๓๑ ปี แห่งบุญ

วันที่ 06 พค. พ.ศ.2567

060567b01.jpg
๓๑ ปี แห่งบุญ
๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘
พระธรรมเทศนาเพื่อการปฏิบัติธรรม วัดพระธรรมกาย
โดย... พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย)

 

                ต่อจากนี้ไปเราจะได้นั่งหลับตาเจริญสมาธิภาวนากัน ให้นั่งขัดสมาธิโดยเอาขาขวาทับขาซ้าย ให้มือขวาทับมือซ้าย นิ้วชี้ของมือข้างขวาจรดนิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย วางไว้บนหน้าตักพอสบาย ๆ ทุก ๆ คนนะจ๊ะ หลับตาของเราเบา ๆ พอเปลือกตาติดกัน อย่าไปบีบหัวตา อย่าไปกดลูกนัยน์ตา หลับพอสบายคล้าย ๆ กับเรานอนหลับขยับเนื้อขยับตัวของเราให้ดี กะคะเนให้เลือดลมในตัวของเราเดินได้สะดวก เราจะได้ไม่ปวดไม่เมื่อย ขยับเนื้อขยับตัวให้ดีนะจ๊ะ ปรับให้ดีเลยสำหรับท่านที่มาใหม่ ให้ติดเป็นนิสัยตั้งแต่เราเริ่มนั่ง ต้องปรับให้อยู่ในท่าที่สบาย เพราะความสบายเป็นหัวใจของการเข้าถึงธรรม ของการเข้าถึงสมาธิ ของการเข้าถึงความสุขภายใน อย่าลืมนะจ๊ะความสบายเป็นหลัก

 


                เพราะฉะนั้นตั้งแต่เริ่มต้นนี้อย่าดูเบา สำหรับท่านที่มาใหม่ จำให้ดี ถ้าจำตรงนี้ได้ต่อไป จะทำให้เราเข้าถึงความสุขภายใน สมาธิและธรรมะได้อย่างง่ายดาย ถ้าหากเราดูผ่านดูเบามองผ่านไป มองข้ามไปในคำแนะนำ ตั้งแต่เบื้องต้นอย่างนี้ไป จะทำให้เกิดผลเสียต่อไป ในอนาคตคือไม่ประสบความสำเร็จ ในการเข้าถึงสมาธิ ความสบายนี่สำคัญทีเดียว เป็นเบื้องต้นทีเดียวนะจ๊ะ ที่จะเข้าถึงจุดที่เราปรารถนา ความสบายนี่มีอยู่หลายระดับ แต่ให้เราเข้าใจซัก ๒ ระดับ คือความสบายในระดับเบื้องต้นกับความสบายในระดับเบื้องลึก ความสบายในเบื้องต้นนั้นน่ะ เราสบายอยู่ในระดับที่เราไม่ทุกข์คือไม่ทุกข์แต่ก็ยังไม่สุข ไม่สุขไม่ทุกข์ นั่นคือความสบายในเบื้องต้นลักษณะอาการคือมันนิ่ง ๆ เฉย ๆ ไม่ถึงกับสุขแต่มันก็ยังไม่ทุกข์ นี่คือความสบายในเบื้องต้น

 


                 ความสบายในเบื้องลึกคือ ความสบายที่แท้จริง ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องมาจาก การรักษาอารมณ์สบายเบื้องต้น ให้ต่อเนื่องกันคืออารมณ์ที่นิ่งๆ เฉย ๆ ต่อเนื่องกันไม่เผลอ ในที่สุดก็จะเข้าไปถึง ความสบายที่แท้จริงซึ่งอยู่เบื้องลึก มีลักษณะอาการที่ใจเริ่มจะขยาย เริ่มจะละเอียดลงไป อาการก็คือมันจะโล่งรู้สึกว่าโล่งใจ ร่างกายเหมือนเราจะโปร่ง ๆ กลืนกันไปกับธรรมชาติได้ เหมือนเป็นวัตถุที่โปร่งแสงโปร่งใสอะไรอย่างงั้น โปร่ง ๆ เบา เหมือนฟองสบู่ ฟองแชมพูที่เป่าเล่นน่ะ จะมีอาการโล่งโปร่งเบา นั่นคือความสบายที่แท้จริงในระดับถัดไปและต่อจากนั้น เรายังรักษาความนิ่งความหยุดความนิ่งเฉย ๆ ที่เจือไปด้วยความโล่ง โปร่ง เบาสบายต่อไปอีก

 


                โดยวิธีการเดิม มันก็จะสบายเพิ่มขึ้นไปอีก คืออาการที่โล่งโปร่งเบาสบายก็ละเอียดลงไป ละเอียดลงไปเรื่อย ๆ ขยายความรู้สึกตัวเราจะขยายกว้างขวางออกไปเหมือนตัวพองโต ขยายออกไปจนกระทั่งไม่มีขอบเขต คำว่าไม่มีขอบเขตตอนนี้ความรู้สึกของเราเหมือนเราไม่มีร่างกาย ไม่มีตัวตน มันกลืนกันไปเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับบรรยากาศทีเดียว กว้างออกไป ใจก็จะนิ่ง ๆ นุ่ม ๆ หยุดนิ่งเฉย ถ้าเรายังคงรักษาอารมณ์นี้ ให้ต่อเนื่องต่อไปอีก โดยไม่คำนึงถึงความมืดหรือความสว่าง ไม่คำนึงว่าเราจะรู้จะเห็นอะไร จะได้อะไร แค่รักษาอารมณ์ที่หยุดที่นิ่ง ที่มีความสบายอย่างนั้นต่อไปอีก มันก็จะยิ่งสบายเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น ๆ 

 


                กายของเราก็จะสงบระงับ นิ่ง ความรู้สึกที่ว่าต้องฝืนต้องพยายามนั่ง เพื่อให้ได้สมาธิก็หมดไป ความราบเรียบของกายและใจเกิดขึ้น มันจะนิ่งเอง ร่างกายเหมือนถูกตรึงติดอยู่กับพื้น ความสบายจะเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น ๆ จนเรามีความพึงพอใจ พึงพอใจทีเดียว นี่ความสุขมันมาตอนนี่แหละ เราจะรู้สึกว่าเราเป็นสุข เป็นสุขที่เรายอมรับว่าใจของเราเป็นสุข ที่ปลอดกังวล ไม่มีเรื่องคนเรื่องสัตว์เรื่องสิ่งของ คล้าย ๆ กับเราอยู่คนเดียวในโลกจริง ๆ เป็นตัวคนเดียว เป็นศูนย์กลางของสรรพสิ่งทั้งหลายน่ะ มันจะนิ่ง นุ่ม ๆ ละมุนละไมสบายสบาย ตอนนี้สบายอย่างแท้จริง เป็นความสุขที่ละเอียดอ่อนปราณีต ถ้าเรายังทําใจเหมือนเดิมคือนิ่ง ๆ หยุดนิ่งเฉย ๆ ให้ดื่มด่ำกับความสุขที่บังเกิดขึ้นต่อไปอีก ด้วยใจที่เป็นปกติ  

 


                ตอนนี้ใจของเราจะเป็นหนึ่งทีเดียว เป็นเอกัคคตาเป็นหนึ่งหยุดสนิททีเดียวตอนเนี้ย หยุด ความคิดทั้งมวล ความคิดทั้งหลายก็จะไม่เข้ามาแทรก จนกระทั่งเราเกิดความรู้สึกว่า การที่ไม่มีความคิดนี่ เป็นความสุขที่แท้จริงทีเดียว เป็นสิ่งที่แปลกใหม่สำหรับตัวเราคือตอนนี้ความเห็น ความจำ ความคิด ความรู้ จะรวมหยุดเป็นจุดเดียวกันไปเลย สามัคคีกันเป็นอันเดียวกัน ไม่ไปคนละทาง ความเห็นความจำ ความคิด ความรู้ จะรวมหยุดเป็นจุดเดียวกันเลยในสภาวะอย่างนี้ นิ่งแน่นลงไป นิ่งแน่น หยุดนิ่ง ถึงตอนนี้ความสว่างเกิด เป็นความสว่างตั้งแต่สว่างน้อยเหมือนฟ้าสาง ๆ ที่มันมาพร้อมกับความสุขที่เพิ่มขึ้น ความสบายที่เพิ่มขึ้น 

 


                แสงนั้นก็จะเจิดจ้าขึ้นไปตามลำดับของการหยุดนิ่งของใจ ของความสุขความสบายที่เพิ่มพูน เพิ่มขึ้นเรื่อยจนกระทั่งเป็นความสว่าง ๗ โมงเช้า ๘ โมงเช้า จนกระทั่งถึงอาทิตย์ตอนเที่ยงวันไปเองเลย สว่าง ความสว่างมาพร้อมกับความใสของใจ มาพร้อมกับความสุข เป็นความสว่างภายในที่บังเกิดขึ้นจากใจที่หยุดนิ่ง เมื่อหยุดนิ่งได้สนิทถูกส่วนต่อไปอีก เราก็จะเห็นความบริสุทธิ์ในเบื้องต้น ของใจเราบังเกิดขึ้นเป็นจุดสว่างเล็ก ๆ เหมือนดวงดาวในอากาศที่เราลืมตามองเห็นบนท้องฟ้าในยามราตรี คล้ายดาวพระศุกร์ดาวประจำเมือง สุกใสสว่างอยู่ในกลางของการหยุดนิ่ง เมื่อความเห็น ความจำ ความคิด ความรู้ ๔ อย่างวิ่งมาคนละทิศคนละทางและมารวมอยู่เป็นจุดเดียวกัน 

 


                ทั้ง ๔ ทิศรวมมาเลยเป็นจุดเดียวกันเป็นหนึ่ง ความบริสุทธิ์ในเบื้องต้นก็บังเกิดขึ้นที่เราเรียกว่าปฐมมรรค คือหนทางเบื้องต้นของพระอริยเจ้า เริ่มตรงนี้แล้วนะจ๊ะ เราจะเริ่มเปลี่ยนแปลงเข้าไปสู่เส้นทางของพระอริยเจ้าที่เรียกว่าอริยมรรค จะเริ่มจากตรงนี้แหละ เมื่อความบริสุทธิ์ในเบื้องต้นบังเกิดขึ้นเป็นจุดสว่างใสบริสุทธิ์ คล้ายกับดวงดาวประจำเมืองที่สว่างในยามราตรีน่ะ ถ้าใจเราหยุดนิ่งต่อไปอีก คือทำหยุดนิ่งเฉย ๆ สบาย ๆ ให้เป็นปกติต่อไปอีก จุดสว่างนั้นจะขยายกว้างออกไป โตเท่าดวงจันทร์บ้าง พระจันทร์ในคืนวันเพ็ญหรือโตขึ้นขนาดพระอาทิตย์ตอนเที่ยงวัน สุกใสขึ้นไปเรื่อย ยิ่งความสว่างเพิ่มขึ้น ความใสเพิ่มขึ้น 

 


                ดวง ดวงธรรมขยายไปเรื่อยเท่าไหร่ ความสุขก็ยิ่งเพิ่มพูน ความบริสุทธิ์ก็เพิ่มพูนจนกระทั่งเรารู้สึกว่าเราบริสุทธิ์ มันเกลี้ยงเกลาไปในระดับหนึ่งทีเดียว เป็นความบริสุทธิ์ของจิตที่แตกต่างจากจิตของเราในชีวิตประจำวัน เป็นความบริสุทธิ์ในเบื้องต้นที่มาพร้อมกับความสุข เราจะเริ่มสัมผัสแหล่งของใจที่มีคุณภาพที่แตกต่างจาก ใจที่ไม่มีคุณภาพ ที่ถูกนิวรณ์ทั้ง ๕ ครอบงำ มีกามฉันทะ พยาบาท ความสงสัย ความง่วง ความท้อความฟุ้งอะไรอย่างนั้นเป็นต้น ครอบงำใจเราอยู่ ตอนนี้เราจะเห็นความแตกต่างได้ชัดเจนทีเดียว ความแตกต่างของใจที่มีคุณภาพกับใจที่ไม่มีคุณภาพ ใจที่ถูกครอบงำด้วยความมืด ด้วยความสับสนวุ่นวายเป็นใจที่ไม่มีคุณภาพ ทำให้เราเสวยความสุขได้ไม่เต็มที่ ทำให้เรารองรับความสุขได้ไม่เต็มที่ 

 


                แต่ว่าเมื่อระดับใจของเราเข้ามาถึงจุดแห่งความสว่าง จุดของการเข้าถึงดวงธรรม จุดแห่งใจที่มีคุณภาพอย่างนี้เนี่ยก็จะเห็นความแตกต่างได้ชัดเจนกันทีเดียวเมื่อเรายังรักษาใจหยุดนิ่งต่อไปอีก หยุดนิ่งอย่างสบาย ๆ โดยไม่ต้องไปเร่งรีบเร่งร้อนอะไรน่ะ หยุดนิ่งมีอะไรให้ดูเราก็ดูไป ดูไปเรื่อย ๆ อย่างสบาย ๆ โดยไม่ต้องคิดอะไรทั้งสิ้น คือในขณะสภาวะของเราที่เราเข้าถึงในตอนนี้มันเป็นดวงธรรม เราก็ดูไปที่กลางดวงธรรม ดูไปตรงกลางดวงธรรมนะจ๊ะ มีอะไรให้ดูเราก็ดูไป ดูไปอย่างสบาย ๆ โดยไม่ต้องคิดอะไรทั้งสิ้นน่ะ มีให้ดูแค่ไหนเราก็ดูแค่นั้น หมายความว่าดวงธรรมที่ปรากฏเกิดขึ้นมา ที่โตขนาดดวงดาว ดวงจันทร์ หรือดวงอาทิตย์ที่ปรากฏขึ้นในกลาง ไม่ว่าจะชัดจะใสจะสว่างแค่ไหนก็ตาม ให้ดูไปเฉย ๆ ชัดน้อยเราก็ดูไปอย่างที่ชัดน้อย ๆ ชัดมากเราก็ดูไปอย่างชัดมาก สว่างน้อยเราก็ดูไปอย่างที่มีให้ดู 

 


                สว่างน้อย ๆ สว่างมาก ๆ เราก็ดูไปอย่างที่มีให้ดูว่าสว่างมาก ๆ ดูไปอย่างสบาย ๆ ถึงตรงนี้มักจะทนกันไม่ได้อยู่ประการหนึ่งก็คือ เราติดนิสัยว่าจะเห็นอะไรนี่ต้องเห็นให้มันชัดเจนเลย ให้มันจะ ๆ ลูกนัยน์ตาทีเดียว ถ้าไม่ชัดเจนมักจะไปเพ่งไปจ้อง ไปทำตาหยีอย่างนั้นน่ะ เพื่อจะดูให้มันชัด ๆ และนิสัยอย่างนี้ก็นำมาใช้ในกรณีที่เกิด ภาพภายใน เรามักจะเผลอนำมาใช้ไปเพ่งไปจ้องไปทำตาหยี เพื่อจะดูให้ชัดเจน โดยเข้าใจว่าวิธีการที่จะดูให้ชัดภายในนั้น คงจะเหมือนกับวิธีการภายนอก เมื่อเราไปเพ่งไปจ้องเพื่อจะให้มันชัดเจนให้ได้ดังใจ ภาพนั้นก็เลยเลือนหายไปเลย เจือจางลงไปและก็เลือนหายไป พอหายไปใจก็ถอนมาหยาบ พร้อมกับนําความเสียดายติดมาด้วย     

 


                เสียดาย เสียใจ และก็พอปฏิบัติครั้งต่อไป ก็อยากจะได้เข้าถึงจุดนั้นทันทีเลย ติดใจในประสบการณ์นั้น เพราะว่ามันดี นี่แหละคือสิ่งที่เรามักจะทนไม่ได้ ทำกันไม่คอยได้ แต่ถ้าเราทำใจให้หยุดนิ่งเฉยเป็นปกติ ตรงกับคำสอนของหลวงพ่อวัดปากน้ำที่ท่านสอนเอาไว้ว่า หยุดเป็นตัวสำเร็จ ถ้าเรามีความเชื่อคำสอนท่านอย่างแท้จริง แล้วก็ทำแค่เพียงทำใจให้มันหยุดนิ่งเฉย ๆ ด้วยใจที่เป็นปกติ มีอะไรให้ดูเราก็ดูไป ดูไปเรื่อย ๆ อย่างสบาย ๆ โดยไม่ต้องคิดอะไรทั้งสิ้น มีให้ดูแค่ไหนเราก็ดูไปแค่นั้น ถ้าเราทำได้อย่างนี้นะจ๊ะได้ชื่อว่าเราได้เชื่อฟังคำสอนของหลวงพ่อวัดปากน้ำและก็เชื่อในสิ่งที่ท่านพูดว่าหยุดเป็นตัวสำเร็จอย่างแท้จริง

 


                เพราะหยุดเท่านั้นจะทำให้ เรามีใจที่ละเอียดกว่าเดิมเข้าไปเรื่อย ๆ ซึ่งตอนนี้เราถึงดวงธรรมที่ใสบริสุทธิ์ประดุจดวงอาทิตย์ตอนเที่ยงวันแล้วน่ะ ใจก็ยังนิ่งสงบอยู่ภายใน ความเห็น ความจำ ความคิด ความรู้ รวมมาเป็นหยุดเป็นจุดเดียวเอง โดยธรรมชาติ มาเองเลยน่ะ เป็นอย่างนั้นจริง ๆ เลย หยุดเป็นจุดเดียวสิ่งนี้จึงจะเกิดขึ้นเป็นจุดสว่างเป็นดวงสว่าง และใจเราก็สบายสบาย กายเบาใจเบา นั่งแล้วมัน นั่งแล้วรู้สึกมีรสมีชาติ มันอร่อยมันสนุก มันเพลินไม่เบื่อหน่าย เริ่มมีความรู้สึกรักที่จะนั่งธรรมะ เริ่มเห็นคุณค่าของการปฏิบัติธรรมด้วยตัวของตัวเอง เมื่อเราทำถูกวิธีแล้วเป็นผลให้มีประสบการณ์ภายในที่ชัดเจนสมบูรณ์ 

 


                เราจะนั่งอย่างอร่อยอย่างเพลิดเพลิน เช่นเดียวกับเราทำกิจกรรมภายนอกที่เราเพลิดเพลินในกิจกรรมนั้น เราจะเพลิน ความเพลินที่มาพร้อมกับความสุขภายในที่ใจหยุดนิ่งเฉยสบายสบายอย่างนั้นน่ะ ใจสบายเท่าไหร่ดวงธรรมก็ขยายกว้างออกไปน่ะ แล้วเราก็จะเข้าถึงดวงธรรมใหม่ที่ซ้อนอยู่ภายในซึ่งเป็นดวงธรรมที่ละเอียดกว่า ลักษณะที่เราเห็นเป็นภาพก็คือจะมีดวงธรรมดวงใหม่ผุดเกิดขึ้นมาในกลาง ในขณะที่ร่างกายเราไร้ตัวตน ไม่มีตัวตน ไม่มีร่างกาย ก็จะมีดวงธรรมดวงใหม่ผุดเกิดขึ้นมาอีกเป็นดวงใสบริสุทธิ์กว่าเดิมเข้าไปอีก ที่หลวงพ่อใช้คำว่าเราเข้าถึงดวงธรรมดวงใหม่ก็หมายความว่า ดวงธรรมดวงนี้มีอยู่แล้วภายใน ไม่ใช่เป็นสิ่งที่เราไปสมมติให้มันเกิดขึ้น ไปสร้างภาพให้มันเกิดขึ้น ไม่ใช่อย่างนั้นนะจ๊ะ

 


                เป็นสภาวธรรมที่มีอยู่แล้วภายใน แต่ละเอียดกว่า เมื่อใจเราหยุดนิ่งต่อไปเรื่อย ๆ หยุดในหยุดต่อไปอีก ความละเอียดในละเอียดคือละเอียดกว่าเดิมก็บังเกิดขึ้น ใจของเราก็จะเข้าถึงดวงธรรมที่ถัดไปที่ละเอียดลงไป ก็จะเข้าถึงไปอย่างนี้แหละ ไปเรื่อย ๆ ไปเป็นชุดทีเดียว เป็นชุดทีเดียวน่ะ มีดวงศีล ดวงสมาธิ ดวงปัญญา ดวงวิมุตติ ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ เป็นชุดของดวงธรรมที่มีความละเอียดแตกต่างกันออกไปน่ะ ละเอียดเข้าไปเรื่อย ๆ ถ้าเรายิ่งหยุดนิ่งคือทำไปเฉย ๆ เป็นปกติเหมือนเดิม ใจก็จะแล่นเข้าไปภายใน คำว่าแล่นมาจากคำว่าคมน แปลว่าแล่น ไตรสรณคมน์คือมันแล่นเข้าไปสู่พระรัตนตรัย ไปสู่ที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริงที่ประเสริฐที่สุด ๓ อย่างคือพุทธรัตนะธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ คือใจจะแล่นเข้าไป อาการที่แล่นเข้าไปคือ ความรู้สึกว่าเราเคลื่อนตัวของเราเข้าไป ภายในเคลื่อนไปเองเหมือนเราเลื่อนลงไป เคลื่อนลงไป เคลื่อนเข้าไปภายในละเอียดลงไป ๆ ๆ เรื่อย ๆ แล่นไปสู่สรณะ

 

                เมื่อใจเราหยุดนิ่ง ถ้าเรายังคงเชื่อคำสอนของหลวงพ่อวัดปากน้ำที่ว่า หยุดเป็นตัวสำเร็จ ๆ ๆ เราก็ทำแค่เพียงหยุดนิ่งเฉย ๆ ต่อไปอีก เห็นไม้จ๊ะว่าเมื่อเราหยุดนิ่งไปแล้วเนี่ย ความสว่างมันเกิด สว่างไปถึงไหนเราก็เห็นไปถึงนั่น ตอนนี้เราเห็นดวงธรรมเพราะความสว่างมันเกิด เห็นไปถึงไหนเราก็รู้ไปถึงนั่น มีความรู้ว่าสิ่งที่เราเห็นนั้นว่าเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ ตอนนี้เราเข้าไปถึงดวงศีล ดวงสมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ ซึ่งเป็นชุดของดวงธรรมชุดแรกที่บังเกิดขึ้นมาในกลางและนำใจของเราเข้าถึงกายมนุษย์ละเอียด เข้าถึงอีกแล้วเห็นไม้จ๊ะ หลวงพ่อใช้คำว่า เข้าถึงอีกแล้ว แล่นเข้าไปสู่ เข้าถึงกายมนุษย์ละเอียด

 

                 กายมนุษย์ละเอียดที่มีอยู่แล้วเช่นเดียวกับดวงธรรม เป็นที่บังเกิดขึ้นอยู่ตรงนั้นเลยน่ะ อยู่ในกลางเช่นเดียวกันเป็นกายมนุษย์ละเอียด หน้าตาเหมือนกับตัวของเราเลย คือเรารู้เลยพอเห็นไอ้นี่มันตัวของเรา คล้าย ๆ กับส่องกระจก แต่ว่านั่งขัดสมาธิหันหน้าออกไปทางเดียวกับตัวของเราเป็นกายที่ไม่เหมือนตุ๊กตา เป็นกายที่มีชีวิตจิตใจเหมือนกับกายหยาบของเรานี่แหละ จะแตกต่างตรงที่ดูมีความละเอียดอ่อนนุ่มนวล บริสุทธิ์กว่ากายหยาบ สงบนิ่งกว่า เรียบร้อยทีเดียวนั่งขัดสมาธิอยู่ในกลาง โปร่งเบากว่าเราดูแล้วน่าชื่นใจ น่าชื่นอกชื่นใจทีเดียว ถ้าเรายังคงหยุดนิ่งต่อไปอีก เพราะเชื่อในคำสอนของหลวงพ่อวัดปากน้ำว่า หยุดเป็นตัวสำเร็จ 

 


                ซึ่งถอดคำสอนมาจากคำว่า สมณะหยุด ๆ คือผู้ที่มีใจสงบระงับคือผู้ที่มีใจหยุดดีแล้ว เราก็ยังคงหยุดต่อไปอีก หยุดจนกระทั่งเรากลืนกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับกายมนุษย์ละเอียดนั้นเลยเราก็ยังคงหยุดต่อไปอีก หยุดจนกระทั่งเรากลืนกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับกายมนุษย์ละเอียดนั้นเลยตอนนี้แหละเราจะรู้ว่ากายมนุษย์ละเอียดจริง ๆ แล้วมีชีวิตจิตใจเหมือนกับตัวของเรา เป็นชีวิตภายในที่ละเอียดกว่าชีวิตภายนอก ความรู้สึกของเราก็จะเริ่มเปลี่ยนแปลงไปว่าแต่เดิมเราคิดว่ากายหยาบนี้เป็นตัวเรา เป็นของเราจริง ๆ แล้วแค่เป็นเปลือกอาศัยอยู่ชั่วคราวเท่านั้น ความรู้สึกมันก็จะค่อย ๆ เริ่มแบ่งออกไปน่ะ

 


                 เริ่มเข้าใจขึ้นเริ่มแจ่มแจ้งขึ้นไปตามลำดับ ใจของเราหยุดนิ่งต่อไปอีกในกลางนั้นอย่างสบาย ๆ เนี่ย เบิกบานแช่มชื่นสง่างามผึ่งผายอยู่ในตัวอย่างนั้นน่ะ ให้ใจนิ่งเฉย สบายสบายไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวเราก็เข้าถึงดวงธรรมอีกชุดหนึ่งซึ่งอยู่ในกลางกายมนุษย์ละเอียด ชุดละ ๖ ดวง ๖ ดวงไปอย่างนี้นะจ๊ะ ไปเรื่อย ๆ เลย เข้าถึงเช่นเดียวกัน ใช้คำว่าเข้าถึง เข้าถึงดวงธรรมชุดใหม่เรื่อยไปเลย หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านเรียกว่าดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐานหรือดวงปฐมมรรค ถัดต่อไปอีกของชุดที่ ๒ แล้วก็เข้าถึงดวงศีล ดวงสมาธิ ดวงปัญญา ดวงวิมุตติ ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ จะมีชื่อเรียกกันในแต่ละดวงตามคุณสมบัติของดวงธรรมนั้น เป็นชุด ๆ ๆ เข้าไปน่ะ 

 


                ชุดที่ ๒ จะสว่างกว่าชุดแรกละเอียดกว่า ก็จะเข้าไปอย่างเนี่ย เข้าไปเรื่อย ๆ ไปเลย ในกลางดวงธรรมชุดที่ ๒ ด้วยวิธีการเดิม วิธีการเดียวเท่านั้นคือ หยุดนิ่งต่อไป มันก็จะนิ่งแน่นต่อไปเรื่อย ๆ เราไม่จำเป็นจะต้องไปเปลี่ยนแปลงอะไรเลย และดูเหมือนเราแทบจะไม่ต้องทำอะไรเลยนอกจากหยุดนิ่งเฉย ๆ อย่างสบายสบายน่ะ หยุดนิ่งเฉยต่อไปเรื่อย ๆ ใจก็จะเคลื่อนเข้าไปสู่ภายในแล่นเข้าไปสู่สรณะโดยผ่านดวงธรรมชุดที่ ๒ เข้าถึงกายอีกกายหนึ่ง ซึ่งอยู่ในกลางดวงธรรมวิมุตติญาณทัสสนะคือกายทิพย์ กายทิพย์มีลักษณะที่แตกต่างจากกายมนุษย์ละเอียดเข้าไปอีก คือเป็นกายที่สมบูรณ์ขึ้นกายทิพย์ภายใน กายมนุษย์หยาบที่มีปุ่มมีปมมีเส้นเอ็นกล้ามเนื้ออะไรชัดเจน พอไปถึงกายมนุษย์ละเอียดเริ่มไม่ชัดเจน 

 


                พอถึงกายทิพย์นี่ยิ่งไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ คือไม่ค่อยมี เป็นกายทิพย์ที่สมบูรณ์ที่มีเครื่องประดับพร้อมเป็นกายสำหรับผู้ที่จะไปสู่สุขคติภูมิต้องมีฟอร์ม ยูนิฟอร์มอย่างนี้น่ะ สุขคติโลกสวรรค์เค้าก็จะมีกายอย่างนี้ มียูนิฟอร์มอย่างนี้ มีเครื่องประดับของกายทิพย์ซึ่งเกิดมาด้วยอานุภาพแห่งบุญที่สร้างเอาไว้ในสมัยที่มีชีวิตอยู่ ก็จะมีกายที่สวยงามอย่างนี้แหละกายทิพย์ จะเอากายมนุษย์หยาบหรือกายมนุษย์ละเอียดน่ะไปอยู่ในสุขคติโลกสวรรค์น่ะไม่ได้ เพราะว่าสวรรค์ก็เหมาะสำหรับกายทิพย์ โลกเหมาะสำหรับกายมนุษย์หยาบ เพราะฉะนั้นสุขคติโลกสวรรค์จึงมีกายที่แตกต่างจากกายที่อยู่บนพื้นมนุษย์ กายนี้ก็มีอยู่แล้วภายใน ซ้อนอยู่ในกลางดวงวิมุตติญาณทัสสนะชุดที่ ๒ น่ะ จะเห็นกายนี้สวยงามมีเครื่องประดับ เห็นแล้วชื่นใจทีเดียว ปิติเบิกบานใจกว่าเก่าไปอีก มีความสุขสดชื่นเบิกบาน กายนี้ยิ่งใส ๆ ๆ สวยงามมากทีเดียว เรายังคงทำแบบเดิมไปอีกคือหยุดนิ่งต่อไป 

 


                เห็นไม๊จ๊ะว่าเราแทบไม่ต้องทำอะไรเลย เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงทีเดียวว่าด้วยวิธีการอย่างนี้เนี่ย เราจะได้เข้าถึงสิ่งที่น่าอัศจรรย์ที่มีอยู่แล้วภายในตัวของเรา ไม่ว่าเราจะรู้เรื่องหรือไม่รู้เรื่องก็ตามสิ่งนี้ก็มีอยู่ ใจเรายังคงหยุดต่อไปในที่สุดเราก็จะเข้าถึงดวงธรรมอีกชุดหนึ่ง ชุดละ ๖ ดวง ๖ ดวงเข้าไปอย่างนี้นะจ๊ะ ไปเป็นชุดที่ใสกว่าสว่างกว่า ละเอียดกว่าซ้อนอยู่ในกลางกายทิพย์ แล้วในที่สุดเราก็จะเข้าถึงอีกกายหนึ่งคือกายรูปพรหม อยู่ในกลางดวงวิมุตติญาณทัสสนะ ของดวงธรรมชุดถัดไปน่ะ ชุดที่ ๓ กายรูปพรหมนี้สวยงามมากกว่ากายทิพย์เข้าไปอีกคือ นอกจากไม่มีปุ่มไม่มีปม ไม่มีข้อกระดูกอะไรต่าง ๆ แล้วน่ะ ยังคล้ายเหมือนเอาลูกโป่งเป่ายังงั้นน่ะ ลักษณะที่แตกต่างจากกายทิพย์ ความปราณีตทั้งเครื่องประดับ ความปราณีตของรูปกายงามทีเดียว เป็นกายที่เป็นพรหมจรรย์สวยงามมาก ความสุขของเราก็จะเพิ่มพูนเข้าไปอีก เพิ่มไปเรื่อย ๆ 

 


                เราก็ยังจะต้องทำด้วยวิธีการเดิมต่อไปอีก คือใจหยุดนิ่งอย่างนี้แหละ หยุดนิ่งอยู่ในกลางกายรูปพรหม เฉยนิ่งแบบเดิมแบบเดียว ไม่มีวิธีอื่นอีก วิธีเดียววิธีเดิม เดี๋ยวเราก็ทะลุเข้าไปอีกเลยน่ะ แล่นต่อไปอีก มันเคลื่อนเข้าไปเลย ผ่านดวงธรรมชุดถัดไป เข้าถึงอีกกายหนึ่งคือกายอรูปพรหมซึ่งอยู่ในกลางดวงวิมุตติญาณทัสสนะเช่นเดียวกันของดวงธรรมชุดถัดไป กายอรูปพรหมนี่เริ่มจะคล้ายกับกายมหาบุรุษแล้ว คล้ายมากเพิ่มขึ้นจะแตกต่างกันก็นิดเดียวเท่านั้นเอง เพราะยังมีเครื่องประดับอยู่ แต่คล้ายเข้าไปเรื่อย ๆ เลย กายอรูปพรหม มาพร้อมกับความสุขความบริสุทธิ์ ความเบิกบานความบันเทิงใจที่เพิ่มพูนขึ้นไปเรื่อย ๆ เมื่อใจเราหยุดนิ่งต่อไปอีก ด้วยวิธีการเดิม เราก็จะผ่านชุดดวงธรรมถัดต่อไปอีก อีกชุดหนึ่ง เข้าถึงกายธรรมโคตรภู 

 


                กายธรรมโคตรภูลักษณะที่สวยงามกว่าเดิมมากจนเทียบกันไม่ได้ทีเดียว เป็นกายที่มีความสมบูรณ์พร้อมทั้งรูปกายเนี่ย พร้อมไปหมดเลย งามไม่มีที่ติ ใสเกินใสสวยเกินสวย นั่งขัดสมาธิสงบนิ่งหันหน้าออกไปทางเดียวกับตัวของเรา เกตุดอกบัวตูม เครื่องประดับไม่มีเลย มีแต่เป็นพระที่มีเครื่องนุ่งห่มที่แนบเนื้อติดกับตัวไปเลย ใสสวยงามมากทีเดียวน่ะ งามไม่มีที่ติ กายธรรมโคตรภู่นี่เป็นสรณะเบื้องต้น ความรู้สึกตอนนี้ของเราจะเป็นอิสระที่กว้างขวางกว่าเดิมเข้าไปอีก กว้างไปเรื่อย ๆ มีความปิติมีความเบิกบาน มีความสุขมีความบริสุทธิ์ มีพลังใจที่จะสร้างความดีต่อไปอีก ใจของเราจะรู้สึกเกลี้ยง ใจเราจะเกลี้ยงเกลาทีเดียว คุณภาพของใจจะเพิ่มพูนขึ้นไปอีก กายจะใสจะสะอาดจะบริสุทธิ์สว่าง เราจะรู้สึกอบอุ่นรู้สึกปลอดภัย รู้สึกมั่นใจในชีวิต รู้สึกว่าชีวิตไม่มีอุปสรรคอะไรทั้ง ๆ ที่มันมีอุปสรรคอยู่เป็นปกติ แต่ว่าเมื่อเข้าถึงตอนนี้ความรู้สึกชนิดนั้นน่ะ มันหมดไปน่ะ ใจจะใส ใจจะสว่างนี่แหละคือสรณะเบื้องต้น 

 


                ผู้ที่เข้าถึงตรงนี้ได้จึงจะได้ชื่อว่าเป็นอุบาสกอุบาสิกาที่แท้จริง มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งพุทธศาสนาเริ่มจากตรงนี้แหละเรื่อยไปเลย ที่เราเคยฟังธรรมหรืออ่านเจอในพระคัมภีร์ต่าง ๆ ว่ามีผู้ที่ได้บรรลุไตรสรณคมน์กันเป็นจำนวนมากมายในสมัยพุทธกาลนั้นก็หมายถึงตรงนี้แหละ เมื่อเข้าถึงธรรมกายโคตรภูหน้าตักหย่อนกว่า ๕ วานิดหน่อย ใสบริสุทธิ์ งามไม่มีที่ติทีเดียวเนี่ย ตรงนี้แหละเราเข้าถึงไตรสรณคมน์ เข้าถึงไตรสรณคมน์มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งและที่ระลึก เป็นที่พึ่งก็หมายถึงว่าเมื่อเข้าถึงตรงนี้แล้ว ความทุกข์ในชีวิตประจำวันที่มีอยู่มันก็หมดไป มันก็ดับไป หรือบางครั้งเราประสบทุกข์ แต่ใจของเราติดอยู่ในธรรม ติดอยู่ในธรรมกายโคตรภูนี้ มันก็เหมือนคบเพลิงร้อน ๆ จุ่มลงไปในน้ำน่ะ มันก็วูบดับไป เมื่อใจเราระลึกนึกถึงพระรัตนตรัย นึกถึงธรรมกายโคตรภูที่เราเข้าถึงตรงนี้เนี่ย คือแทนที่เราจะไปคิดเรื่องอื่น พอมาคิดหรือมาระลึกนึกถึงพระรัตนตรัยตรงนี้ ถึงธรรมกายโคตรภูตรงนี้ ความทุกข์นั้นดับไปทันทีเลย 

 


                แต่ถ้าไม่ระลึก ไประลึกเรื่องที่นำมาซึ่งความทุกข์ ใจมันก็เป็นทุกข์ เพราะว่าเราไม่รู้ว่าสิ่งที่ควรระลึกนั้นมันคืออะไร ทีนี้เมื่อเรามาเข้าถึงธรรมกายโคตรภูอย่างนี้น่ะ คำว่าสรณะแปลว่าทั้งที่พึ่งและที่ระลึกคือถ้าระลึกเอาไว้เรื่อย ๆ นึกเรื่อย ๆ ติดอยู่กับท่านเรื่อย ๆ ก็เป็นที่พึ่งกับเราได้ ความทุกข์นั้นก็ดับไป ดังนั้นคำว่าสรณะนี่ลึกซึ้งทีเดียวนะจ๊ะ ดับไปเลยเมื่อเราระลึกนึกถึงท่านซึ่งเป็นสิ่งที่ควรแก่การระลึก ควรแก่การนึกถึง ควรแก่การคิดถึง ควรแก่การที่เราจะเอาใจใส่สนใจติดกับท่านอยู่ตลอดเวลา เหมือนชายหนุ่มคิดถึงหญิงสาว หรือเหมือนหญิงสาวคิดถึงชายหนุ่ม คู่รักเค้าก็คิดถึงกันอย่างไรเนี่ยถ้าเราระลึกนึกถึงอย่างนี้แล้วเป็นที่พึ่งแก่เราได้อย่างแท้จริง ใจของเราจะใสจะสะอาดจะบริสุทธิ์ แม้กิเลสจะยังไม่ หมดก็ตาม แต่เราก็มีที่พึ่งเป็นหลักใจของชีวิตในเบื้องต้น 

 


                ต่อจากนี้ไปก็เป็นเส้นทาง ที่จะก้าวสู่ความเป็นพระอริยเจ้า ตั้งแต่พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์ ซึ่งจะเริ่มต้นมาจากธรรมกายโคตรภูอันนี้แหละ ซึ่งเป็นจุดกึ่งกลางระหว่างความเป็นปุถุชนกับความเป็นพระอริยเจ้า จะเป็นจุดกึ่งกลางทีเดียว ถ้าเรารักษาตรงนี้เอาไว้ไม่ให้มันเสื่อมลงมา ให้ตลอดไปน่ะ หนทางที่จะไปสู่พระนิพพานก็ใกล้เข้ามา เราก็จะเข้าสู่เขตแดนของพระอริยเจ้า ตั้งแต่พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี พระอรหัต กิเลสอาสวะอะไรต่าง ๆ ก็จะค่อย ๆ ลดน้อยถอยลงไปตามลำดับจนกระทั่งหมดไปโดยสิ้นเชิง ถึงธรรมกายอรหัตหน้าตัก ๒๐ วา สูง ๒๐ วา ใสบริสุทธิ์สว่างเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเลย นั่นแหละคือเป้าหมายของชีวิต ทุกระดับของมนุษย์ทุก ๆ คนทีเดียว เมื่อเรามาเกิดในจังหวะของธรรมกายบังเกิดขึ้น ถือว่าเรามีบุญก็ควรจะตักตวงบุญให้เต็มที่ บุญนี้คือที่พึ่งของเราทั้งในโลกนี้ โลกหน้าและในสังสารวัฏ ตั้งแต่ความเป็นปุถุชนจนกระทั่งถึงความเป็นพระอริยเจ้า บุญนี้จะเป็นพลังสนับสนุนให้เราประสบความสุขความสำเร็จในชีวิตทุกระดับ เราจะสมบูรณ์ไปหมดเลย

 


                เพราะฉะนั้นบุญนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ ที่เราจะต้องสร้างต้องสั่งสมให้สม่ำเสมอ จะแพ้ชนะกันก็อยู่ที่มีบุญนี้แหละ อยู่ที่บุญนี่แหละ มีบุญมากอุปสรรคของเราก็น้อย มีบุญน้อยอุปสรรคมันก็มาก เพราะฉะนั้นเราจะต้องสั่งสมบุญกันเอาไว้ทุก ๆ คนนะจ๊ะ บุญนี่เป็นที่พึ่งสำคัญที่สุดเลย จะมีบุญเล็กบุญน้อย บุญใหญ่อะไรก็แล้วแต่ มีโอกาสทำ พึงทำ จงทำ ทำเถอะ ชีวิตที่เราจะอยู่ในโลกนี้มีจำกัด มีเวลาเหลือเพียงเล็กน้อยจริง ๆ เพราะฉะนั้นมีโอกาสที่เราจะสั่งสมบุญ เราก็ทำให้เต็มที่หลวงพ่อมุ่งไปถึงที่สุดแห่งธรรมไม่เคยขาดเลย ในการที่จะตั้งเป้าหมายไปให้ถึงที่สุดแห่งธรรม ถ้าเรายังไปไม่ถึงที่สุดแห่งธรรม เราก็ยังเป็นบ่าวเป็นทาสของพญามารเค้า มารมันก็จะบังคับบัญชาให้เราเกิด ให้แก่ ให้เจ็บ ให้ตาย ให้ทุกข์ทรมาน ให้ตกต่ำได้อยู่ตลอดเวลา มารนี่ครอบงำทุกสิ่งไปหมดเลย ทั้งโอกาสโลก ทั้งขันธโลก ทั้งสัตว์โลก ความเป็นอยู่ทุกชนิดครอบงำหมด บังคับบัญชากันไปหมด ถ้าไปไม่ถึงที่สุดแห่งธรรมแล้ว เราก็จะอยู่ในกรอบวิชาของเค้า ที่เค้าจะบังคับบัญชาให้เราเป็นไปตามอำนาจของเค้าอยู่ได้ตลอดเวลา 

 


                เพราะฉะนั้นหลวงพ่อสั่งสมบุญตั้งความปรารถนาทุกวันไม่ได้เคยขาดเลยแม้แต่วันเดียว เป็นเวลาถึงสามสิบหนึ่งปี ว่าจะต้องไปถึงที่สุดแห่งธรรมให้ได้ดังนั้นเมื่อหลวงพ่อตั้งใจปรารถนาอย่างนี้ก็จะมาพิจารณาดูว่าชีวิตของเรามีเพียงน้อยนิด ไม่ช้าก็จะแตกดับไป ทำอย่างไรจึงจะใช้เวลาที่มีจำกัดนี้สร้างบุญให้เต็มที่ สร้างบุญให้มาก และก็ให้มากที่สุด เพราะถ้าบุญน้อยบุญไม่มาก โอกาสที่เราจะไปถึงที่สุดแห่งธรรมนั้นยาก จะไปถึงที่สุดแห่งธรรมนั้นบุญต้องมากมหาศาลทีเดียวใจหลวงพ่อ ถึงครุ่นคิดอยู่เกี่ยวกับเรื่องนี้ตลอดเวลาว่า ทำอย่างไรจึงจะได้บุญมากเพื่อไปให้ถึงที่สุดแห่งธรรมให้ได้ ก็จะคิดอย่างนี้จะหาวิธีการอย่างนี้ตลอดเวลาว่าทำอย่างไรจึงจะได้บุญมาก บุญได้ปานกลางหรือได้เล็กน้อยนี้ไม่ค่อยจะสนใจเท่าไหร่ คิดว่าทำอย่างไรจะได้บุญมาก มากที่สุด มากจนที่จะทำให้เราหลุดพ้นจากบ่าวจากทาสของเค้าได้ คิดอย่างนี้ 

 


                เพราะฉะนั้นบุญทุกบุญที่หลวงพ่อได้ทำมาตลอดสามสิบหนึ่งปีนี้ ล้วนแต่เป็นบุญใหญ่สำคัญที่จะสนับสนุนให้ไปถึงเป้าที่ได้ปรารถนาเอาไว้ดังนั้นลูก ๆ ทุกคนจำเอาไว้นะจ๊ะ สิ่งอะไรที่หลวงพ่อแนะนำให้สั่งสมบุญให้สร้างบุญน่ะ ทำไปเถอะสิ่งนั้นคือสิ่งที่หลวงพ่อกลั่นเอามาแล้ว คิดแล้วพิจารณาแล้ว ตรวจตราดูอย่างดีแล้วว่าเป็นสิ่งที่จะทำให้ลูก ๆ ทุกคนได้บุญมาก บุญอันเลิศบุญอันประเสริฐที่จะนำเราได้ไปถึงที่สุดแห่งธรรมพร้อม ๆ กัน เพราะฉะนั้นเรามีกำลังเรี่ยวแรงแค่ไหน ทุ่มชีวิตเป็นเดิมพัน อย่ากลัวตาย อย่ากลัวความลำบาก อย่ากลัวอุปสรรคทั้งหลายทั้งมวล ทุ่มชีวิตไปทำให้มันสำเร็จให้ได้ อย่าไปคำนึงถึงอุปสรรค ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจตกต่ำ หรือจะเป็นสถานการณ์บ้านเมือง หรือจะเป็นเรื่องราวอะไรก็แล้วแต่ จะเจ็บจะป่วยจะไข้หรืออะไร ไม่สนใจทั้งนั้น มุ่งไปเอาบุญใหญ่กัน ทำสิ่งที่เราปรารถนานั้นให้สำเร็จ 

 

                ขณะนี้บุญใหญ่ของเราที่คอยอยู่ กำลังทำอยู่คือธรรมกายเจดีย์ ซึ่งประกอบด้วยเจดีย์และพระธรรมกาย ที่จะสร้างให้สำเร็จให้ได้ภายในเร็ว ๆ นี้ ให้ทันที่คุณยายอาจารย์ของเราจะได้เห็น เพราะท่านอายุมากแล้ว ให้ทันใช้งานพระศาสนา ให้ทันที่จะเป็นจุดศูนย์รวมใจของชาวพุทธทั่วโลกและผู้มีบุญทั่วโลกทั้งหลาย ขณะนี้เรากำลังมุ่งเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้นะจ๊ะ นี่เป็นบุญใหญ่อย่างมหาศาลทีเดียวธรรมกายเจดีย์ กว่าจะมาบังเกิดขึ้นในมนุษย์โลกนี้ไม่ใช่ของง่าย พญามารเนี่ยกันนักกันหนาทีเดียว แต่ว่ากันผู้มีใจหยุดอย่างละเอียดดีแล้วไม่ได้ จึงได้ถ่ายทอดลงมาให้มาปรากฏอยู่ในพื้นมนุษย์ ผู้มีบุญเท่านั้นจึงจะมีโอกาสได้ยินได้ฟัง ได้ทำและก็ทำได้สำเร็จ ลูก ๆ ทุก ๆ คนนะจ๊ะทั้งภายในและต่างประเทศเมื่อได้ยินข่าวบุญนี้แล้ว อย่าอยู่นิ่งเฉย ทำไปเถอะ ต่อไปเมื่อเราได้บรรลุธรรม เข้าถึงธรรมกาย เราจะรู้เราจะเห็นได้ด้วยตัวของเราเอง ความปิติความภาคภูมิใจ ในตอนนั้นจะบังเกิดขึ้นกับเราอย่างจะนับจะประมาณมิได้

 

                เพราะฉะนั้นตอนนี้นะจ๊ะเรามีกำลังเรี่ยวแรงแค่ไหนทำไป ทำกันไปให้เต็มกำลังเลย อย่ากลัวอุปสรรคอย่ากลัวความลำบาก อย่ากลัวเสียงวิพากษ์วิจารณ์อะไร ทำให้สำเร็จแล้วเราจะได้ปีติใจ ภาคภูมิใจกันไปพร้อม ๆ กัน เมื่อธรรมกายเจดีย์นั้นสำเร็จ และเมื่อกำลังบุญเรามากพอสักวันหนึ่งเราจะไปถึงที่สุดแห่งธรรม ถึงตอนนั้นเราจะได้มองย้อนหลังพร้อม ๆ กันว่าเรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไรนะจ๊ะ ลูก ๆ ทุก ๆ คน การทำของเราคือทำอย่างเต็มที่ ด้วยตัวของเราเองด้วย และก็ชักชวนหมู่ญาติ เป็นยอดกัลยาณมิตรให้กับทุก ๆ คนในโลกที่ใกล้ชิด เราจะหันหน้าไปทางทิศไหนก็ตาม บุคคลนั้นคือผู้มีบุญที่เราจะต้องชวนให้เค้าสร้างบุญอันนี้ ให้ไปถึงที่สุดแห่งธรรมด้วยกัน เพราะฉะนั้นลูกทุกคนตอนนี้อย่านอนใจนะจ๊ะ ทำกันให้เต็มที่ อย่ากลัวความลำบาก อย่ากลัวอุปสรรคอย่ากลัวเสียงวิพากษ์วิจารณ์ อย่ากลัวทุกสิ่งทุกอย่างเลย สร้างธรรมกายเจดีย์ของเราให้สำเร็จให้ได้ ชวนกันมาให้ได้นะจ๊ะ ทำกันให้เต็มที่เลย 

 


                ความปีติใจ ๑ เดือนที่ผ่านมา เมื่อวันปีใหม่นี้มันอยู่ ยังอยู่ในใจหลวงพ่ออยู่ตลอดเวลาได้เห็นลูก ๆ หลาย ๆ คนจำนวนมากทีเดียว ที่มาทนทุกข์ยากลำบากกันไป เพื่อที่จะกลั่นแผ่นดินที่จะประดิษฐานธรรมกายเจดีย์ให้บริสุทธิ์ ไม่ว่าเด็กเล็กแค่ไหนก็แล้วแต่ ผู้เฒ่าผู้แก่ทุกเพศทุกวัยอยู่กันด้วยความผาสุก โดยไม่คำนึงถึงอุปสรรคที่เกิดขึ้น ทุกคนมีจิตใจที่ร่าเริงเบิกบานน่ะ แต่ตอนนี้หลวงพ่อขอฝากให้ลูก ๆ ทุก ๆ คนได้รับทราบ คิด พูด และก็ทำให้มันสำเร็จคือธรรมกายเจดีย์ ซึ่งประกอบไปด้วยเจดีย์ส่วนหนึ่งและธรรมกายประจำตัวปกติชาวพุทธทุกคนน่ะมีคติที่จะสร้างพระประจำตัวเพื่อตัวเอง เพื่อบรรพบุรุษที่ละโลกไปแล้ว เพื่อบุตรหลานญาติมิตรมีอยู่แล้ว แต่เค้าจะสูญเสียโอกาสที่จะได้บุญนี้ ถ้าเราไม่ไปบอกเค้า ไม่ไปชักชวนเค้า แต่ในเมื่อคตินิยมเป็นอย่างนี้อยู่แล้วเนี่ย ขอให้ลูก ๆ ทุกคนเป็นตัวแทนหลวงพ่อ เป็นตัวแทนฝ่ายบุญ ที่จะไปชักชวนเค้า มาสร้างธรรมกายเจดีย์ให้สำเร็จให้ได้นะจ๊ะ 

 


                เพราะฉะนั้นต่อจากนี้ไปขอให้ทำกันอย่างเต็ม ที่โดยไม่คำนึงถึงอุปสรรคใด ๆ ทั้งสิ้น ให้มุ่งหมายไปที่เป้าหมายนะจ๊ะ ทำให้สำเร็จ ให้คิดกันอย่างนี้ทุกคนนะจ๊ะ เมื่อทราบอย่างนี้แล้ว ต่อจากนี้ไปเรารวมใจกันอธิษฐานจิตให้ดีว่า ขออานุภาพแห่งบุญ ซึ่งเกิดจากการบูชาข้าวพระนี้ ให้สิ่งที่ข้าพเจ้าได้ตั้งใจเอาไว้ทุกอย่างเนี่ย ให้สำเร็จเป็นอัศจรรย์เลย คุณยายก็กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าทุก ๆ พระองค์ในอายตนนิพพานให้เติมบุญเติมบารมี เติมรัศมี เติมกำลัง เติมฤทธิ์ เพเติมอำนาจ เติมสิทธิ์เฉียบขาดทุกอย่างลงมาซ้อนในกลางของลูก ๆ ทุก ๆ คนที่อยู่ภายในและต่างประเทศ ให้มีพลังบุญพลังบารมี ที่จะช่วยกันสร้างธรรมกายเจดีย์นี้ให้สำเร็จเป็นอัศจรรย์ 

 


                ให้เชื่อมสายสมบัติให้ติดอยู่ที่กลางกายทุกคน ดึงดูดสมบัติทั้งหลายให้มาเป็นมหาเศรษฐีผู้ใจบุญ ค้ำจุนพระพุทธศาสนา เหมือนท่านมหาอุบาสิกาวิสาขาและท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ให้มั่งคั่งร่ำรวยเหมือนโชติกะเศรษฐี ให้ใจบุญเหมือนท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี และมหาอุบาสิกาวิสาขา ให้มีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรง อย่าเจ็บ อย่าป่วย อย่าไข้ ให้สดชื่นเบิกบานตลอดเวลา สร้างบารมีอย่างมีความสุขมีปีติ มีกำลังใจเบิกบานบันเทิงตลอดเวลาเลย ให้สำเร็จทุกอย่างให้แทงตลอดในวิชชาธรรมกาย ให้ไปถึงที่สุดแห่งธรรมพร้อม ๆ กัน เอาบุญนี้เติมให้ดี ทุกคนก็ตั้งใจอธิษฐานให้ดีทีเดียวนะจ๊ะ ตั้งใจนะจ๊ะลูก ๆ ทุกคน ตั้งใจนะจ๊ะ ตั้งใจตักตวงบุญให้เต็มที่ เราเกิดมาสร้างบารมี

 

 

 

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.046433933575948 Mins