วันสร้างบารมี

วันที่ 11 เมย. พ.ศ.2567

110467b01.jpg
 

วันสร้างบารมี
๖ ธันวาคม ๒๕๓๕
พระธรรมเทศนาเพื่อการปฏิบัติธรรม วัดพระธรรมกาย
โดย... พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย)

 

                ต่อจากนี้เราจะได้นั่งหลับตาเจริญสมาธิภาวนากัน ให้นั่งขัดสมาธิโดยเอาขาขวาทับขาซ้ายให้มือขวาทับมือซ้าย ให้นิ้วชี้ของมือข้างขวาจรดนิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย วางไว้บนหน้าตักพอสบาย ๆ หลับตาของเราเบาๆ หลับพอสบาย ๆ คล้าย ๆ กับเรานอนหลับ อย่าไปบีบหัวตา อย่ากดลูกนัยน์ตาให้หลับพอสบาย ๆ นะจ๊ะ หลับพอสบาย ๆ คล้าย ๆ กับเรานอนหลับขยับเนื้อขยับตัวของเราให้ดี กะคะเนว่าเลือดลมในตัวของเราเดินได้สะดวก เราจะได้ไม่ปวดไม่เมื่อยขยับเนื้อขยับตัวให้ดีกันทุก ๆ คน ต่อจากนี้ก็ทำใจของเราให้เบิกบานให้แช่มชื่น ให้สะอาด ให้บริสุทธิ์ ให้ผ่องใสให้ปลอดกังวลจากภารกิจทั้งหลาย ทั้งเรื่องการศึกษาเล่าเรียน ธุรกิจการงาน เรื่องครอบครัว หรือเรื่องที่นอกเหนือจากนี้อะไรก็ตามปล่อยวางให้หมด 

 


                ทำประหนึ่งว่าเรานี่อยู่คนเดียวในโลก ไม่เคยมีภารกิจเครื่องกังวลมาก่อน อยู่คนเดียวในโลก โลกที่ว่าง ๆ เหมือนในอวกาศที่โล่ง ๆ ว่าง ๆ แล้วเราก็ทำใจให้มันหยุด ให้มันนิ่ง ให้มันใสสะอาดบริสุทธิ์แล้วก็ทำใจให้แช่มชื่นว่าวันนี้เป็นบุญลาภของเรา และเป็นสิ่งที่เราได้ชีวิต ใช้ชีวิตในวันนี้ด้วยอัตภาพร่างกายที่เป็นมนุษย์อย่างมีคุณค่าที่สุด คุ้มค่าที่สุด เพราะว่าเราเกิดมาสร้างบารมีดังนั้นในวันนี้เรากำลังจะสร้างบารมีกัน สร้างคุณงามความดี และเป็นคุณงามความดีที่ยิ่งใหญ่ นี่ให้นึกอย่างนี้นะ และก็ทำใจให้เบิกบาน ให้แช่มชื่น ให้สะอาด ให้บริสุทธิ์ให้ผ่องใส ลูก ๆ ที่อยู่ต่างประเทศในหลาย ๆ ประเทศ รัฐในหลาย ๆ รัฐในสหรัฐอเมริกาน่ะ ก็ให้ทำใจที่หลวงพ่อว่าไว้อย่างเนี้ยะ ให้หยุด ให้นิ่ง ให้ใจใส จะได้แนะนำวิธีทำใจอย่างไร ถึงจะใสสะอาดบริสุทธิ์และถูกจุดของแหล่งบุญที่จะให้ได้บุญ ให้ได้บุญอย่างเต็มที่ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพราะฉะนั้นให้ตั้งใจนะจ๊ะ

 


                ที่ตั้งของใจนะที่จะให้ได้บุญใหญ่น่ะมีอยู่ที่เดียว คือตรงตำแหน่งที่เหนือจากสะดือขึ้นมาสองนิ้วมือเรียกว่าศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ นั่นแหละเป็นที่ตั้งของใจเรา และเป็นแหล่งที่จะรองรับบุญใหญ่ ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ อยู่ที่ตรงนี้แหละนี่ตรงนี้เรียกว่าฐานที่ ๗ ฐานที่ ๑ อยู่ที่ปากช่องจมูก ท่านหญิงอยู่ข้างซ้าย ท่านชายอยู่ข้างขวา ฐานที่ ๒ อยู่ที่เพลาตา ที่ตรงหัวตาที่น้ำตาไหลตรงนั้น ท่านหญิงอยู่ข้างซ้ายท่านชายอยู่ข้างขวา ฐานที่ ๓ อยู่ที่กลางกั๊กศีรษะในระดับเดียวกับหัวตาของเรา ฐานที่ ๔ อยู่ที่เพดานปาก ช่องปากที่อาหารสำลัก ฐานที่ ๕ อยู่ที่ปากช่องคอเหนือลูกกระเดือก ฐานที่ ๖ อยู่ในกลางท้องกลางกาย ในระดับเดียวกับสะดือของเรา 

 


                สมมุติเรานำเส้นด้ายกลุ่ม ๒ เส้นมาขึงให้ตึง เส้นหนึ่งขึงจากสะดือทะลุไปด้านหลัง อีกเส้นหนึ่งขึงจากด้านขวาทะลุไปด้านซ้าย ให้เส้นด้าย ๒ เส้นตัดกันเป็นกากบาท จุดตัดเล็กเท่ากับปลายเข็ม ตรงนี้เรียกว่าศูนย์กลางกายฐานที่ ๖ ยกถอยหลังขึ้นมาสองนิ้วมือ โดยสมมุติเอานิ้วชี้กับนิ้วกลางวางซ้อนกัน และนำไปทาบตรงจุดตัดของเส้นด้ายทั้งสอง สูงขึ้นมา ๒ นิ้วมือนั้นเรียกว่าศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ถ้าหลวงพ่อพูดถึงศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ก็หมายเอาตรงนี้นะจ๊ะ ในตำแหน่งที่เหนือจากจุดตัดของเส้นด้ายทั้งสองขึ้นมาสองนิ้วมือ อยู่ตรงนี้พอดีเลยศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ตรงนี้แหละ เป็นแหล่งกำเนิดของมหากุศล ไม่ว่าเราจะให้ทานจะสร้างทานบารมี อยากจะให้ทานนั้นยิ่งใหญ่ จะต้องเอาใจมาหยุดอยู่ที่ตรงนี้นะ ตรงฐานที่ ๗ นี้นะ   

 


                ถ้าอยากจะให้ศีลนั้นเป็นศีลที่ยิ่งใหญ่ ก็จะต้องเอาใจมาหยุดอยู่ที่ตรงนี้เช่นเดียวกัน ถ้าจะเจริญภาวนาเพื่อให้ได้บรรลุมรรคผลนิพพานนะ ก็จะต้องเอาใจมาหยุดอยู่ที่ตรงนี้ ตรงฐานที่ ๗ ตรงนี้นะ ทั้งทาน ทั้งศีล ทั้งภาวนาหยุดอยู่ที่เดียวกัน ตรงศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ หยุดตรงนี้นะ หยุดอย่างสบาย ๆ อย่าลุ้น อย่าเร่ง อย่าเพ่ง อย่าจ้อง ให้หยุดนิ่ง ๆ เฉย ๆ อย่างสบาย ๆ พอถูกส่วนเข้า ร่างกายของเราจะโล่ง โปร่ง เบาสบาย ตัวเป็นโพรงลงไป กลวงลงไปทีเดียวเหมือนเป็นปล่องเป็นช่องเป็นโพรง พอถูกส่วนเข้าจะเกิดดวงใสบริสุทธิ์ขึ้นที่ตรงฐานที่ ๗ อย่างเล็กก็ขนาดดวงดาวในอากาศ ที่เรามองเห็นได้ด้วยตาเปล่า คือเล็กเท่าขนาดปลายเข็มอย่างนั้นนะ และก็มีรัศมีสว่างออกมาอย่างกลางก็ขนาดพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ อย่างใหญ่ก็ขนาดพระอาทิตย์ตอนเที่ยงวัน สุกใสสว่างอยู่ในกลางกายตรงฐานที่ ๗ ตรงนี้ 

 


                เมื่อเราวางใจถูกส่วนนะ พอใจหยุดนิ่งถูกส่วน จะเห็นดวงใส เนี่ยะไม่เห็นไม่ได้ ไม่เห็นไม่มี เพราะว่าตรงฐานที่ ๗ นี้น่ะ มีดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ รักษากายมนุษย์ของเราเอาไว้อยู่ ให้ทรงเอาไว้ ถ้าไม่มีดวงธรรมดวงนี้ มาเกิดไม่ได้ ถ้าดวงธรรมดวงนี้ดับก็ต้องตาย ดวงเนี้ยะโตเท่ากับฟองไข่แดงของไก่ใสบริสุทธิ์อยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ดวงนี้มีอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าเราไปทำให้มันมี เป็นแต่เพียงว่ามันเป็นของละเอียด ที่เรามองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่า จับต้องไม่ได้ด้วยมือ แต่เห็นได้เมื่อใจหยุด เราก็เป็นแต่เพียงทำใจของเราให้ละเอียดเท่ากับดวงธรรมที่อยู่ภายใน เดี๋ยวเราก็จะเห็นชัดขึ้นมา ดวงใสบริสุทธิ์เกิดขึ้นที่กลางนี้นะ ดวงใสบริสุทธิ์กลมรอบตัวเหมือนดวงแก้ว เพราะฉะนั้นเรามักจะเรียกกันติดปากว่าเห็นลูกแก้วในท้องมั่งเห็นดวงแก้วในท้องมั่ง แต่ที่จริงนั่นน่ะ ดวงแก้วหรือลูกแก้วนะมันเป็นของหยาบ ไอ้สิ่งที่เราเห็นด้วยใจภายในเมื่อใจหยุดนิ่ง ใสบริสุทธิ์ กลมรอบตัวน่ะ เค้าเรียกว่าดวงธรรม ดวงธรรมเบื้องต้น หรือธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน ดวงธัมมานะ 

 


                ดวงธรรมเบื้องต้น เมื่อใจมันหยุดนิ่ง อยู่ตรงนี้น่ะเกิดขึ้นแต่ว่ามันกลมเหมือนดวงแก้วหรือลูกแก้ว ซึ่งเราเรียกติดปากว่าลูกแก้ว พวกที่ไม่รู้หรือความรู้ไม่สมบูรณ์ ก็เข้าใจว่าไปเพ่งลูกแก้ว ที่จริงไม่ได้ไปเพ่งลูกแก้วเลย เป็นแต่เพียงเราทำใจให้หยุดนิ่ง อยู่ภายในพอถูกส่วน ก็เข้าถึงดวงธรรมน่ะ ใสบริสุทธิ์ ดวงนี้แหละจะเป็นภาชนะประดุจภาชนะที่จะรองรับบุญใหญ่ซึ่งจะเกิดขึ้นจากการให้ทานรักษาศีล หรือเจริญภาวนา ซึ่งจะทำให้เรามีผลอันยิ่งใหญ่ต่อไปในอนาคต นี่ดวงนี้นะสำคัญนะจ๊ะ จะต้องเอาใจมาหยุด มานิ่ง อยู่ที่ตรงฐานที่ ๗ ตรงนี้นะ หยุดให้สนิททีเดียว แต่เนื่องจากว่าฐานที่ ๗ ที่เราสมมติกันขึ้นมา ว่าเหนือจากจุดตัดขึ้นมาเนี่ย บางทีเรานึกไม่ออก มันอยู่ตรงไหนเนี่ย ทั้ง ๆ ที่ฐานที่ ๗ นี่มีแล้วน่ะ เราต้องสมมติเครื่องหมายเพื่อเป็นที่ยึดที่เกาะของใจเรา ใจเราจะได้ไม่ซัดส่ายไปที่อื่น มันจะได้มาอยู่ตรงนี้ อยู่ไปนาน ๆ เข้ามันก็จะหยุดอยู่ตรงนี้นะ หยุดอยู่ตรงนี้นะ

 


                เพราะฉะนั้นเราก็จะต้องกำหนด คือ สร้างมโนภาพขึ้น สมมติว่ามันมีเครื่องหมายที่ใส สะอาดบริสุทธิ์ประดุจเพชรลูกที่เจียระไนแล้ว ไม่มีขีดข่วนคล้ายขนแมว โตเท่ากับแก้วตาของเรา นี่เป็นดวงสมมตินะเพื่อให้ใจเรามีที่ยึดที่เกาะ พอใจเราเกาะอยู่แต่ตรงนี้น่ะ ไม่ช้ามันหยุดนิ่ง พอถูกส่วนก็จะเข้าถึงดวงธรรมดังกล่าว เพราะฉะนั้นเราก็กำหนดขึ้นมา สมมติขึ้นมาว่ามีดวง มีเครื่องหมายที่ใส สะอาดบริสุทธิ์ ประดุจเพชรลูกที่เจียระไนแล้ว ไม่มีขีดข่วนคล้ายขนแมว โตเท่ากับแก้วตาของเรา ใจของเราจะต้องตรึกนึกถึงดวงใส อยู่ตลอดเวลานะจ๊ะ และหยุดไปที่จุดกึ่งกลางของความใสบริสุทธิ์ ของบริกรรมนิมิต ตรึกนึกถึงดวงใส หยุดไปที่จุดกึ่งกลางของความใสบริสุทธิ์ ตรึกนึกถึงดวงใสบริสุทธิ์ หยุดไปที่จุดกึ่งกลางของความใสบริสุทธิ์ 

 


                เวลาเราตรึกนึกถึงตลอดเวลานั้นต้องนึกอย่างเบา ๆ เทคนิคมันมีอยู่ที่ตรงนี้นะจ๊ะ คือ ต้องนึกอย่างเบา ๆ สบาย ๆ น่ะ คล้าย ๆ กับเรานึกถึง นึกถึงน้ำที่กลิ้งอยู่บนใบบัว ต้องนึกเบา ๆ สบาย ๆ ง่าย ๆ คล้ายกับนึกถึงน้ำที่กลิ้งอยู่บนใบบัวหรือน้ำค้างที่ปลายยอดหญ้า ที่มีความสุกใส บริสุทธิ์ นึกถึงบริกรรมนิมิตให้นึกอย่างนี้นะ อย่าไปตั้งใจนึกมาก ถ้าตั้งใจแรงเกินไปใช้กำลังในการนึก เค้นภาพเอาออกมา มันจะไม่ได้ผล แล้วก็จะเกิดอาการตึงเครียดที่ระบบประสาท อย่างนี้ผิดวิธีนะจ๊ะ แต่ถ้านึกเบา ๆ สบาย ๆน่ะ คล้าย ๆ กับเรานึกถึงน้ำที่กลิ้งอยู่บนใบบัว หรือน้ำค้างที่ปลายยอดหญ้า ถ้านึกเบา ๆ แล้วมันจะสบาย สบายแล้วจะมีความรู้สึกว่า เราพอใจในการฝึกอย่างนี้ มีความชอบใจในการนึก แล้วมันจะนึกได้ง่าย  

 

 

                แต่ความชัดเจนนั้นน่ะมันอาจจะยังไม่ชัดเจน ๑๐๐ % เหมือนเราลืมตาเห็น บางท่านอาจจะชัดเจนแค่ ๑๐ % มั่ง ๒๐, ๓๐%, ๕๐, ๖๐% นะ นาน ๆ จะพบสักคนหนึ่งที่นึกได้ทีเดียวได้ชัดเจนคล้ายกับเราลืมตาเห็นเลยนะ เพราะฉะนั้นนะใหม่ ๆ ในการนึกถึงบริกรรมนิมิต มันจะยังไม่ชัดเจนเท่าที่ใจเราปรารถนานะจ๊ะ เพราะฉะนั้นพอถึงตอนนี้เราจะต้องนึกอย่างสบาย ๆ แล้วก็ทำใจเย็น ๆ คือ ค่อย ๆ นึก ค่อย ๆ คิด ภาพจากที่ไม่ค่อยชัด ก็จะค่อย ๆ เริ่มชัดขึ้นทีละเล็กทีละน้อย เพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ ขึ้นอยู่กับว่า เราจะใจเย็นและนึกได้เบาสบายแค่ไหน ถ้าเรานึกอย่างเบาสบาย ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ นึกไปน่ะ ไม่ช้ามันก็จะชัดเจน ชัดเจนเองเท่ากับที่ใจเราปรารถนา เพราะฉะนั้นใหม่ ๆ มันจะเริ่มต้นอย่างนี้ก่อนนะจ๊ะ

 


                ดังนั้นตอนนี้เราก็ตรึกนึกถึงดวงใส เอาใจหยุดไปที่จุดกึ่งกลางของความใสบริสุทธิ์ พร้อมกับบริกรรมภาวนาในใจ สัมมาอะระหัง สัมมาอะระหัง สัมมาอะระหัง สัมมาอะระหังให้ภาวนาอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จะกี่สิบ ที่ร้อยกี่พัน กี่หมื่น แสนครั้งก็ตาม ทุกครั้งที่เราภาวนา สัมมาอะระหัง จะต้องไม่ลืมตรึกนึกถึงดวงใส ใจหยุดไปที่จุดกึ่งกลางของความใสบริสุทธิ์ จะต้องไม่ลืมอย่างนี้นะ ถ้าเราไม่เผลอจากบริกรรมทั้งสอง คือ ตรึกนึกถึงดวงใสใจหยุดไปที่จุดกึ่งกลางของความใสบริสุทธิ์ พร้อมกับภาวนาในใจ สัมมาอะระหังเรื่อยไปเลย ถ้าหากว่าเราไม่เผลอ ไม่ช้าจะเกิดสิ่งที่ ๓ ขึ้นมา คือ คำภาวนาจะค่อย ๆ เลือนหายจากใจเราไป หายไปจนกระทั่งเหมือนกับเราลืมมันไป ใจของเราก็ยิ่งปลอดโปร่ง เบาสบาย หยุดอยู่ในกลางกาย เมื่อเกิดขึ้นอย่างนี้ เราก็ไม่จำเป็นจะต้องกลับมาภาวนา สัมมาอะระหัง ใหม่นะจ๊ะ 

 


                ให้ตรึกนึกถึงดวงใส หยุดไปที่จุดกึ่งกลางของความใสไปเลย หรือบางท่านไม่อยากจะภาวนา สัมมาอะระหัง อยากจะเอาใจหยุดนิ่งอยู่กลางกาย แล้วก็นึกถึงเครื่องหมายที่ใสสะอาดบริสุทธิ์อย่างเดียวก็ทำได้นะจ๊ะ ถ้าชอบอย่างนี้ก็ทำอย่างนี้ หรือบางท่านนึกนิมิตไม่ออก เพราะอดที่จะเค้นภาพออกมาไม่ได้ พอเค้นมาแล้วปวดศีรษะ ปวดกระบอกตา อยากจะภาวนา สัมมา อะระหัง เฉย ๆ พร้อมกับนึกวางใจไว้ที่กลางกายฐานที่ ๗ จะทำอย่างนี้ก็ได้เหมือนกันหรือบางท่านไม่อยากจะนึกทั้งนิมิต ไม่อยากจะนึกถึงคำภาวนา อยากจะทำใจให้หยุดนิ่งเฉย ๆ อยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ซึ่งตัวเองมั่นใจว่าตรงเนี้ยะ เป็นศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ถ้าอยากจะทำอย่างนี้ก็ทำอย่างนี้ได้นะจ๊ะ จะด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่งดังกล่าวแล้ว สามารถทำใจให้หยุดนิ่งได้ ตรึงใจให้หยุดนิ่งจนกระทั่งเข้าถึงดวงธรรมเบื้องต้นได้ ได้ทั้งนั้น ทั้ง ๓ วิธีดังกล่าวแล้วนะจ๊ะ 

 


                ใครถนัดอย่างไหนก็ให้ทําอย่างนั้น อย่าสับสนกันนะจ๊ะ เราถนัดอย่างไหน ตอนไหน ช่วงไหน อยากจะทำอย่างไรเนี่ยใน ๓ อย่างดังกล่าวแล้ว เราสามารถทำได้ เพราะฉะนั้นต่อจากนี้ไปให้ทุกคนทำใจให้หยุด ให้นิ่ง ให้ใสสะอาดบริสุทธิ์ อยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ กันทุก ๆ คนนะจ๊ะ จนกว่าจะถึงเวลาอันควร ตอนนี้ทำใจให้หยุดนิ่งเฉย ๆ กันทุกคนนะจ๊ะ เราก็เอาใจของเราให้หยุดนิ่งอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ นะจ๊ะ ให้ใจของเราหยุดในหยุด หยุดในหยุดหยุดในหยุด ให้ใจนิ่งในนิ่ง นิ่งในนิ่ง คือในกลางนิ่งก็ให้นิ่งหนักเข้าไปในกลางหยุดก็มีหยุดซ้อนหยุดเข้าไปเรื่อยเลย หยุดในหยุด หยุดในหยุด นิ่งในนิ่ง อย่างสบาย ๆ หยุดให้นิ่งตรงนั้นนะ หยุดนี้สำคัญนะจ๊ะ หยุดเนี่ยจะเป็นตัวสำเร็จทีเดียว จะแตกต่างจากทางโลก มันเดินสวนทางกัน ทางโลกจะไปให้ถึงที่หมาย ได้อย่างรวดเร็วนั้น ต้องใช้กำลังกัน กำลังขับดันกันหลาย ๆ อย่างทีเดียว ต้องวิ่ง ต้องเต้นกัน

 


                แต่ในทางธรรมนี้จะไปให้ถึงที่หมาย จะต้องหยุดนิ่งอย่างเดียว หยุดนิ่งเฉย ๆ ไม่น่าเชื่อเลยนะจ๊ะเนี่ย หยุดนิ่งอย่างเดียวถึงที่หมายได้โดยปลอดภัย มันหยุดนิ่ง หยุดให้สนิททีเดียว หยุดอยู่ในกลางกายอย่างเบา ๆ สบาย ๆ พอหยุดถูกส่วนเข้า เดี๋ยวก็เข้าถึงดวงธรรมเบื้องต้นเป็นดวงใส บริสุทธิ์ เกิดขึ้นที่กลางกายทีเดียว เนี่ยถ้าหากเราหยุดได้สนิทนะ หยุดนิ่งเฉย ๆ อย่างสบาย ๆ อย่าไปกดจิตนะจ๊ะ อย่าไปกดอย่าไปเพ่ง อย่าไปจ้อง ให้หยุดนิ่งเฉย ๆ สบาย ๆ ตรงนี้สำคัญนะ เป็นเทคนิคสำคัญทีเดียวต้องหยุดนิ่ง พอถูกส่วนเข้าก็เข้าถึง ใช้คำว่าเข้าถึงดวงธรรมเพราะว่าดวงธรรมนั้นมีอยู่แล้ว อยู่ในกลางกาย ที่เข้าไม่ถึงเพราะว่าจิตมันหยาบ ใจมันหยาบ มันซัดส่ายไปที่อื่น แต่ว่าเมื่อเราหยุดนิ่งถูกส่วนเข้า ความเห็น ความจำ ความคิด ความรู้ที่จะมา รวมเป็นจุดเดียวกันเลย ทำให้ใจนั้นละเอียด พอถูกส่วนก็เข้าถึงดวงธรรม 

 


                เมื่อเข้าถึงดวงธรรมก็จะเห็นดวงธรรมเกิดขึ้นมาในกลางกาย เป็นดวงใสบริสุทธิ์ อย่างเล็กขนาดดวงดาวในอากาศ อย่างกลางขนาดพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ อย่างใหญ่ก็ขนาดพระอาทิตย์ตอนเที่ยงวัน ใสเกินใสทีเดียวนะจ๊ะ ใสเหมือนกระจกส่องเงาหน้า ใสเหมือนน้ำ ใสเหมือนน้ำแข็ง ใสเหมือนกับเพชร ใสเหมือนอากาศใส ๆ หรือเราเป่าฟองสบู่ฟองแชมพูน่ะ มันใสบางทีเดียว จนกระทั่งไม่มีเนื้อแก้วข้างใน ไม่มีมวลของแก้วข้างใน มันใสบางเป็นอากาศทีเดียวนะจ๊ะ ใสเนี่ยะถ้าหยุดได้ถูกส่วน ถ้าหยุดเมื่อไหร่เป็นเข้าถึงเมื่อนั้น นี่หยุดแรก หยุดในหยุดที่ ๒ ต่อไปอีกเนี่ย ก็หยุดอยู่ในกลางนั้นน่ะที่เดิมที่เดียว แต่ว่ามันละเอียดกว่าเดิม แต่หยุดที่เดียว ดวงธรรมนั้นก็จะขยายส่วนกว้างออกไปรอบตัว รอบทิศทางเลยเหมือนเราเป็นศูนย์กลางและดวงธรรมนั้นขยายกว้างออกไปโตเต็มท้อง โตเท่าตัว โตกว่าตัว ครอบคลุมตัวของเรา แล้วก็ขยายออกไปไม่มีขอบเขตเลย คือหาขอบหาเขตไม่เจอ เหมือนเราเป็นจุดศูนย์กลางของวงกลมที่ไม่มีเส้นรอบวง 

 


                มันขยายกว้างออกไปไม่มีขอบเขต ก็จะเข้าถึงอีกดวงธรรมหนึ่ง เนี่ยหยุดที่ ๒ เข้าถึงอีกดวงธรรมหนึ่ง ดวงธรรมที่เกิดขึ้นมาในกลางนั้นก็เหมือนกันเกิดขึ้นในทำนองเดียวกัน แตกต่างกันที่ใสกว่า สว่างกว่า ละเอียดกว่า คือมันยิ่งบางเบาไปเรื่อย ๆ ใสขึ้นไปเรื่อย ใสในใส ใสในใส ใส ลูก ๆ ที่อยู่ต่างประเทศนะจ๊ะ ทำตามไปเลยน่ะ ใส มันจะใส สว่าง ไม่มีความสว่างอันใดจะเสมอเหมือนความสว่างที่เกิดขึ้นจากกลางดวงธรรมภายใน เป็นแสงที่ไม่เคืองตา ไม่บาดตา เย็นตาเย็นใจ โปร่งเบา สบาย เป็นแสงแก้วที่ใสบริสุทธิ์ ให้ความชุ่มฉ่ำกับใจของเรา เซลทุกเซลในร่างกายของเรา ทุกส่วนของร่างกายของเราเนี่ยถูกความสุขนั้นแผ่ขยายซึมซาบไปหมด ทุกอณูเลยซึมไปหมด ไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งที่ความสุขนั้นไปไม่ถึง เหมือนกับเลือดที่หัวใจสูบฉีดไปเลี้ยงร่างกายขยายไปทั่ว ไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายที่เลือดไปไม่ถึง นี่ก็เหมือนกันน่ะ ความสุขแผ่ซ่านไป กายของเราก็ยิ่งเบาไปเรื่อย พอหยุดในหยุด ๓ เข้าไปอีกแล้ว อีกดวงเกิดขึ้นอีกแล้ว เนี่ยะหยุดในหยุด หยุดในหยุด หยุดกี่ทีก็ดวงธรรมเกิดขึ้นทีเนี่ย

 


                 จนกระทั่งถึงดวงที่ ๖ เรียกว่า ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ กลางดวงนั้นเห็นกายมนุษย์ละเอียด เห็นตัวเราเกิดขึ้นมาท่านหญิงเหมือนท่านหญิง ท่านชายเหมือนท่านชาย เหมือนตัวเราเองนะ เราส่องกระจกดูเห็นตัวเองในเงากระจกเงาอย่างไรอันนี้เหมือนกันเลย ต่างกันแต่เพียงว่านั่งขัดสมาธิหันหน้าออกไปทางเดียวกับเราศีรษะโผล่ขึ้นมาก่อนเลยน่ะ ใสสว่างใสกว่ากายหยาบ แต่หน้าเหมือนกัน ละเอียดกว่าใสกว่า โปร่ง เบาทีเดียวนี่เรียกว่ากายมนุษย์ละเอียด นี่เข้าถึงกายมนุษย์ละเอียด ที่ใช้คำว่าเข้าถึงเพราะกายมนุษย์ละเอียดมีอยู่แล้ว พอเราละเอียดเท่ากับกายมนุษย์ละเอียด ก็เข้าถึงดึงดูดเข้าหากันเลย เนี่ยะถ้าหยุดถูกส่วนนะมันจะเป็นแบบนี้เข้าไปเรื่อย คล้าย ๆ กับตัวของเรา ใจของเราน่ะ กายมนุษย์หยาบเนี่ย ใจมนุษย์หยาบเหมือนเป็นธุลีเหล็ก ที่กายภายในหรือดวงธรรมภายใน คล้าย ๆ กับเป็นแม่เหล็กใหญ่ดูด เราเข้าไปเลย ถ้าเราหยุดถูกส่วน ไม่ต้องไปทำอะไรเลย แค่หยุดนิ่งเฉย ๆ มันก็จะดูดเข้าไปอย่างนี้แหละดูดเข้าไปเหมือนเราเป็นธุลีเหล็ก เศษผง เศษตะไบเหล็ก ถูกแม่เหล็กโลกภายในดูดเข้าไป 

 


                เข้าถึงดวงธรรม เข้าถึงกายในกาย กายในกาย ทั้ง ๑๘ กายเลย เป็นชั้น ๆ ๆ ๆ เข้าไป กายเหล่านี้มีอยู่แล้วในกลางกายของมนุษย์ แต่ว่าเป็นกายที่ละเอียด ซ้อนอยู่ในกายหยาบ ซ้อนกันเข้าไปเรื่อย ๆ กายมนุษย์ละเอียด ซ้อนอยู่ในกายมนุษย์หยาบ กายทิพย์ซ้อนอยู่ในกายมนุษย์ละเอียด กายรูปพรหมซ้อนอยู่ในกายทิพย์ กายอรูปพรหมซ้อนอยู่ในกายอรูปพรหม กายธรรมโคตรภูซ้อนอยู่ในกลางกายอรูปพรหม กายธรรมพระโสดาซ้อนอยู่ในกลางกายธรรมโคตรภู กายธรรมพระสกิทาคามีซ้อนอยู่ในกลางกายธรรมพระโสดา กายธรรมพระอนาคามีซ้อนอยู่ในกลางกายธรรมพระสกิทาคามี  

 

                กายธรรมพระอรหัตซ้อนอยู่ในกลางกายธรรมพระอนาคามี ตั้งแต่ระดับปุถุชน ถึงระดับของพระอริยเจ้า พระอริยบุคคล ซ้อน ๆ กันอยู่ อยู่ในกลางกายของเรานี่แหละ ละเอียดซ้อนหยาบเพราะฉะนั้นพระอรหันต์นี่อยู่ในกลางกายเรา อยู่ในตัวของเรานี้แหละไม่ต้องไปหาที่ไหน ถ้าหาภายนอกก็จะโดนหลอกเรื่อย ๆ น่ะ ดูกิริยาอาการภายนอกดูแล้วน่าเชื่อถือว่าเป็นพระอรหันต์ แต่ข้างในกลวง ไม่ได้เป็นเลย เพราะฉะนั้นนี่พระอรหันต์อยู่ในตัวของเรา ถ้าหากว่าเราละเอียดเข้าไปถึงท่านได้เราจะได้รู้จักว่า อ้อลักษณะพระอรหันต์เป็นอย่างนี้ หน้าตัก ๒๐ วา สูง ๒๐ วา เกตุดอกบัวตูมใส เป็นแก้วเลย คือมันใสจนกระทั่งไม่ทราบจะเอาอะไรมาเทียบในโลกเนี่ย มันใสเกินใส แล้วก็สวยเกินสวย งามไม่มีที่ติทีเดียว งามไม่มีที่ติ ใสเกินใสสวยเกินสวย น่ะอยู่ในกลางกายภายในเป็นกายที่ ๑๘ นั้น นั่นอยู่ที่ตรงนั้นนะจ๊ะ อยู่ที่ตรงนี้อยู่ในกลางกายเรานั่นแหละเป็นตัวของเรา 

 


                เมื่อเรากะเทาะร่อนจากกิเลสอาสวะเป็นชั้น ๆ ๆ ๆ เข้าไปเรื่อย ๆ ในที่สุดจะ ก็จะเข้าถึงได้ทั้ง ๑๘ กายอยู่ในกลางกายของเราทั้งนั้น เข้าถึงได้ด้วยวิธีเดียวเท่านั้น วิธีเดียวนะจ๊ะ คือ ทำใจให้หยุดนิ่งเฉย ๆ หยุดนิ่งเฉย ๆ อย่างเดียวเท่านั้น อย่างอื่นไม่ต้องไปทำอะไร หยุด นิ่งเฉย พอถูกส่วนก็จะเข้าถึงดังกล่าวแล้วนะจ๊ะ เพราะฉะนั้นหยุดนี่จึงเป็นตัวสำเร็จ หยุดคือทุกสิ่ง หยุดนี้คือทุกสิ่ง ตั้งแต่หยุดคือตัวสำเร็จ เรื่อยไปตามลำดับทีเดียวหยุดทําให้เปลี่ยนภาวะจาก ปุถุชน เป็นพระอริยเจ้าได้ หยุดทำให้ถึงที่หมาย หยุดทำให้เข้าถึงความสุขที่แท้จริง หยุดทำใจนั้นสว่างมีพลัง หยุดทำให้รู้แจ้ง หยุดทำให้เป็นผู้ตื่น หยุดทำให้เป็นผู้เบิกบาน และหยุดในหยุด ทำให้เราได้รู้เห็นไปตามความเป็นจริงในหลาย ๆ สิ่ง หลาย ๆ อย่างทีเดียว เพราะฉะนั้นหยุดนี้สำคัญนะ

 


                หยุดคือทุกสิ่งเพราะฉะนั้นลูกชายหญิงทั้งหลายต้องพยายามหยุดให้ได้นะจ๊ะ ปีนี้น่ะ ปีที่จะถึงเนี่ยะ ปี ๓๖ ควรจะเป็นปีแห่งการหยุดคือทุกสิ่ง ที่ลูก ๆ ชายหญิงทุกคนจะต้องหยุดให้ได้ และเมื่อคนที่หยุดได้แล้วมารวมกัน สิ่งอัศจรรย์จะเกิดขึ้นในโลก แค่คนหยุดนิ่งได้เนี่ย หยุดกันได้ทุก ๆ คนมารวมกันในที่เดียว มาหยุดในหยุดพร้อม ๆ กัน สิ่งอัศจรรย์จะเกิดขึ้นในโลกที่หลวงพ่อใช้คำว่า ธรรมกาย Effect จะเกิดขึ้น สิ่งที่ดีงามทั้งหลาย จะบังเกิดขึ้นอย่างที่มวลมนุษย์ชาติยังไม่เคยเจอมาก่อน และเป็นสิ่งที่บรรพบุรุษของเราใฝ่ฝันหาแสวงหามาตลอดเกิดมากี่ภพกี่ชาติก็อยากจะเจออย่างนี้แหละ เพราะฉะนั้นหยุดกันได้เมื่อไหร่นะจ๊ะ ความอัศจรรย์จะเกิดขึ้น นี่ให้จำไว้นะ เมื่อเราเข้าใจอย่างนี้แล้ว ลูกชายหญิงทุกคนทั้งภายในและต่างประเทศฝึกใจให้หยุดนะ

 

 

                คราวนี้เราก็หยุดไปที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ หยุดในหยุด หยุดในหยุด หยุดในหยุด หยุดลงไปเลยนะให้ใจใสใจสบาย ใครเข้าถึงดวงธรรมภายใน ดวงธรรมไหนก็หยุดไปที่กลางดวงธรรมนั้น ใครเข้าถึงกายมนุษย์ละเอียด ก็เอาใจหยุดไปที่กลางกายมนุษย์ละเอียด ใครเข้าถึงกายทิพย์ก็เอาใจหยุดไปที่กลางกายทิพย์  ใครเข้าถึงกายรูปพรหม ก็เอาใจหยุดไปที่กลางกายรูปพรหม ใครเข้าถึงกายอรูปพรหมก็เอาใจหยุดไปที่กลางกายอรูปพรหม ใครที่เข้าถึงกายธรรมก็เอาใจหยุดไปที่กลางกายธรรม หยุดในหยุดให้ดีนะ หยุดในหยุด หยุดในหยุด หยุดอย่างเดียวเนี่ยหยุด หยุดนิ่งเฉย ๆ สบาย ๆ น่ะ ถ้าหยุดถูกส่วนเดี๋ยวความสว่างเกิดขึ้น ความสุขเกิดขึ้น ความรู้แจ้งจะเกิดขึ้น หยุดนิ่งนะ หยุดให้หยุดนิ่ง 

 

                ในอายตนนิพพานนั้นน่ะต้องใช้คำว่า ในอายตนนิพพานไม่ใช่บนนะจ๊ะ ในกลางอายตนนิพพานนะพระธรรมกายเต็มไปหมดเลย เป็นที่โล่งว่าง ว่างเหมือนในอวกาศ ที่โล่ง ๆ ไม่มีวัตถุสิ่งของอะไรเลยเป็นที่โล่งว่าง ๆ เป็นธรรมธาตุที่สะอาดบริสุทธิ์ สว่างไสวด้วยธรรมรังสี ของพระธรรมกายพระพุทธเจ้า ทุก ๆ พระองค์ท่านนั่งสงบนิ่ง สงบนิ่งอยู่ในนั้นน่ะ ไม่มีการไปไม่มีการมา ยืนก็ไม่ยืน เดินก็ไม่เดิน นอนก็ไม่นอน มีแต่นั่งเฉย ๆ อยู่นะ สงบนิ่ง สงบนิ่งอยู่ในกลางน่ะ ใจท่านหยุดอยู่ในกลาง กลางของกลางอย่างนั้นตลอดไปเรื่อย ๆ เลย ใจหยุดนิ่ง ดูเหมือนว่าท่านั่งขัดสมาธินี้ เป็นท่าของผู้ที่บรรลุถึงความเต็มเปี่ยมของชีวิต เข้า ถึงความสุขที่แท้จริงหมดกิเลสอาสวะ เป็นผู้ที่มีความสุขที่เป็นอมตะ เป็นท่าที่สมบูรณ์ที่สุด กิจอย่างอื่นท่านไม่มีอีกแล้ว  

 


                ไม่เหมือนมนุษย์ยังมีกิน มีนอน มีทำภารกิจอะไรต่าง ๆ ถึงยังต้องเคลื่อนไหวกาย มีอิริยาบถต่าง ๆ ทั้ง ๔  ๔อิริยาบถก็ยังไม่ค่อยจะพอกับภารกิจของมนุษย์เลย ถ้ามี ๕, ๖, ๗ อริยาบถ มนุษย์ก็คงจะทำ แต่ของท่านสงบนิ่งเฉย นั่งขัดสมาธิขาขวาทับขาซ้าย มือขวาทับมือซ้าย นิ้วชี้มือขวาจรดนิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย เหมือนอย่างที่สอนอย่างนี้แหละ ถ้าถอดแบบออกมาจากธรรมกายภายใน กายท่านตั้งตรงเกตุดอกบัวตูมใส บริสุทธิ์ ใจท่านหยุดอยู่ในกลางภายใน ตรงฐานที่ ๗ ของท่านน่ะสว่าง คุณยายก็กราบทูลท่านขอบุญบารมี รัศมี กำลังฤทธิ์ อำนาจสิทธิ บุญบารมี รัศมีกำลังฤทธิ์ อำนาจสิทธิ ทุกอย่างเลย ให้แก่ลูก ๆ ชาย หญิงทุกคนทั้งภายในและต่างประเทศ ให้มีความสุขมีความเจริญ 

 


                ประกอบธุรกิจการงานก็ให้เข้าถึงให้ความสำเร็จ ถึงฐานะแห่งความเป็นมหาเศรษฐีผู้ใจบุญ มีทรัพย์เกิดขึ้นแล้วก็ให้ใช้ทรัพย์ให้ เป็นประโยชน์ต่อตนเองและชาวโลก ให้ใช้ทรัพย์เป็นไปเพื่อการสร้างสันติสุขที่แท้จริงให้เกิดขึ้นแก่ชาวโลก ทรัพย์นั้นก็ให้ได้มาอย่างสะดวกสบายอย่างง่าย อย่างดายอย่าได้มีอุปสรรคอันใดเกิดขึ้น ให้ร่างกายแข็งแรงอย่าเจ็บอย่าป่วยอย่าไข้ ให้อายุยืน ๆ ให้มีกำลังกาย กำลังใจที่เข้มแข็งที่จะสร้างความดีไปได้ตลอดรอดฝั่ง ให้ได้สร้างบารมีไปนาน ๆ ให้มีถ้อยคำที่ไพเราะ พูดจาชนะใจคนหมดทุกคนเลย ให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข ไม่มีการขัดแย้งกัน ให้มีศีลมีทิฐิเสมอกัน ให้เป็นครอบครัวธรรมกาย 

 


                ศึกษาเล่าเรียนก็ให้สำเร็จสมความปรารถนา คุณยายกราบทูลพระพุทธเจ้าเอาบุญเนี่ยะ ศึกษาเล่าเรียนประกอบธุรกิจการงานก็ดีให้ประสบความสำเร็จ ที่รับราชการก็ให้ผู้หลักผู้ใหญ่ ท่านสนับสนุนเพื่อนร่วมงานสนับสนุน ให้ไปให้สูงที่สุดเท่าที่จะสูงได้ ตำแหน่งหน้าที่การงานที่ได้มาก็เอามาไว้สำหรับสร้างบารมี นอกจากจะทำประโยชน์ให้เกิดขึ้นกับประเทศชาติแล้วก็เป็นไปเพื่อการสร้างบารมี เพราะฉะนั้นอย่าได้สะดุด ให้สมบัติได้บังเกิดขึ้นได้สร้างบารมีไม่รู้จักหมดจักสิ้น จะเดินทางไปไหนก็ให้ปลอดภัย ให้ปลอดภัยจากอัคคีภัย โจรภัยราชภัย ภัยทุกชนิด ศาสตราวุธ เขี้ยวงา หมอเสน่ห์ เล่ห์กลมนต์คาถา จ้าวทรง ผีสิง ให้ปลอดหมด 

 


                ให้มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ให้ใจเข้าถึงธรรมกายภายใน ให้รู้เห็นไปตามความเป็นจริง ให้เข้าถึงพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ ถึงรัตนะทั้ง ๓ เป็นที่พึ่งที่ระลึกอันประเสริฐ เมื่อเข้าถึงแล้วก็ให้มีหัวใจของกัลยาณมิตรที่จะไปแนะนำผู้ที่ข้างเคียงให้เข้าถึงพระรัตนตรัยเช่นเดียวกับตัวของเรา และให้มีใจมั่นคงในพระรัตนตรัย ว่าเห็นพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งอย่างแท้จริง สิ่งเดียวเท่านั้น ไม่ใช่ว่านอกจากพระรัตนตรัยแล้วยังมีต้นไม้ มีภูเขา มีจอมปลวก มีเจ้าทรงผีสิง เป็นสรณะอีก เพราะฉะนั้นให้มีแต่พระรัตนตรัยเป็นสรณะที่พึ่งที่ระลึกอย่างเดียวเท่านั้น

 


                คุณยายกราบทูลพระพุทธเจ้า กลั่นธาตุธรรม ทั้งจำคิดรู้ทุกคนให้สะอาดให้บริสุทธิ์ ให้ผ่องใส ให้สว่างไสว ให้เกิดความสำเร็จในธุรกิจการงานในทุกสิ่งทุกอย่าง ให้ได้บังเกิดขึ้นอย่างอัศจรรย์เลย ลูกๆ ที่อยู่ต่างประเทศคุณยายก็คุมบุญกราบทูลขอบุญพิเศษ ว่าไปอยู่ต่างแดนอยู่ไกลเหลือเกิน ว่าไปอยู่ที่นั่นก็ขอให้พบแต่ความสุขความเจริญรุ่งเรืองประสบความสำเร็จในชีวิตในธุรกิจการงานและสิ่งที่พึงปรารถนา ให้เข้าถึงฐานะแห่งความเป็นมหาเศรษฐีผู้ใจบุญ จะได้ช่วยกันขยายธรรมกายที่นั่นให้กว้างขวางใหญ่โตเป็นที่พึ่งแก่มนุษย์ทั้งหลาย

 

 

                คุณยายขอบุญวิเศษสิ่งไรที่เป็นอุปสรรคต่าง ๆ นานา ก็ให้ขจัดหายไปด้วยอานุภาพแห่งพระธรรมกายพระพุทธเจ้า และอานุภาพแห่งบุญบูชาข้าวพระปฏิบัติธรรมะ แม้อยู่ต่างแดนก็ให้เข้าถึงพระธรรมกาย ลูก ๆ ที่อยู่ที่แคลิฟอร์เนียก็ดี นิวเจอร์ซีย์ เพนซิลเวเนีย เบิร์กเลย์ LA ไทเป และโตเกียว กำลังขยายไปในหลาย ๆ แห่ง คุณยายคุมบุญให้ดีให้ท่านกุมบุญให้ทั่วถึงกันให้หมด ลูก ๆ ที่อยู่ภายในประเทศก็เหมือนกัน เป็นลูกที่ใกล้ชิดนี้ ก็ให้ประสบ ความสำเร็จทุกอย่างเป็นอัศจรรย์ทีเดียว ให้สำเร็จทุกเรื่องเลย เพราะฉะนั้นตอนนี้กระแสทานแห่งบุญกำลังไหลอยู่ที่ศูนย์กลางกายนะจ๊ะ ให้ลูก ๆ ชายหญิงทุกคนทำใจให้หยุดให้นิ่งอยู่ในกลางของกลางกาย แล้วอธิษฐานจิตตามใจชอบทุก ๆ คนเลยนะจ๊ะ  

 

 

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.036097331841787 Mins