บทที่ ๙
คุณและโทษของทรัพย์
ทรัพย์นั้นมีทั้งคุณและโทษ ขึ้นอยู่ว่าเกิดขึ้นกับใคร
ถ้าทรัพย์เกิดขึ้นกับคนตระหนี่ ย่อมมีโทษ โทษจากความห่วงกังวล ต้องคอยเฝ้าทรัพย์ ถึงแม้มีทรัพย์มากก็ไม่ให้ จึงไม่ได้ประโยชน์จากการมีทรัพย์ เหมือนบ่อน้ำใสที่เกิดขึ้นในป่าลึกห่างไกลจากผู้คน น้ำนั้นย่อมไม่เป็นประโยชน์แก่ใครๆ รอแต่จะเน่าเสียหรือเหือดแห้งหายไป
เมื่อคนตระหนี่ละจากโลกนี้ไป ก็นำทรัพย์นั้นติดตัวไปไม่ได้ หากตายในขณะจิตหวงแหนทรัพย์ จิตเศร้าหมองจึงคอยวนเวียนเฝ้าทรัพย์ ไม่ยอมไปเกิดก็เคยมีปรากฏมาแล้ว ทรัพย์เกิดขึ้นกับคนตระหนี่ก็เพื่อความห่วงกังวล นี้เป็นโทษของทรัพย์ที่เกิดขึ้นกับคนตระหนี่ ตรงกันข้าม หากทรัพย์นั้นเกิดขึ้นกับผู้มีศรัทธา
บุคคลผู้มีศรัทธาย่อมเห็นอานิสงส์ของการให้ทาน เชื่อว่าตายแล้วไม่สูญ ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร เห็นคุณค่าของบุญว่าเป็นที่พึ่งทั้งในโลกนี้และโลกหน้า
บุญเป็นสิ่งที่อยู่เบื้องหลังความสุขและความสำเร็จทั้งปวง การเข้าถึงฐานะของความเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐีก็ด้วยอำนาจของบุญ เข้าถึงความเป็นกษัตริย์ พระเจ้าจักรพรรดิก็ด้วยอำนาจของบุญ เข้าถึงความเป็นพระอรหันต์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ด้วยอำนาจของบุญ
ผู้มีศรัทธาจึงมองทรัพย์ว่า เป็นเครื่องมือในการสั่งสมบุญบารมี ติดตัวไปในภพชาติเบื้องหน้า จึงใช้ทรัพย์เลี้ยงตน เลี้ยงหมู่ญาติและแจกจ่ายทำบุญ
ฝนแม้ตกในที่ไกลบนภูเขาสูง ย่อมไหลลงสู่ที่ต่ำ ยังแม่น้ำให้เต็ม แล้วไหลไปสู่มหาสมุทรในที่สุด ฉันใด
ศรัทธาเมื่อเกิดขึ้นในบุคคลใดแล้ว บุคคลนั้น รักษาให้มั่นคง หนักแน่นไม่คลอนแคลน ศรัทธาย่อมนำบุคคลนั้นไปสู่หนทางสวรรค์ และพระนิพพานในที่สุด ฉันนั้น.