บทที่ ๘
เกิดบ่อยๆ เพื่อให้ได้มรรคผล
ครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาล พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จบิณฑบาต ณ ที่อยู่ของอุทัยพราหมณ์ พราหมณ์นั้นไม่มีศรัทธา แต่ก็ใส่บาตร
พราหมณ์ใส่บาตรในวันแรกและวันที่สองแล้ว มิได้พูดอะไร พระพุทธเจ้าก็มิได้ตรัสอะไรเช่นกัน แต่ในวันที่สาม พราหมณ์มิอาจอดกลั้นไว้ได้จึงกล่าวว่า พระสมณโคดมนี้ติดในรสอาหาร จึงเสด็จมาบ่อยๆ
พระพุทธองค์ทรงสดับคำนั้นแล้วจึงตรัสว่า ท่านพราหมณ์ ท่านถวายบิณฑบาตเพียง ๓ วัน ยังมีความย่อท้ออยู่ ในโลกนี้มีธรรมอยู่ ๑๖ ประการที่ควรทําบ่อยๆ คือ
“กสิกรย่อมหว่านพืชบ่อยๆ ฝนย่อมตกบ่อยๆ ชาวนาย่อมไถนาบ่อยๆ แว่นแคว้นย่อมบริบูรณ์ด้วยธัญชาติบ่อยๆ ยาจกย่อมขอบ่อยๆ ทานบดีย่อมให้บ่อยๆ ทานบดีให้บ่อยๆแล้ว ย่อมเข้าถึงสวรรค์บ่อยๆ ผู้ต้องการน้ำนมย่อมรีดนมบ่อยๆ ลูกโคย่อมเข้าหาแม่โคบ่อยๆ บุคคลย่อมลำบากและดิ้นรนบ่อยๆ คนเขลาย่อมเข้าถึงครรภ์บ่อยๆ สัตว์ย่อมเกิดและตายบ่อยๆ บุคคลทั้งหลายย่อมนำซากศพไปป่าช้าบ่อยๆ ส่วนผู้มีปัญญาถึงจะเกิดบ่อยๆ ก็เพื่อได้มรรคแล้วไม่เกิดอีก๑”
เมื่อพระพุทธองค์ตรัสจบลง พราหมณ์บังเกิดความศรัทธาเลื่อมใส มีความปีติเบิกบานใจ ขอถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งไปตลอดชีวิต
ท่านทานบดีทั้งหลาย แม้บุคคลที่ถวายทานแล้วมีความศรัทธาเลื่อมใสในภายหลัง ยังบังเกิดความปีติถึงเพียงนี้ จะกล่าวไปไยถึงบุคคลที่ถวายทานด้วยความเลื่อมใสศรัทธาอยู่ตลอดเวลาเล่า ความปีติย่อมเพิ่มพูนทับทวี ซึ่งความปีติใจนี้เป็นทางมาแห่งบุญ จะคอยเกื้อหนุนให้ประสพแต่สิ่งที่ปรารถนา
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า “ผู้ให้ของชอบใจย่อมได้ของชอบใจ ผู้ให้ของดีย่อมได้ของดี ผู้ให้ของเลิศย่อมได้ของเลิศ ผู้ให้ของที่ประเสริฐย่อมเข้าถึงฐานะอันประเสริฐ
นรชนใดให้ของดี ให้ของเลิศ และให้ของประเสริฐ นรชนนั้นจะไปเกิด ณ ที่ใดๆ ย่อมมีอายุยืนมียศในที่นั้น๒”
๑อุทัยสูตร มก. ๒๖/๒๖๕, มจ. ๑๕/๒๘๕
๒มหาปทายีสูตร มก. ๓๖/๑๐๐, มจ. ๒๒/๖๙