ฐานรากธรรมกายเจดีย์
๑ กันยายน ๒๕๓๙
พระธรรมเทศนาเพื่อการปฏิบัติธรรม วัดพระธรรมกาย
โดย... พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย)
เราได้บูชาพระรัตนตรัยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่อจากนี้ไปตั้งใจให้แน่แน่ว มุ่งตรงต่อหนทางมรรคผลนิพพานกันทุก ๆ คนนะจ๊ะ ให้นั่งขัดสมาส โดยเอาขาขวาทับขาซ้าย มือขวาทับมือซ้าย นิ้วชี้มือขวาจรดนิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย วางไว้บนหน้าตักพอสบาย ๆ ส่วนท่านที่นั่งขัดสมาสสองชั้นไม่ได้จะนั่งชั้นเดียวก็ได้นะจ๊ะ หลับตาของเราเบา ๆ หลับพอสบาย คล้ายกับเรานอนหลับ อย่าไปบีบหัวตา อย่ากดลูกนัยน์ตา ให้หลับตาพอสบายทุก ๆ คนนะจ๊ะ ขยับเนื้อขยับตัวของเราให้ดี กะคะเนให้เลือดลมในตัวของเราเดินได้สะดวก จะได้ไม่ปวดไม่เมื่อยกันขยับให้ดีนะ ให้ปรับร่างกายของเราให้มีความรู้สึกว่านั่งแล้วสบาย กล้ามเนื้อทุกส่วนผ่อนคลาย เลือดลมในตัวของเราเดินได้สะดวก เนี่ยขยับให้ดีนะจ๊ะทุก ๆ คน แล้วก็หลับตาพอเปลือกตาปิดเบา ๆ แค่นั้นเอง อย่าถึงกับไปบีบ นี่สําคัญนะจ๊ะ ปรับให้ดีให้ผ่อนคลาย
แล้วก็ทำใจของเราให้สบายให้เบิกบาน ให้แช่มชื่น ให้ปลอดความกังวลในเรื่องใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าเรื่องการศึกษาเล่าเรียน ธุรกิจการงาน เรื่องครอบครัว หรือเรื่องอะไรที่นอกเหนือจากนี้น่ะ ให้ปลด ปล่อยวางชั่วขณะที่เราจะทำใจให้หยุดนิ่งเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว ต้องปรับกันให้ดีให้สบาย ตรงนี้สำคัญนะจ๊ะอย่าดูเบานะ ที่ใจจะหยุดหรือไม่หยุดก็อยู่ที่ตรงนี้เนี่ย ถ้าทำเบื้องต้นตรงนี้ให้ถูก เดี๋ยวการฝึกใจให้หยุดนิ่งให้เข้าถึงสมาธิถึงพระรัตนตรัยในตัว จะเป็นเรื่องที่ไม่ยากอย่างที่เราคาดเอาไว้เลย เพราะฉะนั้นต้องปรับให้สบาย ผ่อนคลาย ใจปลอดโปร่ง ปลอดกังวล ให้ใจแช่มชื่นเบิกบาน บริสุทธิ์ผุดผ่องจะได้เหมาะสมที่จะเป็นภาชนะรองรับพระรัตนตรัยกัน
ใจของเราต้องให้สะอาดบริสุทธิ์ผุดผ่อง อย่าให้หงุดหงิดงุ่นง่านฟุ้งซ่านรำคาญใจ ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรมาเป็นเหตุให้เราไม่พอใจ ขัดเคืองใจ กระทบกระทั่งใจ ก็ต้องรีบขจัดปัดเป่าให้มันหมดไปให้เร็วที่สุด ให้ทำใจให้บริสุทธิ์ผ่องใส ที่จะรองรับบุญใหญ่กันในวันนี้นะจ๊ะ ซึ่งจะเป็นสิ่งที่หาได้ยาก ยากมาก ๆ เพราะฉะนั้นวันนี้จะเป็นวันที่เราจะมีจิตใจผ่องใส อารมณ์ดี อารมณ์แจ่มใส อารมณ์สบายกันทั้งวันเลย มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า ให้อภัยกับทุกสิ่งที่อาจจะขาดตกบกพร่อง ที่ทำให้เราไม่พึงพอใจ ตั้งแต่เรื่องคน เรื่องงาน เรื่องดินอากาศฟ้า สิ่งแวดล้อมบรรยากาศต่าง ๆ เป็นต้น เราจะต้องไม่ให้ทุกสิ่งนี้เป็นอุปสรรค ต่อการสร้างบารมีของเราในวันนี้นะจ๊ะ
เกิดกันมาชาติหนึ่งเรามีชีวิตในการสร้างบารมี แค่เพียงช่วงสั้น ๆ เท่านั้นเอง อย่างที่หลวงพ่อเคยพูดเอาไว้นะ วันหนึ่งเรามี ๒๔ ชั่วโมง แบ่งเป็น ๓ ระยะ ระยะละ ๘ ชั่วโมงนะ เราเสียเวลานอนหลับไป ๘ ชั่วโมงต่อวัน ทํางานอีก ๘ ชั่วโมง นี่ถือว่าทำงานตามปกตินะจ๊ะ ไม่มี over time อะไรอย่างนั้น แล้วก็หลังจากนั้นอีก ๘ ชั่วโมงเป็นเรื่องของการบริหารขันธ์ ๕ อาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน รับประทานอาหาร ขับถ่าย บริหารร่างกายอะไรอย่างนี้เป็นต้น เพราะฉะนั้นถ้าหากเรามีอายุ ๖๐ ปี หนึ่งใน ๓ ของชีวิตหมดไปกับการนอนคือ ๒๐ ปี อีก ๒๐ ปี หมดไปเกี่ยวกับเรื่องการบริหารขันธ์ ๕ อีก ๒๐ ปีอยู่ที่การทำงาน
ดูซิจ๊ะว่าเราจะมีเวลาสำหรับการสร้างบารมีกัน วันหนึ่งเนี่ยซักเท่าไหร่ ๖๐ ปีเนี่ยเท่าไหร่ ชาติหนึ่งเท่าไหร่ ถ้าหากเรามานึกคิดอย่างนี้แล้วจะใจหาย ว่าชีวิตนั้นมันแสนสั้นจริง ๆ มีช่วงระยะของการทำคุณงามความดีเนี่ย ที่จะให้บารมีมันเต็มเปี่ยมเนี่ย เต็มเม็ดเต็มหน่วยมันเล็กน้อยเหลือเกิน เพราะฉะนั้นวันนี้เนี่ยเป็นโอกาสดีของพวกเราทั้งหลายที่ว่างานบุญใหญ่มาประจวบเหมาะพร้อมกันถึง ๒ งานในวันเดียวกัน ตอนเช้าบูชาข้าวพระ ตอนบ่ายเทฐานรากธรรมกายเจดีย์ เป็นบุญที่ไม่มีใครที่จะมาคำนวณได้ว่า จะมีปริมาณบุญในวันนี้เท่าใด ดังนั้นเราแค่ลงทุนทำให้อารมณ์ดี อารมณ์แจ่มใส อารมณ์สบาย ไม่ให้ขัดข้องขุ่นเคืองใจเลยแม้แต่นิดเดียว เราจะได้มีความปีติสุข อย่างที่เงินซื้อไม่ได้ เพราะฉะนั้นให้ทำกันให้ได้อย่างนี้ทุก ๆ คนนะลูกนะ
เมื่อเราทราบกันอย่างนี้แล้ว ต่อจากนี้ไปทำใจให้เบิกบานที่สุดในชีวิตอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ปลดปล่อยเครื่องกังวลใจ ให้หลุดร่อนจากใจ ทำประหนึ่งว่าเราอยู่คนเดียวในโลก เหมือนเราไม่เคยเจอภารกิจมาก่อนเลย ใจจะได้สบาย ใจจะได้เบิกบาน แล้วเดี๋ยวเราจะได้เข้าถึงพระรัตนตรัยอย่างง่ายดายอย่างที่เราคาดไม่ถึงทีเดียว พระรัตนตรัยนั้นน่ะมีอยู่แล้วในตัวของเรา พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ สามอย่างที่เป็นที่พึ่งและที่ระลึกอันสูงสุดของพวกเราทั้งหลาย ของสรรพสัตว์ทั้งมวลทีเดียว มีอยู่แล้วในกลางกาย ไม่ใช่เราไปทำให้มี
เพราะฉะนั้นเมื่อของที่มีอยู่แล้ว และเป็นสิ่งที่ละเอียดบริสุทธิ์ผ่องใส สว่างไสว เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานแล้วน่ะ มีอยู่แล้วในตัวของเรา ดังนั้นหน้าที่ของเรา แค่เราทำความละเอียดของใจเรา ให้เท่ากับความละเอียดของท่าน เราทำอย่างนี้น่ะ แค่นี้เท่านั้น เราก็จะเข้าถึงพระรัตนตรัยได้อย่างง่ายดาย วิธีทำใจให้ละเอียดมีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น ไม่มีวิธีอื่นใดที่นอกเหนือจากนี้ มีคำอยู่ ๕ คำนะ โปรดจำเอาไว้ เป็นวิธีที่จะเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว มีเพียง ๕ คำเท่านั้น โปรดจำไว้ ที่จะเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว คำนั้นก็คือ หยุดเป็นตัวสำเร็จ
หยุดเป็นตัวสำเร็จ หยุดเป็นตัวสำเร็จ ๕ คำนะจ๊ะ จำให้ดีทีเดียว จำให้แม่นยำเลย จำไม่ได้ก็กลับบ้านก็เอาไปจดเอาไว้ว่า หยุดเป็นตัวสำเร็จ ถ้าย่อให้เหลือคำเดียวก็คือ หยุด นั่นเอง อะไรหยุด ใจของเรานี่แหละมาหยุด หยุดอยู่ที่กลางกายของเรา ใจที่แวบไปแวบมา นึกถึงเรื่องราวต่าง ๆ เอามาหยุดนิ่งอยู่ภายในที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ถ้าหยุดถูกส่วนเดี๋ยวเราก็จะเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว ทางเดินของใจนั้นมี ๗ ฐาน ฐานที่หนึ่งนั้นอยู่ที่ปากช่องจมูก ท่านหญิงข้างซ้ายท่านชายข้างขวา ฐานที่ ๒ ก็คือตรงเพลาตา เพลาตาตรงที่หัวตาที่น้ำตาไหล ฐานที่ ๓ อยู่ที่กลางกั๊กศีรษะ ในระดับเดียวกับหัวตาของเรา ฐานที่ ๔ อยู่ที่เพดานปาก ช่องปากที่อาหารสำลัก ฐานที่ ๕ อยู่ที่ปากช่องคอเหนือลูกกระเดือก ฐานที่ ๖ อยู่ในกลางท้องระดับเดียวกับสะดือของเรา
สมมติเรามีเส้นด้าย ๒ เส้นนำมาขึงให้ตึง เส้นหนึ่งขึงจากสะดือทะลุไปข้างหลัง อีกเส้นหนึ่งขึงจากด้านขวาทะลุไปด้านซ้าย ให้เส้นด้ายทั้งสองตัดกันเป็นกากบาท จุดตัดเล็กเท่ากับปลายเข็ม ตรงนี้แหละเรียกว่าศูนย์กลางกายฐานที่ ๖ เราต้องยกถอยหลังขึ้นมา ๒ นิ้วมือ คือสมมติเอานิ้วชี้กับนิ้วกลางวางซ้อนกัน แล้วนำไปทาบตรงจุดตัดของเส้นด้ายทั้ง ๒ สูงขึ้นมา ๒ นิ้วมือนั่นแหละเรียกว่าศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ถ้าหลวงพ่อพูดถึงฐานที่ ๗ ก็หมายเอาตรงนี้เนี่ย ตรงตำแหน่งที่เหนือจากจุดตัดของเส้นด้ายทั้ง ๒ ขึ้นมา ๒ นิ้วมือ
แต่ในแง่ของการปฏิบัติจริง ๆ น่ะ อย่าคำนึงหรือกังวลกับศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ น่ะมากเกินไป นึกง่าย ๆ ว่าอยู่ในกลางท้องของเราก็แล้วกัน มันง่ายดีนะจ๊ะ ว่าอยู่ในกลางท้องตรงนี้แหละเป็นที่สิงสถิตของพระรัตนตรัย ที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุดของเรา ที่พึ่งที่เราแสวงหาน่ะ อยากจะให้ท่านช่วยเราพ้นจากทุกข์ เวลาเราประสบทุกข์เราอยากจะหาที่พึ่ง เมื่อเรายังไม่รู้จักที่พึ่งเราก็ ใครแนะนำอะไรหรือว่าเราคิดว่าอะไรเป็นที่พึ่ง เราก็มักจะไปหาสิ่งนั้นน่ะ ผู้ที่มีความรู้ยังไม่สมบูรณ์น่ะ เค้าก็แนะนำไปว่าต้นไม้เป็นที่พึ่งได้ ต้นไม้ใหญ่มีผ้าแดงผูก ภูเขาใหญ่ ๆ อารามศักดิ์สิทธิ์หรือสัตว์เดรัจฉานอะไรต่าง ๆ ที่มีเวรมีกรรม จิ้งจก ๒ หาง หมู ๒ หัว อะไรอย่างนี้เป็นต้น ไปกราบไปไหว้สัตว์เดรัจฉาน ซึ่งภูมิต่ำกว่ามนุษย์ด้วยซ้ำไป กราบไหว้เต่าเรียกหลวงปู่เต่าอย่างงั้น นั่นเพราะว่าไม่รู้จริง
แต่พระพุทธเจ้าของเรานี่ เป็นผู้รู้จริง รู้แจ้ง เห็นแจ้งแทงตลอด เป็นผู้บริสุทธิ์ เพราะฉะนั้นท่านยืนยันมาตลอดเลยตั้งแต่วันได้ตรัสรู้เรื่อยมาเลยว่า พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ๓ อย่างนี้เท่านั้นเป็นที่พึ่งอันประเสริฐ พุทธรัตนะธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ ๓ อย่างนี้แหละเป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุดของพวกเราทั้งหลาย ทั้งมนุษย์และเทวดาพรหม อรูปพรหม กราบไหว้บูชาพระรัตนตรัย ยกเว้นผู้ไม่รู้เท่านั้นน่ะ ใครแนะนำอะไรก็กราบไหว้กันไปอย่างนั้น แต่ผู้รู้ยืนยันเหมือนกันหมดเลย ทุกพระองค์ว่าพระรัตนตรัยนี้คือที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุด เพราะฉะนั้นใครที่ยังไม่รู้จักที่พึ่งที่ระลึกให้รู้จักเอาไว้นะจ๊ะ มี ๓ อย่างแค่นี้เท่านั้น ไม่มีเผื่อเหนียวอย่างที่ ๔ ที่ ๕ หรือที่ ๖ หรือเรื่อย ๆ ไป มีเพียง ๓ อย่างแล้วก็อยู่ในกลางกายของเราตรงฐานที่ ๗ ตรงนี้เท่านั้น ไม่ได้ไปอยู่ที่อื่นเลย นี่คือที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุด
พุทธรัตนะ รัตนะแปลว่าแก้ว แก้วใส ๆ น่ะ ก็หมายถึงผู้รู้ที่กายเป็นแก้ว ใสบริสุทธิ์เป็นแก้ว ธรรมรัตนะ ธรรมเป็นแก้ว เป็นขุมทรัพย์ของดวงปัญญา ความรู้ต่าง ๆ หลั่งไหลมาจากที่ตรงนั้นน่ะ สังฆรัตนะก็อยู่ภายในน่ะ เป็นธรรมกายละเอียดเป็นกายละเอียดซ้อนกันอยู่ ๓ อย่างนี้ซ้อนอยู่ในกลางกายของพวกเราทุก ๆ คน มีหมดทุกคนที่นั่งอยู่ในที่นี้ ถ้าเมื่อไหร่ใจเราหยุดนิ่งถูกส่วน ความละเอียดก็จะเกิดขึ้น พอเกิดขึ้นก็จะถูกดึงดูด ให้เข้าถึงพระรัตนตรัย ที่มีอยู่ในกายของเรา เมื่อเข้าถึงแล้ว ความสุขก็เกิดขึ้น ความทุกข์ก็หมดไป ความสว่างเกิดขึ้นความมืดก็หมดไป ความรู้แจ้งเกิดขึ้น ความไม่รู้แจ้งก็หมดไป วิชชาเกิดขึ้นอวิชชาก็ดับไป นี้เมื่อเราหยุดได้สนิท เพราะฉะนั้น ๕ คำโปรดจำไว้ หยุดเป็นตัวสำเร็จนะจ๊ะ แล้วต้องหยุดตรงฐานที่ ๗ จึงจะเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว ให้ทุกคนทำใจให้หยุดให้นิ่ง อยู่ที่กลางกายฐานที่ ๗ อย่างสบาย ๆ เอาใจของเรานะจ๊ะ
หยุดนิ่ง ๆ นุ่ม ๆ เบา ๆ ไปที่กลางกายฐานที่ ๗ ตรงตำแหน่งที่เรามีความมั่นใจ ว่าตรงนี้แหละเป็นฐานที่ ๗ และมีความสบายใจว่าตรงนี้เนี่ยใช่ ให้เอาใจไปหยุดนิ่งตรงนี้ไว้เฉย ๆ อย่างสบาย ๆ ถ้าหากทำอย่างนี้แล้วยังอดที่จะฟุ้งซ่านไม่ได้ คือมีความคิดที่เราไม่ต้องการผ่านเข้ามาในใจน่ะ เมื่อเป็นอย่างนี้เนี่ย เราก็หาบริกรรมนิมิตมาเป็นที่ยึดที่เกาะของใจแทนความคิดเหล่านั้น คือแทนที่จะคิดเรื่องที่ไม่ได้เป็นสาระ คิดแล้วทำให้ใจกังวลไม่บริสุทธิ์ เราก็หาบริกรรมนิมิต ที่เมื่อเราคิดแล้วนะจ๊ะ ทำใจของเราให้บริสุทธิ์ผ่องใส หยุดนิ่ง เราก็นึกถึงสิ่งที่เป็นตัวแทนของธรรมรัตนะ และพุทธรัตนะ คือเราก็นึกถึงดวงแก้วใส ๆ ซักดวงนึง
หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านใช้คำนี้ ว่าให้กำหนดเครื่องหมายให้ใสสะอาด ต้องใสสะอาดด้วยนะ กำหนดเครื่องหมายให้ใสสะอาด ประดุจเพชรลูกที่เจียระไนแล้ว ไม่มีขีดข่วนคล้ายขนแมว โตเท่ากับแก้วตาของเรา กำหนดก็คือการนึกอย่างเบา ๆ สบาย ๆ คล้าย ๆ กับเรานึกถึงสิ่งที่เราคุ้นเคย ให้เป็นเครื่องหมายเป็นที่ยึดที่เกาะของใจ แต่ต้องให้ใสเหมือนกับเพชร ขนาดท่านให้กำหนดขนาดเท่ากับแก้วตา แต่ถ้าใครไม่เคยเห็นแก้วตา ไม่เคยสังเกตจะนึกเป็นดวงแก้วโตใหญ่กว่านี้ก็ได้ ท่านก็ไม่ห้ามเป็นดวงแก้วใส ๆ แต่ต้องใสเหมือนกับเพชร ให้ใสบริสุทธิ์เหมือนกับเพชรลูกที่เจียระไนแล้ว เพชรต้องเจียระไนแล้วนะ ที่มีความใสบริสุทธิ์ที่เจียระไนแล้ว ไม่มีขีดข่วนเลยเนี่ย ขนาดก็แล้วแต่เราชอบ แต่ของท่านให้นึกโตเท่ากับแก้วตา
ถ้าเราขนาดชอบขนาดลูกปิงปองหรือมะนาว หรือขนาดดวงอาทิตย์ดวงจันทร์ ดวงดาว อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ นึกดวงแก้วใส ๆ ใจจะได้ไม่ไปฟุ้งซ่านเรื่องอื่น แต่ต้องนึกอย่างเบา ๆ นึกอย่างสบายแล้วก็ทำใจเย็น ๆ ถ้านึกไม่ออกเพราะไม่คุ้น แต่อยากจะนึกถึงสิ่งที่คุ้นคือองค์พระแทนดวงแก้วก็ได้ เราก็จะนึกถึงภาพองค์พระแทนดวงแก้วถ้าเราชอบ เป็นพระแก้วใส ๆ ขนาดใหญ่เล็กก็แล้วแต่ใจเราชอบ ให้เป็นองค์พระแก้วใส ๆ นั่งขัดสมาธิเหมือนอย่างของเราอย่างนี้เนี่ย ขัดสมาสอย่างนี้นะ ให้ท่านนั่งหันหน้าออกไปทางเดียวกับตัวของเรา นึกเป็นภาพพระแก้วใส ๆ แทนแทน แทนดวงแก้วก็ได้ แล้วก็นึกไปอย่างเบา ๆ เรื่อย ๆ สบาย ๆ ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ นึกไปน่ะ หลวงพ่อใช้คำว่าค่อย ๆ นึกนะ อย่าไปใจร้อน
เพราะภาพภายในจะให้มันชัดเจนให้ได้ดั่งใจเราน่ะ เหมือนอย่างเราลืมตาดูของหยาบ ๆ น่ะมันไม่ได้ เราต้องยอมรับว่าบางสิ่งมันก็ไม่ได้ดั่งใจเราเหมือนกัน จะไปให้ได้ดังใจทุกครั้งน่ะ มันเป็นไปไม่ได้ ยอมรับสิ่งนี้ซะเถอะแล้วใจจะสบาย เพราะฉะนั้นเรานึกได้แค่ไหนน่ะก็เอาแค่นั้นนะ ถ้านึกเกินกว่านั้นแล้วมันตึงเครียด ระบบประสาทกล้ามเนื้อตึงเครียดก็อย่าไปทำถึงขนาดนั้น ไม่มีประโยชน์อะไรน่ะ เพราะฉะนั้นภาพภายในนี้น่ะมันจะไม่ได้ดังใจเราหรอก มันจะค่อย ๆ ชัดค่อย ๆ เห็นค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป เพราะฉะนั้นใจเราจึงต้องเย็น ๆ ถ้าใครใจร้อนมาฝึกอย่างนี้แล้ว จะทำให้ใจเย็นลงได้อย่างชะงักทีเดียว เพราะฉะนั้นต้องค่อย ๆ นึกนะจ๊ะ นึกถึงพระแก้วใส ๆ ยอมรับว่าจะดวงแก้วก็ดี องค์พระแก้วใส ๆ ก็ดี มันไม่ได้ดั่งใจเรา
เพราะฉะนั้นตามใจท่านไปก่อนท่านมีให้เราดูแค่ไหนเราก็ดูไปแค่นั้น มีสลัวให้ดูเราก็ดูอย่างสลัว ๆ อย่าไปฮึดฮัดนั่งแบบโมโหโทโส จะเอาให้มันชัดเจนเลย แล้วไปเพ่งไปทำตาหยี ตาหยี ๆ อย่างนั้น ไม่ถูกนะจ๊ะ มันก็ต้องค่อย ๆ ไปน่ะ ตามใจท่านไปก่อน ให้เห็นอย่างสลัวเราก็ดูไปอย่างสลัว ท่านค่อย ๆ ชัดขึ้นเราก็ค่อย ๆ ดูไป ท่านชัดมากก็ดูไปอย่างที่เห็นชัดมาก ๆ ปรับใจของเราให้มันหยุดให้มันนิ่งอย่าไปปรับที่ภาพ ภาพมันจะเป็นยังไงอย่าไปคำนึงถึง ความมืดหรือความสว่างที่เกิดขึ้นภายในก็อย่าไปคำนึงถึง สิ่งที่ต้องทำคือ ๕ คำ หยุดเป็นตัวสำเร็จ ย่อแล้วเหลือคำเดียวคือ หยุด ทำใจให้หยุดให้นิ่งเฉย ๆ อย่างสบาย ๆ นิ่ง ๆ อย่างนี้นะจ๊ะ ไม่ช้าใจก็จะเข้าถึงสมาธิเอง
แต่ถ้าเราทำอย่างนี้แล้วใจก็ยังอดฟุ้งซ่านไม่ได้ ก็ให้เพิ่มบริกรรมภาวนา เพิ่มเข้ามาอีก ให้ภาวนาว่า สัมมาอะระหัง ๆ ๆ ๆ ภาวนาไปก็นึก นึกถึงบริกรรมนิมิตจะเป็นอะไรก็ได้ใน ๒ สิ่งนั้นนะจ๊ะ นึกควบคู่กันไปอย่างสบาย ๆ อย่างสบาย ๆ อย่าให้ตึงเกินไป อย่าให้หย่อนเกินไป ถ้าหย่อนก็จะเคลิ้มหลับ ถ้าตึงก็จะเครียด ปวดหัวนั่งแล้วไม่มีความสุข เพราะฉะนั้นปรับให้สบาย ๆ ใจเย็น ๆ ทำใจให้หยุดให้นิ่ง เฉย ๆ อย่างสบาย ๆ นะ พอเราทำไปอย่างนี้เนี่ย ไม่ช้าใจก็จะหยุดนิ่งเอง พอหยุดนิ่งเราจะมีความรู้สึกร่างกายหรือใจเราจะเริ่มขยาย ขยายไปสู่ที่โล่ง ๆ กว้าง ๆ ออกไปนะ โล่งกว้าง โปร่ง เบา สบายเพิ่มขึ้น ๆ จนกระทั่งเรามีความรู้สึกเราพึงพอใจ ไม่ช้าความรู้สึกที่ร่างกายก็หมดไป เหมือนตัวเราหายไปเลยนะ เหลือแต่ใจที่นิ่ง อยู่ในกลางอวกาศโล่ง ๆ ตอนนี้แหละสบายสบายเนี่ย
ถ้าใจเรานิ่งอย่างนี้นะ ใจจะสบายสบายเลยเนี่ย จะโล่ง จะโปร่ง จะเบาสบาย เพราะฉะนั้นต้องทำอย่างใจเย็น ๆ ให้ใจหยุด ใจนิ่ง ๆ เบา ๆ แล้วอย่าไปนึกถึงสิ่งแวดล้อมใด ๆ ทั้งสิ้น ทำใจให้เบา ๆ หยุดนิ่งอย่างเดียวอย่างนี้แหละเรียกว่า เป็นวิธีเตรียมตัวให้ใจของเราเป็นประดุจภาชนะที่บริสุทธิ์ยิ่งใหญ่ ที่จะรองรับบุญที่ไม่มีประมาณ ที่มาจากที่สุดแห่งธรรมน่ะบังเกิดขึ้น ให้ทำกันอย่างนี้ทุก ๆ คนนะจ๊ะ เมื่อเราเข้าใจอย่างนี้แล้วต่อจากนี้ไปให้ทุกคนทำใจให้หยุดนิ่งอย่างเบาสบาย นั่งให้หน้ายิ้ม ๆ เบิกบาน แช่มชื่นไปทุกขุมขนไปเลยน่ะ นิ่ง ๆ อารมณ์ดี อารมณ์สบายทั้งวันเลย ใจนิ่ง ๆ ทุกคนนะจ๊ะ ให้ใจสบาย ตั้งใจให้ดีนะ อย่าให้ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายเราเกร็งหรือเครียดไม่มีประโยชน์อันใด ไม่มีประโยชน์อันใดเลย ให้ใจหยุดนิ่งเฉย ๆ สบ๊ายสบายทุก ๆ คน ต่างคนต่างทำกัน อย่าพูดอย่าคุย อย่าลืมตากันนะจ๊ะ
หยุดให้นิ่งในกลางกายซึ่งเป็นหนทางไปสู่อายตนนิพพาน เป็นที่เดียวเท่านั้น หนทางเอกสายเดียวที่จะหลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ ที่พญามารเค้าบังคับเอาไว้นะ มีความโลภ ความโกรธ ความหลง พอบังคับให้สร้างกรรม พอสร้างกรรมก็มีวิบาก มีผลของกรรมเวียนว่ายตายเกิดกัน ทุกข์ทรมานกันอยู่ร่ำไปน่ะ มีอยู่จุดหนึ่งนี่เป็นจุดที่สำคัญที่จะหลุดพ้นจากสิ่งที่เค้าบังคับมานับภพนับชาติไม่ถ้วน มีที่เดียวทางเอกสายเดียวและวิธีเดียวคือ หยุดนิ่งอย่างเดียวเท่านั้นจึงจะหลุดพ้น มีทางเดียวคือทางสายกลางที่อยู่ภายในตัวของเรากิเลสที่เค้าบังคับเป็นชั้น ๆ เข้าไปนี้จะหลุดหมดเลยด้วยวิธีการทำใจให้หยุดให้นิ่งอย่างสบาย ๆ ถ้าหยุดถูกส่วนเดี๋ยวก็จะเข้าถึงดวงธรรมซึ่งมีอยู่แล้วภายใน
เดี๋ยวก็เข้าถึงกายมนุษย์ละเอียด เข้าถึงกายทิพย์ เข้าถึงกายรูปพรหม เข้าถึงกายอรูปพรหม แล้วก็เข้าถึงกายธรรม กายเหล่านี้เป็นแผนผังของชีวิตที่มีมาตั้งแต่ดั้งเดิม ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์โน่น ยาวนานทีเดียว ยาวนานมาก จะหลุดร่อนได้เนี่ยต้องอาศัยใจเนี่ยหยุด พอถูกส่วนเดี๋ยวก็ร่อนเข้าไปเลย หลุดจากกายมนุษย์หยาบเข้าถึงกายมนุษย์ละเอียด พอหยุดกลางกายมนุษย์ละเอียดก็หลุดเข้าไป จากกายมนุษย์ละเอียดถึงกายทิพย์ พอหยุดถูกส่วนในกายทิพย์ หลุดเข้าไปเดี๋ยวถึงกายรูปพรหม หยุดถูกส่วนในกายรูปพรหมเดี๋ยวก็เข้าถึงกายอรูปพรหม หยุดถูกส่วนในกายอรูปพรหมก็เข้าถึงกายธรรมได้ เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ทีเดียวว่าหยุดอย่างเดียวเท่านั้นเนี่ย ทำไมถึงหลุดจากสิ่งเหล่านี้ได้
นี่คือสิ่งที่น่าศึกษาให้หายสงสัยด้วยตัวของเราเองนะจ๊ะ คราวนี้ใครเข้าถึงสภาวธรรมไหนก็หยุดไปตรงนั้นนะจ๊ะ หยุดให้นิ่ง ๆ สบาย ๆ คุณยายก็น้อมเอาเครื่องไทยธรรมทั้งหมดนี้นะไปถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระธรรมกายของพระพุทธเจ้าในอายตนนิพพาน นับอสงไขยพระองค์ไม่ถ้วน มากกว่าร้อย มากกว่าพัน มากกว่าหมื่น มากกว่าแสน มากกว่าล้าน มากกว่าหลาย ๆ ล้าน จนกระทั่งนับไม่ถ้วนเลยในอายตนนิพพาน ที่ท่านนั่งสงบนิ่งเข้านิโรธสมาบัติหยุดนิ่งเสวยวิมุตติสุขตลอด สุขอย่างเดียวในอายตนนิพพานนะ คุณยายก็ทับทวีเข้าไปเลย ถวายให้ทั่วถึงหมดทุกพระองค์ ทับทวีถวายขึ้นไปเรื่อยเลยสุดรู้สุดญาณไปเลย แล้วก็กราบทูลพระพุทธเจ้าพระธรรมกายทุกพระองค์ในอายตนนิพพาน นับพระองค์ไม่ถ้วน เต็มไปหมดเลยเนี่ย
ขอบุญบารมี ขอรัศมีกำลังฤทธิ์ อำนาจสิทธิ์ ให้ถึงแก่พวกเราทุก ๆ คน ขอบุญบารมี ขอรัศมีกำลังฤทธิ์ อำนาจสิทธิต่าง ๆ ในอายตนนิพพาน พระพุทธเจ้าที่อยู่ในนั้นน่ะ ให้ท่านสอดบุญละเอียดมาถึงพวกเราทุก ๆ คน กลั่นธาตุธรรมเห็นจำคิดรู้ทุกคนให้สะอาดให้บริสุทธิ์ ให้ผ่องใส จากสรรพกิเลส ที่เค้าเข้ามาบังคับทุก ๆ กายเอาไว้นะ ทุกกายเลย ทุกหัวต่อกายเต็มไปหมด ที่บังคับไว้เท่าไหร่เนี่ยให้หลุดร่อนออกไปเลย แล้วก็เอาบุญซ้อนให้เต็มพร้อมกับผังสำเร็จ ให้ทุกคนเป็นมหาเศรษฐีผู้ใจบุญ มีสมบัติมากมายมหาศาลเหมือนท่านโชติกะเศรษฐี ชฎิลเศรษฐี เมนทกะเศรษฐี แต่ให้เป็นมหาเศรษฐีผู้ใจบุญ มีหัวใจเหมือนท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี และมหาอุบาสิกาวิสาขา คือหาทรัพย์ได้แล้วก็ต้องใช้ทรัพย์เป็น ให้ทรัพย์นั้นเป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่โลก แก่มนุษยชาติ
ทะนุบำรุงพระพุทธศาสนา ขยายความรู้ของพระผู้มีพระภาคเจ้า คำสั่งสอนพระธรรมต่าง ๆ ไปยังชาวโลก ให้ชาวโลกได้รู้เห็นธรรมะภายใน พ้นจากทุกข์เข้าถึงความสุขอันเป็นอมตะ สุขในอายตนนิพพาน ให้มีหัวใจประดุจ ท่านมหาเศรษฐีผู้ใจบุญทั้งสองเหล่านั้น ทั้ง ๒ ท่านนั้น เป็นผังสำเร็จติดไปเลย ให้มีอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณ ธนสารบริวารสมบัติ เพียบพร้อมบริบูรณ์สมกับเป็นอุปกรณ์ในการสร้างบารมี ไปถึงที่สุดแห่งธรรม แล้วก็ให้รู้แจ้งให้เห็นแจ้งให้แทงตลอด ในวิชชาธรรมกายอย่างสะดวกสบาย อย่างง่ายอย่างดาย ไม่ให้ลำบากเหมือนชาตินี้เนี่ย
แม้ชาตินี้ก็ให้ได้ผลบุญปัจจุบัน นั่งธรรมะ ปฏิบัติก็ให้เข้าถึงธรรมกายให้ได้รวดเร็ว รู้แจ้งเห็นจริงถูกต้องร่องรอย ตรงไปตามความเป็นจริงทุกอย่าง ไม่ให้ผิดเพี้ยนจากคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้ได้เข้าถึง ให้รู้แจ้งด้วยตัวของตัวเองทีเดียว มีจิตใจบริสุทธิ์ผ่องใส และก็ให้มีหัวใจของยอดกัลยาณมิตร ใครเข้าใกล้ก็ชักชวนให้ประพฤติธรรมปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงธรรมกายให้หมด ให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง อายุยืนยาวสร้างบารมีกันไปนาน ๆ จะประกอบธุรกิจการงานอันใดก็ให้ประสบความสำเร็จเป็นอัศจรรย์ อุปสรรคต่าง ๆ นานา ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ให้ละลายหายสูญไปให้หมด
ไม่ว่าภาวะเศรษฐกิจจะตกต่ำเพียงใดก็ตาม ก็ให้ทุกคนมีจิตใจที่สูงขึ้น มีกำลังใจที่เข้มแข็ง มีกำลังบุญที่อยู่เหนือสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด ถึงเศรษฐกิจจะตกต่ำ แต่วิถีชีวิตและการประกอบธุรกิจการงานทุกคน ก็ให้ประสบความสำเร็จเป็นอัศจรรย์ทีเดียว ขอบุญบารมีพิเศษจากพระนิพพาน พระพุทธเจ้าทุก ๆพระองค์ให้ลงซ้อนกันลงมาอย่างนี้เนี่ย และให้หมู่คณะสามัคคีกลมเกลียว เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน มีความรักใคร่ปรองดองกัน เหมือนพี่เหมือนน้องท้องเดียวกันอย่างนั้นน่ะ มีใจรักกันในการประพฤติธรรม
รักวัดพระธรรมกาย ให้ช่วยกันสร้างสถานที่นี้ให้มีบรรยากาศแห่งการประพฤติธรรม ให้มีจิตใจที่เป็นยอดนักสร้างบารมี ยอดนักรบกองทัพธรรม จิตใจผ่องใสสว่างไสวน่ะ ขอบุญพิเศษ ธุรกิจการงานทุกคนเลยให้สำเร็จ ๆ ๆ เป็นอัศจรรย์ไปเลยเนี่ย อาราธนาท่านลงซ้อนให้หนาแน่นไปให้หมด ซ้อนเข้าไปในไส้กลางของกลาง คุณยายคุมให้ดีเลย แล้ววันนี้ภาคบ่ายเป็นภาคบุญพิเศษ คุณยายประชุมเข้าไปในอายตนนิพพานในธาตุในธรรม ให้เทวดา พรหม อรูปพรหม พระนิพพาน ประชุมพร้อมกันหมดว่า
วันนี้มีบุญใหญ่จะเทฐานรากธรรมกายเจดีย์ เจดีย์แห่งพระรัตนตรัย ที่ชลอมาจากสุดละเอียดที่ละเอียดมาก ๆ อย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเลย มาไว้ให้เป็นที่พึ่งของมนุษย์ของเทวดาทั้งหลาย ประชุมไปพร้อมกันให้หมด ให้มาร่วมงานกันเลยให้เต็ม การบังเกิดขึ้นของธรรมกายเจดีย์นี้เป็นสิ่งที่บังเกิดขึ้นได้ยากอย่างมากทีเดียว ถ้าหากไม่มีการบังเกิดขึ้นของวิชชาธรรมกาย เราจะไม่มีโอกาสได้ชลอธรรมกายเจดีย์มาบังเกิดขึ้นในโลกมนุษย์นี้อย่างเด็ดขาด ถ้าหากไม่มีการบังเกิดขึ้นของหลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ การบังเกิดขึ้นของวิชชาธรรมกายก็จะไม่ปรากฏบนโลก ถ้าไม่มีการอุทิศชีวิต สละชีวิตของหลวงพ่อวัดปากน้ำ สิ่งนี้ก็จะไม่มาปรากฏขึ้นมา
เพราะฉะนั้นธรรมกายเป็นสิ่งที่สำคัญบังเกิดขึ้นได้ยาก พญามารกันนักกันหนาทีเดียวที่จะไม่ให้ธรรมกายปรากฏเกิดขึ้น เพราะว่าถ้าหากว่าธรรมกายมาปรากฏเกิดขึ้น มีการเผยแพร่กันออกไป มีการประพฤติปฏิบัติ มีการเข้าถึงธรรมกาย เมื่อเข้าถึงธรรมกาย วิชชาก็เกิดขึ้น วิชชา แสงสว่าง ญาณทัสสนะ ปัญญา จักขุเกิดขึ้น จักขุคือธรรมจักขุก็จะเกิดขึ้นให้ได้เห็นอะไรไปตามความเป็นจริง ญาณทัสสนะก็จะเกิดขึ้นให้รู้อะไรไปตามความเป็นจริง
เมื่อความรอบรู้ปรากฏขึ้น ดวงปัญญาก็ผุดเกิดขึ้นมาเป็นวิชชาแสงสว่างที่ไม่มีประมาณ ขจัดความมืดก็หมดไป จะรู้แจ้งเห็นแจ้งแทงตลอดเกี่ยวกับเรื่องราวของตัวเอง เรื่องราวของสรรพสิ่งของสรรพสัตว์ทั้งมวล เมื่อรู้เรื่องราวเหล่านี้เข้าก็จะบังคับบัญชาไม่ได้ เพราะไปรู้แล้ว หายสงสัยแล้วก็จะเกิดการรวมตัวมุ่งเข้าไปหาที่สุดแห่งธรรม มุ่งเพื่อที่จะแสวงหาหนทางหลุดพ้นหนักขึ้นไปอีก เค้าบังคับบัญชาไว้ ละเอียดแก่ไกลแค่ไหนก็มุ่งรวมกันเป็นหนึ่งเดียว มีความรู้เท่าเทียมทันกันทั้งทีม
ไปที่สุดแห่งธรรมเองเป็นอัตโนมัติทีเดียว เพราะฉะนั้นนี่เป็นจุดสำคัญที่พญามารกีดกันนักทีเดียว ไม่ให้รู้ไม่ให้เห็น แล้วก็ตั้งความเชื่ออย่างอื่นขึ้นมาแข่งขัน ซึ่งมนุษย์ให้ไปติดในเรื่องราวที่ไม่เป็นสาระ บางอย่างดูสมจริงสมจังว่าสิ่งนี้จะเป็นสรณะ แล้วก็ส่งเสริมให้ความศักดิ์สิทธิ์ให้มีฤทธิ์ ให้มีเดช ให้มีความศักดิ์สิทธิ์ ไปไหว้ต้นไม้ ขอความศักดิ์สิทธิ์ต้นไม้ให้ความศักดิ์สิทธิ์ได้ ที่จริงต้นไม้ไม่ได้ให้ความศักดิ์สิทธิ์ ต้นไม้ก็คือต้นไม้ แต่ผู้ที่อยู่ฉากหลังนั่นเอง ส่งฤทธิ์ส่งเดชมาให้ศักดิ์สิทธิ์
มนุษย์เมื่อไม่มีดวงตาเห็นธรรม ไม่เกิดธรรมจักขุ ไม่เกิดญาณทัสสนะ ไม่เกิดปัญญา วิชาและแสงสว่าง ก็ไม่รู้เรื่อง ก็เข้าใจเหมาเอาว่าต้นไม้นั่นคือสิ่งที่ดลบันดาลความสำเร็จมาให้ ก็จะไปกราบต้นไม้ ภูเขา ผู้วิเศษต่าง ๆ สัตว์เดรัจฉานอะไรเหล่านี้เป็นต้น เค้าก็ตั้งผังสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาแข่งขันกันทีเดียว ตรึงมนุษย์ไปกราบไหว้ กราบไหว้แม้กระทั่งส่วนหนึ่งของอวัยวะร่างกายมนุษย์ก็ยังไปกราบไปไหว้กันเป็นสรณะ ในอินเดียบางเมืองนั่นให้กราบไหว้ลิงกันทั้งเมือง บางเมืองไหว้วัวกราบไหว้วัวกันทั้งเมือง
บางเมืองกราบไหว้งูกันทั้งเมือง แต่นั่นไม่ใช่ความผิดของมนุษย์ แต่ผู้ที่อยู่ฉากหลังนั่นเองส่งผังสำเร็จมา บังคับบัญชาเอาไว้ นี่คือความจริงปรากฏเกิดขึ้น เมื่อเข้าถึงวิชชาธรรมกาย เพราะฉะนั้นเค้าถึงได้กีดได้ขวาง ได้กันไม่ให้มนุษย์เข้าถึงธรรมกาย ไม่ให้รู้เรื่องราว ไม่ให้ได้ยิน ไม่ให้ได้ฟังหรือได้ยินได้ฟังก็ให้สงสัยเคลือบแคลง ไม่สนใจ จนกระทั่งเป็นปรปักษ์ นั่นเค้ากดเค้าขวางเค้ากันเอาไว้ โดยมนุษย์ไม่รู้เรื่องเลย
เพราะฉะนั้นเมื่อหลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญมาบังเกิดขึ้น สละชีวิตได้เข้าถึงธรรมกายศึกษาต่อไป ได้เข้าถึงวิชชาธรรมกาย ท่านก็รู้เห็นด้วยธรรมจักขุด้วยญาณทัสสนะไปตามความเป็นจริงของสิ่งที่เกิดขึ้น จึงได้อุทิศตนเผยแผ่ตลอดชีวิต เรื่อยมากระทั่งหมดอายุไขแล้วก็สืบทอดตกทอดมาถึงศิษยานุศิษย์ที่ใกล้ชิด ที่ทำวิชชาร่วมกันมา ซึ่งมีคุณยายอาจารย์ของเราเป็นคนหนึ่งที่หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านเปล่งอุทานมาลอย ๆ ว่า เป็นหนึ่งไม่มีสอง
เพราะคุณยายท่านน่ะทุ่มเทชีวิตทั้งชีวิตเพื่อวิชชาธรรมกาย แล้วสืบทอดกันเรื่อยมาถึงยุคหลวงพ่อซึ่งถ้าเทียบแล้วก็เป็นหลานศิษย์ แล้วก็ถึงลูก ๆ ทั้งหลายเหล่านี้แหละ สืบทอดกันเรื่อยมาก็เรียนรู้วิชชาธรรมกาย จนกระทั่งเข้าไปถึงผังสำเร็จที่ว่าทำอย่างไร จะให้มวลมนุษยชาติรู้จักวิชชาธรรมกายกัน เข้าถึงธรรมกายกัน ก็ปรากฏออกมาว่าจะต้องไปชลอธรรมกายเจดีย์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่ของมวลมนุษยชาติ
ซึ่งเป็นเจดีย์แห่งพระรัตนตรัยให้มาบังเกิดขึ้นในโลกให้ได้ เมื่อมาเกิดขึ้นแล้ว ผู้มีบุญทั้งหลายที่กระจัดกระจายกันไปทั่วโลก ก็จะเกิดการตื่นตัวเกิดขึ้นมา เมื่อมีการรวมกันของผู้มีบุญประพฤติธรรมเข้าถึงธรรมกาย มาชุมนุมกัน ประพฤติธรรมรอบธรรมกายเจดีย์ ภาพนี้ก็จะไปปรากฏต่อสายตาของชาวโลก เพราะเดี๋ยวนี้เครื่องมือสื่อสารนั้นน่ะมันทันสมัย ไม่มีอะไรเป็นความลับกันแล้ว ภาพนี้ก็จะไปปรากฏ
เมื่อบังเกิดขึ้นก็จะเกิดคำถามขึ้นมาในใจ เมื่อเกิดคำถามขึ้นมาว่าเค้ามาประชุมทำไม มันมีอะไรที่สำคัญและเค้าจะได้อะไร ในการประชุมนั้น เมื่อคำถามเกิดขึ้นมาก็จะเกิดการแสวงหา เมื่อความแสวงหาเกิดขึ้น ความรู้แจ้งก็จะเกิดขึ้นมา เพราะฉะนั้นก็จะเป็นแรงผลักดัน ให้มวลมนุษยชาติประพฤติปฏิบัติธรรม เพื่อให้เข้าถึงธรรมกาย เมื่อเข้าถึงธรรมกายแล้ว ความไม่รู้จริงอันใดก็ดับไป ความรู้จริงที่แท้จริงก็จะบังเกิดขึ้น
เมื่อบังเกิดขึ้นก็จะขยายกันต่อไป ให้ความรู้ที่แท้จริงนั้น เกี่ยวเนื่องกับตัวเราและสรรพสิ่งทั้งหลายขยายตัวกันออกไปอีก ไปกันเรื่อย ๆ จนกระทั่งทั่วถึงกันหมด แล้วตอนนั้นแหละเราจะคิดเหมือน พูดเหมือนกัน และก็ทำเหมือนกัน ประพฤติธรรมเหมือนกันมุ่งไปสู่ที่สุดแห่งธรรม ตอนนั้นพญามารก็จะบังคับบัญชาไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ธรรมกายเจดีย์จึงบังเกิดขึ้นมาในโลก เมื่อปรากฏเกิดขึ้นมาแล้วเนี่ย พวกเราทุกคนก็จะต้องช่วยกันทุ่มเทชีวิตจิตใจ สร้างให้สำเร็จขึ้นมาให้ได้ เพื่อให้สิ่งนี้เป็นสิ่งที่จะสร้างสันติสุขที่แท้จริงให้บังเกิดขึ้นแก่โลก
จะสร้างสิ่งที่จะทำให้เกิดความรู้แจ้งเห็นจริงให้บังเกิดขึ้นแก่โลก ในวันนี้เป็นวันเทฐานรากธรรมกายเจดีย์ ทุกขั้นตอนของเรานั้นน่ะ เราก็ได้ทำกันมาตลอด เก็บภาพบันทึกเอาไว้เพื่อจะได้มาระลึกย้อนหลัง เมื่อเรามีอายุมากกว่านี้เนี่ย มองภาพเก่า ๆ ที่เราได้ทำสิ่งนี้เกิดขึ้นมาด้วยความปีติและภาคภูมิใจ เราได้เริ่มกันตั้งแต่กลั่นแผ่นดิน เริ่มกันที่ตอกเสาเข็ม แล้วมาถึงขั้นตอนเทฐานรากกันในวันนี้ เพราะฉะนั้นในวันนี้เป็นวันสำคัญ หลวงพ่ออยากจะให้ลูก ๆ ทุกคนทำใจให้เป็นประดุจท่านสุเมธดาบสยอดนักสร้างบารมีในอดีตซึ่งต่อมาคือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรานี่เอง
สมัยนั้นท่านเป็นดาบสเป็นฤษีทรงอภิญญา ๕ มีฤทธิ์มีเดชมีอานุภาพ เนรมิตอะไรก็ได้ เมื่อได้ยินข่าวมหาชนกำลังสร้างหนทางให้พระผู้มีพระภาพเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลายเสด็จดำเนินมาทางนั้น ท่านเห็นท่านก็คิดอยากจะได้บารมีส่วนนี้ จริง ๆ แล้วด้วยอานุภาพของท่านนั่นน่ะ ท่านจะดลบันดาลให้สถานที่นั้นราบเรียบเป็นซุปเปอร์ไฮเวย์ก็ได้ ไม่มีหลุมไม่มีบ่อ ไม่มีโคลน ไม่มีตม ท่านสามารถทำได้ด้วยอานุภาพอภิญญา ๕ ที่ท่านได้ แต่ว่าท่านไม่คิดอย่างนั้น ท่านคิดจะเอาขันติบารมีให้ได้ และคิดที่จะเป็นเนติแบบแผนให้สำหรับผู้มีบุญที่จะติดตามต่อมาในภายหลังให้ดำเนินตามเยี่ยงอย่างนี้น่ะ
ท่านทอดตัวลงไปบนโคลนตม เป็นหลุมเป็นบ่อ เป็นประดุจสะพานให้พระผู้มีพระภาคเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลายเสด็จผ่านไปบนหลังของท่าน พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ท่านเห็นท่านก็หยุดนิ่ง เพราะตลอดทางท่านเดินมาท่านไม่ได้หยุดเลย พอมาถึงตรงนี้ท่านหยุดนิ่ง ท่านดูฤษีท่านนี้เนี่ยไม่ใช่คนธรรมดา ฤษีนี้ทรงอภิญญา ๕ สามารถเนรมิตอะไรก็ได้ แต่ไม่ยอมเนรมิตจะเอาขันติบารมี และปรารถนาพระโพธิญาณเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต่อไปในอนาคต พอถึงท่านก็หยุด เมื่อท่านหยุด พระอรหันต์ก็หยุด เมื่อพระอรหันต์หยุด ประชาชนทั้งหลายก็หยุด ก็ฟังพระพุทธเจ้าท่านพยากรณ์ ว่าบุรุษที่ทอดร่างอยู่บนโคลนตมเป็นหลุมบ่อให้เราและหมู่คณะพระขีณาสพทั้งหลายเสด็จผ่านนี้เนี่ย ต่อไปในอนาคตจะได้ตรัสรู้เป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า พระสิทธัตถะ และก็จะมีมหาชนผู้มีบุญได้ตรัสรู้ตามนั้นท่านกำหนดว่าถึงกัปป์นั้นกัปป์นี้ทีเดียว ท่านพูดถึงขนาดนั้น
เพราะฉะนั้นวันนี้ลูก ๆ ทั้งหลายควรจะยึดเอาเยี่ยงอย่างท่านสุเมธดาบสเป็นเนติแบบแผน วันนี้เราจะเดินทางจากสภาธรรมกายสากลที่หลังคามุงด้วยจากนี้ ไปที่ธรรมกายเจดีย์ที่เราจะเทฐานราก ระยะทางแค่ ๒ กิโล จริง ๆ แล้วนี้มันสะดวกสบายถ้าเราจะนั่งรถกันไป มันก็ไม่ได้ยากอะไรเลย ใครมีรถเก๋งก็นั่งรถเก๋ง ใครมีรถบัสก็นั่งรถบัสกันไปเนี่ย ไม่เกิน ๕ นาทีก็ถึงแล้ว แต่จะไปมีประโยชน์อะไรเมื่อเราทำอย่างนั้นแล้ว มันสะดวกสบายก็จริง แต่ไม่ได้ขันติบารมี ไม่ได้ภาพประวัติศาสตร์ที่เป็นสิ่งที่เราจะระลึกนึกถึง เมื่อยามชรา ด้วยความปีติปราโมทย์ใจแล้ว ไม่เป็นประโยชน์อันใดที่จะเป็นแบบอย่าง ให้กับลูกหลานต่อไปในอนาคต
ดังนั้นในภาคบ่ายนี้ให้สวมหัวใจนักสร้างบารมี เดินทางกันไปทั้งทีมเป็นระบบเป็นระเบียบด้วยความปีติใจ ด้วยความเบิกบานใจ เหมือนครอบครัวใหญ่ เหมือนกองทัพธรรม ที่จะเดินทางผ่านไปเนี่ย ๒ กิโลให้ไปถึงที่เทฐานรากธรรมกายเจดีย์ หากว่าฝนตก แดดออกก็ดีในยามบ่าย อย่าวิตกอย่ากังวล ไม่หนี เดินต่อไปจนกว่าจะถึงที่หมายและก็เรียงรายกันไปตามลำดับ เพื่อที่เราจะได้ทยอยถังปูน ถังซึ่งอยู่ข้างหน้าลูก ๆ ทั้งหลายในที่นี้เนี่ย เป็นถังประวัติศาสตร์ ที่เราจะต้องเก็บเอาไว้เป็นเครื่องระลึกนึกถึงการสร้างบารมี
การสร้างธรรมกายเจดีย์ ให้ลูกหลานได้ยึดถือเป็นแบบอย่างและเป็นเครื่องปลื้มปีติยินดีต่อไป ให้เรียงรายกันไปตามลำดับ แล้วให้เป็นประดุจนักรบกองทัพธรรม ฟังคำสั่งของพิธีกรซึ่งจะแนะนำวิธีการสร้างบารมี เราจะเก็บภาพเหล่านั้นเอาไว้ทั้งหมด เพื่อที่จะเผยแผ่ไปทั่วโลก ดังนั้นวันนี้ให้ลูก ๆ ทุกคนทำใจให้สดชื่น ทำสวย ทำหล่อ อารมณ์ดี อารมณ์สบาย ลดอายุมาอยู่ในวัยที่สดชื่น วัยไหนที่เราคิดว่าสดชื่นก็ลดมาขนาดนั้น ให้มีความเข้มแข็งเพราะว่ากระป๋องหรือถังบุญนี้จะผ่านมือลูกทุกคนอย่างน้อย ๓๐๐ ครั้ง เพราะฉะนั้นให้ทุกคนเป็นยอดนักสร้างบารมีเรียงรายกันมาตามลำดับช่วยกันสถาปนาธรรมกายเจดีย์ให้บังเกิดขึ้นมาเป็นที่พึ่งแก่มนุษย์และเทวดานะลูกนะ