รสแห่งธรรมชนะรสทั้งปวง
“รสแห่งธรรมชนะรสทั้งปวง” เพราะความสุขที่แท้จริงที่ทุกคนแสวงหาและปรารถนานั้น มีรวมประชุมกันอยู่ในพระธรรมกายเท่านั้น และมนุษย์ทุกคนบนโลก....ทุกเชื้อชาติ ศาสนา และเผ่าพันธุ์ล้วนมีพระธรรมกายอยู่ในตัวด้วยกันทั้งสิ้น
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้ว่า “ความยินดีในธรรมชนะความยินดีทั้งปวง รสแห่งธรรมชนะรสทั้งปวง การประพฤติธรรมเป็นความดี การบำเพ็ญกุศลเป็นความดี การให้ความอนุเคราะห์แก่หมู่สัตว์ทั้งหลายก็เป็นความดี และธรรมที่ประพฤติดีแล้วย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรมและนำความสุขมาให้
ดังนั้น....หลวงพ่อจึงมีความปรารถนาอย่างยิ่งที่จะให้ลูก ๆ ทุกคนได้เข้าถึงพระธรรมกาย เพื่อที่ลูก ๆ จะได้รู้จักและเข้าใจกับคำว่า “รสแห่งธรรมชนะรสทั้งปวง” นั้นเป็นอย่างไร และมีรสชาติอย่างไรเพราะรสอย่างอื่นไม่ว่าจะเป็นเปรี้ยว หวาน มัน หรือเค็มนั้น เรายังสามารถที่จะรับรู้ได้ด้วยลิ้น แต่รสแห่งธรรมต้องรับรู้ด้วยใจและจะรับรู้ได้ก็ต่อเมื่อใจหยุด
เมื่อใจเราหยุดนิ่งแล้ว....ไม่ว่าเราจะนั่ง นอน ยืน เดิน หรือจะคิด พูด ทำอะไรก็ตาม เราจะเกิดความพึงพอใจอยู่ตลอดเวลา (หรือพูดง่าย ๆ ว่าเราจะอร่อยตลอด ๒๔ ชั่วโมงทั้งกลางวันและกลางคืน) ซึ่งไม่เหมือนกับรสเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม ที่เมื่อเกิดขึ้น ตั้งอยู่แล้วก็ดับไป (คือ พอเลยลำคอไปแล้วเราก็ลืม) แต่รสแห่งธรรมนี้ไม่มีลืม! และทำให้เกิดความพึงพอใจในระดับที่พระมหากัปปินะถึงขั้นรำพึงออกมาว่า “สุขจริงหนอ” เลยทีเดียว เพราะฉะนั้นรสแห่งธรรมจึงชนะรสทั้งปวง!
เมื่อใดที่เราได้รับรสแห่งธรรมแล้ว เมื่อนั้นเราจะยังประโยชน์สุขให้เกิดขึ้นแก่ตัวเองและต่อโลก เพราะเราจะทราบชัดด้วยตัวเองเลยว่า สิ่งใดเป็นงานที่แท้จริงของการเกิดมาเป็นมนุษย์ และตัวเราก็จะมีมหากรุณาเกิดขึ้น คือ เรารักตัวเองอย่างไร เราก็จะรักเพื่อนมนุษย์อย่างนั้น
ที่สำคัญ...ตัวเราเองจะมีใจมุ่งตรงต่อจุดหมายปลายทางของชีวิตโดยมีมรรคผลนิพพานเป็นแก่นสาร อีกทั้งยังมีความปรารถนาอยากจะให้คนทั้งโลกได้เข้าถึงพระธรรมกาย และมีความสุขเช่นเดียวกันกับตัวเรา ซึ่งความปรารถนาเช่นนี้เป็นความปรารถนาที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของเจตนาอันบริสุทธิ์อย่างแท้จริง
คุณครูไม่ใหญ่
จากหนังสือ ง่ายที่สุดคือหยุดได้ เล่มที่ ๔