ให้เดินตามรอยพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
อย่าลืมกันนะว่า....เราได้ทิ้งทุกอย่าง วางทุกสิ่ง ทิ้งชีวิตจากทางโลกมาสู่ในเส้นทางธรรม มามีชีวิตอันประเสริฐ เดินตามรอยของพระอริยเจ้าทั้งหลาย เมื่อเราได้ทิ้งความสนุกสนาน ความเพลิดเพลิน หรือเครื่องกังวลอะไรต่าง ๆ เหล่านั้นมาทั้งหมดแล้วก็ต้องทิ้งกันให้จริง ๆ นะ
เมื่อเราตัดสินใจมาสู่เส้นทางธรรม ก็จะต้องมาเป็นพระ เป็นเณร เป็นอุบาสก เป็นอุบาสิกาที่แท้จริง ให้วันหนึ่งคืนหนึ่งผ่านไปด้วยการทำความบริสุทธิ์กาย วาจา ใจ ตามธรรมวินัย หรือตามธรรมะที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสเอาไว้อย่างดีแล้ว ถ้าเราอยากจะเป็นอย่างท่าน เราก็จะต้องทำอย่างท่าน ท่านทำอย่างไร...เราก็ทําอย่างนั้น
เดิมท่านก็เป็นปุถุชนคนธรรมดาเช่นเดียวกับตัวของเรา ต่อมาภายหลังเมื่อท่านได้พิจารณาเห็นว่าชีวิตมันเป็นทุกข์ ได้ปลีกตัวออกจากเครื่องกังวลมาแสวงหาหนทางที่จะพ้นทุกข์ ตั้งแต่ศึกษาหาความรู้จากครูบาอาจารย์ต่าง ๆ แล้วในที่สุดก็มาพบด้วยพระองค์เอง ได้รู้ได้เห็น ได้ตรัสรู้ธรรมนั้นด้วยพระองค์เอง จนกระทั่งหลุดพ้นจากกิเลสอาสวะเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าได้
ท่านตรวจตราหัวข้อธรรมของท่านว่าพ้นมาได้อย่างไร และด้วยพระมหากรุณาก็รวบรวมไว้เป็นหมวดเป็นหมู่มาชี้แจง แนะนำสั่งสอนไปตามลำดับ ตั้งแต่คดีโลกจนกระทั่งถึงคดีธรรม หมายถึงใครอยากจะหลุดพ้นจากโลกจากภพก็ให้ทำอย่างนี้ ใครอินทรีย์อ่อน....ยังจำเป็นจะต้องอยู่ในโลกก็ให้ทำอย่างนี้ ชีวิตจึงจะมีความผาสุก แนะนำสั่งสอนอย่างนี้ จนกระทั่งดับขันธปรินิพพาน เหลือแต่คำสอน คือ วิธีการปฏิบัติในการดำเนินชีวิตที่ทำให้พ้นทุกข์...เป็นตัวแทนของท่านที่สืบทอดกันเรื่อยมาจนกระทั่งบัดนี้
เพราะฉะนั้น...ถ้าหากว่าเราอยากจะเป็นอย่างท่าน เราก็จะต้องทำอย่างท่าน จึงจะได้ชื่อว่าเดินตามรอยของท่านทีเดียวท่านก้าวเท้าซ้าย เราก็ก้าวเท้าซ้าย ท่านก้าวเท้าขวา เราก็ก้าวเท้าขวา ท่านปฏิบัติตนอย่างไร เราก็ทำอย่างนั้น เป็นพระเป็นเณร เป็นอุบาสกอุบาสิกาที่สมบูรณ์ อย่างนี้เรียกว่าเดินตามรอย ถ้าหากว่าเราทำอย่างนี้ได้ การเข้ามาอยู่ในองค์กรนี้ เราจะมีความสุข
คุณครูไม่ใหญ่
จากหนังสือ ง่ายที่สุดคือหยุดได้ เล่มที่ ๔