ชีวิตเปรต
เล่ากันว่า กาฬกัญชิกอสูรตนหนึ่ง ไม่สามารถจะทนความกระหายได้ จึงลงมายังแม่น้ำมหาคงคา ซึ่งลึกและกว้างประมาณ ๑ โยชน์ปรากฏว่าในที่ที่อสูรตนนั้นไปถึง น้ำแห้งหมด มีแต่ควันพลุ่งขึ้น เวลานั้นคล้ายกับว่า อสูรได้เดินกลับไปกลับมาอยู่บนหินดาดที่ร้อนระอุ เมื่ออสูรนั้นได้ฟังเสียงน้ำแล้ว วิ่งไปวิ่งมาอยู่อย่างนั้นนั่นแล ราตรีก็สว่างพอดี
เวลานั้น พระผู้ถือการเที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตรประมาณ ๓๐ รูปกำลังเดินจะไปบิณฑบาตแต่เช้าตรู่เห็นเปรตนั้นเข้าจึงถามว่า
(ภิก.) : โยม โยมเป็นใคร ?
(เปรต) : กระผมเป็นเปรต ขอรับ
(ภิก.) : โยมกำลังหาอะไรอยู่เล่า ?
(เปรต) : น้ำดื่มขอรับ
(ภิก.) : แม่น้ำคงคานี้มีน้ำเต็มเปี่ยม โยมมองไม่เห็นหรือ ?
(เปรต) : แม่น้ำไม่สำเร็จประโยชน์เลยพระคุณเจ้า
(ภิก.) : ถ้าอย่างนั้น ขอให้โยมนอนลงบนพื้นแม่น้ำคงคาเถิด พวกอาตมาจะตักน้ำดื่มเทลงไปในปากของโยม
เปรตนั้นได้นอนหงายลงบนหาดทราย พระได้นำบาตรทั้ง ๓๐ ใบ ออกมาผลัดกันตักน้ำเทลงไปในปากของเปรตนั้น เมื่อพระเหล่านั้นทําอยู่อย่างนั้น เวลาบิณฑบาตก็ใกล้เข้ามา
(ภิก.) : ได้เวลาบิณฑบาตของพวกอาตมาแล้วโยม โยมพอได้ความสบายใจแล้วใช่ไหม ?
(เปรต) : ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ ถ้าว่าน้ำประมาณครึ่งฟายมือ จากน้ำที่พระคุณเจ้าประมาณ ๓๐ รูป เอาบาตรทั้ง ๓๐ ใบ ตักเทให้โยม ไหลเข้าไปในคอของโยมเหมือนอยู่ในคอของคนอื่น (อย่างที่พระคุณเจ้าเข้าใจแล้ว) ไซร้ขอให้โยมจงได้พ้นไปจากอัตภาพเปรตเลย (เพราะน้ำไม่อาจไหลเข้าสู่ปากเปรตนั้นได้)
อรรถ. ชัชชนิยสูตร มก. เล่ม ๒๗ หน้า ๑๙๓