โหยหา .. สวรรค์หาย

วันที่ 03 กค. พ.ศ.2547

โหยหา .. สวรรค์หาย


            เรื่องความพอดีของมนุษย์ถ้าเราเป็นคนหนึ่งที่โชคดี เราจะค้นหาจุดแห่งความพอดีนั้นได้สำเร็จ ที่กล่าวเช่นนี้เป็นเพราะว่าความพอที่ถือว่าดีนั้นหาได้ยากเหลือเกิน บางคนมีดีแต่ก็ดีไม่พอหรือบางคนก็ว่าพอในสิ่งที่มี แต่พิจารณาให้ดี สิ่งที่พอก็ยังไม่ดีเช่นกัน

 

            คนเราเมื่ออยู่ในความแห้งแล้งมักคิดถึงความชุ่มชื้นของสายน้ำ แต่เมื่อถึงคราวที่ฝนฟ้าตกกระหน่ำคนเราก็คิดถึงเปลวแดดที่จะมาช่วยทำให้ผ้าผ่อนที่ซักตากไว้ให้แห้งแสียที ผมเชื่ออาการของคนที่โหยหาในสิ่งที่เราเคยมี หรือในสิ่งที่เรารู้ดีว่ามันกลับมาหาเราได้ยาก สมัยผมเรียนหนังสืออาจารย์ท่านยกตัวอย่างเรื่องการโหยหาในสิ่งที่หายไปจากโฆษณาสุรายี่ห้อหนึ่งในสื่อสิ่งพิมพ์ เป็นภาพของจิตกรชายกำลังวาดภาพหนุ่มสาวนั่งพลอดรักกันที่ริมชายหาด เขานำเสนอให้เห็นภาพที่วาดกับภาพที่เป็นจริงให้เห็น ถ้าจำไม่ผิดเขาวาดคล้ายการ์ตูนขายหัวเราะนั่นแหละครับ ภาพวาดที่ปรากฏแทนที่จะเป็นชายหนุ่มตามภาพที่เสนอ แต่กลับเป็นภาพของตัวจิตกรเอง ผมนึกต่อไปว่าจิตกรเขาโหยหาความเป็นหนุ่มหรือเขาโหยหาแฟนสาว หรือบางทีโฆษณาอาจคิดตื้นๆที่ว่าเขาโหยหาเส้นผมบนศรีษะเขาเท่านั้น โฆษณาชิ้นนี้ผมถือว่าเป็นโฆษณาที่อมตะ เพราะแม้เวลาจะล่วงผ่านไปยาวนานเท่าไร ผมก็ยังเห็นอยู่แม้กระทั่งปัจจุบันนี้

 

            ตอนที่เรามีความทุกข์ เรามักโหยหาความสุข กู้ร้องให้ความสุขมาหาเราเร็วๆ ผมชวนให้ระลึกความหลังไปครั้งที่เราสอบสมัยที่เป็นนักเรียนนักศึกษาเวลาที่เราได้คะแนนน้อยหรือเมื่อเราสอบตก เราจะคิดถึงเวลาที่เราน่าจะทุ่มเทเพื่อการอ่านหนังสือ ทบทวน ตำรับตำรา เมื่อช่วงจังหวะที่สำคัญนั้นผ่านไป ผมเองเคยให้โอกาสกับตัวเองและเคยสัญญากับตัวเองเพื่อที่จะเริ่มทำในสิ่งที่เราโหยหาและตั้งใจว่า เอาล่ะสอบคราวหน้าเราจะต้องดูหนังสือให้หนัก ตั้งใจเรียนและทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้คะแนนดี แต่แล้วเมื่อถึงเวลานั้นจริงๆ ก็มีกิจกรรมอื่น เรื่องอื่น มาแบ่งปันเวลานั้นไป จนบางครั้งความทุกข์เรื่องการเรียนก็เวียนมาหาเราอีกซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า ผมรู้สึกเวลาที่เราผ่านความทุกข์ไปได้และพอจะสัมผัสความสุขเล็กๆ น้อยๆ ทำไมจึงไม่นึกถึงความสุขที่ยิ่งๆ ขึ้นไปหรือ แม้แต่ทำความทุกข์ในอดีตมาเป็นอุทาหรณ์ให้เราเร่งหลีกหนีทุกข์ไปเสียให้ไกลๆ

 

              ผมขอแนะนำทุกท่านว่า อย่าประมาทในชีวิตเลยนะครับ อย่าให้ถึงกับว่าขาข้างหนึ่งก้าวเข้าไป ในตารางจึงจะสำนึกหรือคิดถึงความดีที่จะทำให้เรามีอิสระ หรือที่ร้ายแรงที่สุดของการเกิดเป็นมนุษย์ เรานั้นอย่าให้ต้องตกนรกแล้วจึงจะค่อยคิดถึงสวรรค์เลยนะครับ เพราะชีวิตหลังความตายและความทุกข์ในวัฏฏสงสารนั้นไม่น่าเสี่ยงเลยแม้แต่น้อย ยิ่งถ้าหากพลาดพลั้งตกลงไป ในนรกแล้วจะไม่มีประโยชน์อันใดเลยที่เราจะโหยหาสวรรค์ที่หายไป เพราะโอกาสที่ดีจะกลับมาหาเรานั้นมันนานแสนนานครับ

 

นายตั้ม

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.076586202780406 Mins