรคระบาด จะเห็นอิทธิพลแนวความคิดของอังตวน บิวแชมพ์ในหลายประเทศ แถบยุโรป
ธรรมะริมทางฯ ต้องขออนุโมทนาบุญ ขอบคุณดร.ปุ๊ก (ดร.วรเทพ ศุภเมธากร) ผู้เชี่ยวชาญด้านแพลงก์ตอน ผู้ผลิตและถวายแพลงก์ตอน 6 สีเพื่อทำให้เซลล์ขันธ์ 5 ของพระภิกษุสงฆ์ และนักสร้างบารมีแข็งแรง
การได้สนทนากัน ดร.ปุ๊ก พูดถึงแอนติบอดีระบบป้องกันของมนุษย์ ที่เกิดจากความแข็งแรงของเซลล์ในร่างกาย
ร่างกายเรามีแอนติบอดีสามารถป้องกันเชื้อโรคต่างๆได้ก็จริง แต่หากมีเชื้อโรคที่เกิดขึ้นใหม่ๆ แอนติบอดียังไม่รู้จักทำให้สร้างภูมิต้านทานไม่ทัน ทำให้เกิดความเจ็บป่วยได้
การฉีดวัคซีนคือการเอาเชื้อโรคนั้นๆเข้าไปในร่างกายในปริมาณที่ไม่อันตรายเพื่อให้แอนติบอดีของร่างกายรู้จัก และสร้างภูมิต้านทาน เพื่อกำจัดเชื้อโรคชนิดนั้นๆที่จะเข้าสู่ร่างกาย
ดร.ปุ๊กยังได้กล่าวต่อไปว่า การทำวัคซีนมีอยู่ 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ 1 ทำจากเชื้อตาย 2 ทำจากเชื้อเป็น นำมาตัดต่อพันธุกรรมหรือทำให้พิการ ส่วนกรรมวิธีการทำมากมายหลากหลายวิธีด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำทันสมัยที่มีใช้กันในยุคปัจจุบัน
ในทัศนะสำหรับ ดร.ปุ๊ก ถ้าฉีดจะเลือกวัคซีนที่ทำจากเชื้อตาย เพราะมีผลข้างเคียงน้อย ฉีดวัคซีนให้ร่างกายมีภูมิไว้ก่อน และย้ำว่า การฉีดไม่ได้ช่วยทำให้ไม่ติดเชื้อ แต่จะทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทาน เมื่อเจอเชื้อร้าย หนักก็จะเบา เบาก็จะสบาย ไม่เป็นอันตรายต่ออวัยวะสำคัญๆ
เรื่องพวกนี้ดูแล้วจะเหมือนซับซ้อนแต่หากศึกษาเข้าใจจะไม่ซับซ้อน ก็เหมือนวิบากกรรม การให้ผลของกรรมที่ซับซ้อน สำหรับคนที่เข้าใจหรือมีญาณทัศนะไปรู้ไปเห็น ถึงสาเหตุ ต้นเหตุการเกิดวิบากกรรมนั้นๆ.
วัคซีน ในพระไตรปิฎก เหมือนไม่มี (หากใครเคยอ่านเจอบอกด้วยนะ) มีพุทธองค์ทรงตรัสไว้ในอาพาธสูตร การเจ็บป่วยมาจากอาหาร อากาศ อาการ การเพียรเกินกำลังหรือถูกทำร้าย และสุดท้ายคือ วิบากกรรม
จะมีก็ตรัสถึงผลบุญ เหตุจากการกระทำที่ทำให้พระพากุลเถระ ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้เลิศกว่าภิกษุสาวกทั้งหลาย เป็นผู้มีอาพาธน้อย มีอายุ 160 ปี 80 พรรษา หรือนี่คือ วัคซีน ในการเวียนว่ายตายเกิด ของวัฏสงสาร นี้
ท่านทำอย่างไร ? พระพุทธเจ้าทรงระลึกชาติหนหลัง ในผลการทำบุญต้นเหตุที่ทำให้พระพากุลเถระที่อาพาธน้อยไว้ คือ
ในสมัยพระอโนมทัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า ถวายยารักษาโรค ตั้งความปรารถนา ความเจ็บป่วยไข้ทางร่างกาย แม้แต่เพียงเท่าการถอนผม ก็อย่ามีในภพที่ข้าพเจ้าไปบังเกิด
ในสมัยพระปทุมุตะระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ยินพระพุทธเจ้าแต่งตั้งพระภิกษุสงฆ์รูปหนึ่งเป็นเอตทัคคะด้านอาพาธน้อย ปรารถนาจะได้เอตทัคคะแบบนี้ และทำการถวายภัตตาหารคณะสงฆ์ 7 วัน และอธิษฐานจิตตั้งความปรารถนาเช่นนั้น
ในสมัยพระวิปัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า ถวายยารักษาโรค แก่คณะสงฆ์ที่ป่วยเป็นโรคลมที่เกิดจากต้นไม้มีพิษ ทำให้คณะสงฆ์หมู่ใหญ่หายจากอาการอาพาธ
ในสมัยพระกัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้า สร้างอุโบสถ สร้างโรงฉัน สร้างโรงไฟที่จงกรมสร้างเรือนไฟเรือนพยาบาล สร้างที่พักกลางวันกลางคืนและสร้างส้วม พร้อมจัดยารักษาโรคถวายแด่คณะสงฆ์
รู้หลักวิชชาดังนี้แล้ว ทั้งทางโลก วิทยาศาสตร์และทางธรรม จะฉีดไม่ฉีด ก็พิจารณาเอาเถิดนะ
แต่ที่แน่ๆ เราโชคดีเจอครูดี ได้ฟังธรรม ได้ฟังคำครู ตรองคำครูให้เข้าใจ เราก็ต้องทำตามครู ครูทำได้อย่างไรเราก็ทำให้ได้อย่างนั้น
ทำวัคซีนดังพระพากุลเถระ ผู้เลิศด้านมีอาพาธน้อยทำ เราก็ต้องทำแบบท่าน เราจะได้ชื่อว่าเป็นผู้มีความอาพาธ/เจ็บป่วยไข้น้อย ตลอดเส้นทางการสร้างบารมี ไปเห็นที่สุดแห่งกองทุกข์ ไปถึงที่สุดแห่งธรรม ไม่เจ็บ ไม่ป่วย ไม่ไข้ จะได้ไม่ต้องฉีดวัคซีน กันนะ นักสร้างบารมีที่รักทั้งหลาย.
สวัสดี/เจริญพร
มนวีโร ภิกฺขุ
14 พฤษภาคม พุทธศักราช 2564
ณ วัดพระธรรมกายคลองสาม ปทุมธานี
ธรระริมทางไปที่สุดเเห่งธรรม