มองภายใน

วันที่ 18 ตค. พ.ศ.2564

23-10-64-1-b.gif

มองภายใน 

มองภายใน : มีหมอท่านหนึ่งลูกนัยน์ตาเพิ่งมามองไม่เห็นไม่กี่ปี หลวงพ่อบอกหมอคนนี้ว่า ปกติมนุษย์ทั่วทั้งโลกก็มองไม่เห็นวันละ ๘ ชั่วโมงคือตอนนอนหลับ พอลืมตามองเห็น ๑๖ ชั่วโมงมองไม่เห็นมากกว่าคนอื่น ๑๖ ชั่วโมง นอกจากนั้นบางคนทางธรรมที่มีบุญมากขึ้น ก็มองไม่เห็นมากขึ้นตอนนั่งสมาธิ ๑๐ ชั่วโมงรวมแล้ว ๑๘ ชั่วโมง  มองไม่เห็นมากกว่าเขานิดเดียวเอง แต่บางคนที่มองเห็นโลกภายนอกมากกว่านี้ เห็นแล้วก็นำความฟุ้งซ่านเข้ามาในใจ แต่มีการมองอีกแบบหนึ่ง คือการมองภายใน และตอนนี้หมอมีเวลามองภายในมากกว่าคนอื่น มันมีทั้งข้อดีและข้อด้อยในตัว เพราะฉะนั้น หมอดีกว่าเขา ซึ่งคนอื่นทำไม่ได้อย่างนี้

ทำอย่างคุณยายอาจารย์ ฯ : ตอนนี้หมอคนนี้ เขาจับตรงไหนก็เป็นพระไปหมด เห็นตลอด เข้าไปได้เรื่อยๆ จนหลุดจากกายหยาบและกังวลว่าไม่รู้จะสุดตรงไหน แต่ทางที่ไปมีความสุข แม้จับตัวก็ยังอยู่แต่เข้าไปอยู่ภายใน เห็นตลอดหมดเลย จึงได้ข้อสรุปว่า ก่อนมาถึงตรงนี้ ตอนใจยังไม่เข้ากลางจะไม่เป็นตัวของตัวเอง เป็นคนไม่มีเหตุผล เเละจะงอแง ฟุ้งซ่านอยากเป็นโน่น เป็นนี่ อยากได้โน่น ได้นี่ อยากทำโน่น ทำนี่ มีหงุดหงิดเศร้า  แต่ตอนนี้คุณหมอยิ้มได้ เข้าไปถึงตรงนั้น เป็นตัวของตัวเอง มีเหตุผล ไม่งอแง ไม่หงุดหงิด ใจก็ไปติดตรงนั้น นี่เป็นมิเตอร์ให้ลูกวัดตัวเองว่าจะเป็นหมอ ๑ หรือ ๒ ลูกวัดตัวเองว่าเป็นหรือเปล่า เป็นหรือยัง หมอ ๑ คือมองไม่เห็นตาภายใน งอแง หงุดหงิด ไม่มีเหตุผล หมอ ๒ คือมีเหตุผล ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องเป็นเหมือนคุณหมอทั้งหมด บางอย่างเหมือน บางอย่างไม่เหมือน  ถ้าลูกทำอย่างนี้ได้ ลูกจะศึกษาวิชชาธรรมกายได้ลูกอยากเป็นแบบไหน (พระลูกชาย : แบบที่ ๒ ครับ) เพราะฉะนั้น ลูกต้องฝึก ฝึกไม่ยากหรอก ช้างอยู่ในป่ายังเอามาฝึกได้ ทำอย่างคุณยายอาจารย์ ฯ  ท่านทำอย่างไร เราก็ทำอย่างนั้น ทำง่ายๆ ไม่เหมือนการปรุงอาหารที่เรื่องเยอะมากกว่า แค่ให้ลูกอ่านตรงนั้นแล้วก็ทำตามเลยง่ายๆสมมุติซื้อครกมาใบหนึ่ง จะเอาอะไรใส่ครก จะเอาใส่อย่างไร จะเอาออกอย่างไร ยุ่งยาก แต่นี่ง่ายๆ ลูกทำตามท่านแล้ว ลูกจะศึกษาวิชชาธรรมกายได้

จากหนังสือ ง่ายที่สุดคือหยุดได้ เล่ม ๒

คุณครูไม่ใหญ่

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.023579100767771 Mins