สรุปโอวาทประจำวัน ปี พ.ศ. ๒๕๕๗
> วันอังคารที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๗
เหลืออีก ๒ วัน ให้ไปช่วยกันตามคนมาบวชให้เยอะ ๆ ให้ลงลานธรรมให้ได้ เดี๋ยวช่วยกันนะลูก ต้องรีบชิงช่วงในวัยที่ยังแข็งแรง
ต่อไป เวลาธรรมกายจะเกิดขึ้นได้จริง นั่งธรรมะตลอดต่อเนื่อง ๒๔ น. หลวงพ่อปลื้มถ้าเห็นลูก ๆ ตั้งใจนั่งธรรมะ และมีที่พึ่งภายในกระแสการปฏิบัติธรรมจะเกิดขึ้น ต้องเริ่มจากพระภิกษุและลูก ๆ เขตใน ถ้าพระ alert โยมก็ alert ตาม จากเขตในก็ไปถึงเขตนอกกระแสการปฏิบัติธรรมก็จะเกิดขึ้น
> วันพุธที่ ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๗
เราต้องเข้าสู่เทศกาลหล่อทองคุณยายอาจารย์ฯ วันนี้ไปเล่าเรื่องอมนุษย์ใน DMC ตอนหลวงพ่อเด็ก ๆ อายุ ๓ - ๔ ขวบ ยังไม่ได้เข้าโรงเรียน มีอมนุษย์มาขอความช่วยเหลือจากหลวงพ่อ ตอนนั้นหลวงพ่อชวนโยมแม่ไปยืนที่ระเบียง ท่านก็พาไป พอหันไปทางซ้าย ก้มหัวมองลงข้างล่าง ก็เห็นคนไม่มีหัวยืนพิงรั้วสังกะสีอยู่ ซึ่งถนนในซอยก็ไม่ได้กว้างสักเท่าไร หลวงพ่อจึงถามโยมแม่ว่า “แม่ แม่ คนไม่มีหัวยืนอยู่ได้ไง” ท่านไม่ตอบอะไร รีบอุ้มหลวงพ่อเข้ามุ้งเลย ๒๐ กว่าปีผ่านมา ท่านจึงเล่าให้ฟังว่า “ที่ตรงนั้นเป็นที่ประหารตัดคอนักโทษ” หลวงพ่อต้องคอย ๒๐ กว่าปีจึงจะได้คำตอบ อมนุษย์มาขอความช่วยเหลือ ไม่มีคอยืนพิงรั้วสังกะสี และหันตัวมาทางหลวงพ่อ ไม่ได้ยืนถือหัวด้วย ที่หลวงพ่อเจอคือ เห็นอมนุษย์เพียงแค่ครั้งเดียว แต่ที่เหลือจะเจอเทวดา อย่างตอน ๑๐ ขวบ ตอนนั้นยืนอยู่ที่สนามฟุตบอลตอนเที่ยงเศษ พวกเพื่อน ๆ อยู่ริมสนามฟุตบอล สนามมันกว้าง หลวงพ่อยืนอยู่ตามลำพังกลางสนาม แดดเปรี้ยงเลย ตอนนั้นเหมือนมีใครมาโอบที่ไหล่ แต่พอหันไปดูก็ไม่มีใคร หลวงพ่อเลยเดินย้ายไปอีก ๒-๓ ก้าว เพราะที่เดิมใครไม่รู้มาโอบ หันไปดูเพื่อน ก็อยู่ขอบสนามกันหมด หลวงพ่อจึงเดินไปอีก ๒-๓ ก้าว ก็ยังถูกโอบอีก หลวงพ่อรีบเดินไปหาเพื่อนทันที และต่อมาก็เล่าให้คุณยายฯ ฟัง เพราะเล่าให้คนอื่นฟัง เขาก็ให้คําตอบไม่ได้ จึงมาเล่าให้คุณยายฯ ฟัง ตอนนั้นอายุ ๑๙ - ๒๐ เจอคุณยายฯ ท่านก็หลับตาแล้วบอกว่า เทวดาแถวนั้น เขาเอ็นดูคุณ คุณยายฯ ท่านว่าแบบนี้ ก็ดีเหมือนกันที่เทวดาเอ็นดู ตอนหลวงพ่อ ๗ ขวบก็เหมือนกัน ตอนนั้นอยู่ที่โรงเรียนตะละภัฏศึกษาตามลำพัง เพราะคุณปู่คุณย่าไปจับนกกระจอก หลวงพ่ออยู่กับบอดี้การ์ดเป็นหมา ๒๔ ตัว จำได้แม่นเลย มีเสียงเหมือนน้าชายผู้เป็นที่รักมาเรียกชื่อหลวงพ่อ ห่างกันประมาณ ๓ เมตร เสียงจากประตูที่เปิดเอาไว้ หลวงพ่อลุกจากมุ้ง หมาก็เดินตาม หมาไม่หอนสักตัว และเสียงก็ย้ายไปอยู่ที่หัวบันได หลวงพ่อก็เดินตาม แต่ไม่เห็นมีใคร พอเดินไปถึงที่หัวบันได เสียงก็ไปอยู่ที่บันไดขั้นแรกอีก หมาก็เดินตามมาอีก แต่ไม่หอนสักตัวเหมือนเดิม แล้วเสียงก็ไปถึงที่ประตูรั้ว พอหลวงพ่อเปิดประตูออกไปดู ก็ไม่มีใคร แต่หลวงพ่อก็ไม่ได้เล่าให้ใครฟัง เพราะเล่าไปก็ไม่ได้คำตอบอยู่ดี จึงมาเล่าให้คุณยายฯ ฟัง ซึ่งท่านก็บอกว่า เทวดาแถวนั้นเขาเอ็นดูคุณเพราะเห็นคุณอยู่คนเดียวคล้าย ๆ ประโยคเดิม แต่เป็นคนละชุดกัน ตอนนั้น หลวงพ่อไม่ได้ขนลุกอะไรเลย เพราะคิดว่าเป็นน้าชาย เสียงจะเย็น ๆ คำว่าเสียงจะเย็น ๆ นั้น เรื่องจริงนะ จะช้า ๆ เย็น ๆ แปลกดี
ตอน ๙ ขวบก็เหมือนกัน ตอนนั้นอยู่กับโยมพ่อ ๒ คนพ่อลูกที่ชั้นบน หารือกันว่า พ่อจะไปหาแม่มาให้ใหม่อีกคน จะไปแต่งงาน ท่านก็ให้หลวงพ่ออยู่ตามลำพัง ท่านสั่งว่าให้ปิดประตูให้ดี ซึ่งมีประตูเดียวหน้าต่างเดียว หลวงพ่อก็ปิดอย่างดี หน้าต่างชั้น ๒ นั้น ถ้าจะปีนขึ้นมาต้องเอาบันไดพาดเหมือนเมียนมาร์บุกค่าย และถ้ามองจากหน้าต่างไปก็จะเห็นถนนคั่นระหว่างที่พักกับวัด และเมื่อมองข้ามกำแพงวัดไปก็จะเห็นป่าช้าทำเลดี ตอนดึก ๆ โยมพ่อสั่งให้ล็อคกลอนให้ดี หลวงพ่อก็นอนหงายห่มผ้า พอตกดึกเห็นอีกคนมานอนแทนที่โยมพ่อ นอนตะแคงหันหลังให้ หลวงพ่อก็ไม่รู้ว่าใคร ไม่ได้สะกิดถาม นอนไม่หลับเลย รอเมื่อไรจะเช้าสักที ก็คอยสังเกตแสงเงินแสงทอง แสงอรุโณทัย พอแสงลอดประตูจากพื้นนิด ๆ ก็รีบเอาผ้าห่มตลบกลับแล้วก็วิ่งออกไปเลย ไม่รู้ว่าคืออะไร แต่ก็ไม่ได้เล่าให้ใครฟัง เพราะเล่าแล้วก็ไม่ได้คำตอบ มาเล่าให้คุณยายฯ ฟัง ท่านก็หลับตานิ่ง ๆ แล้วบอกว่า เป็นเทวดาแถวนั้น เขาเอ็นดูคุณ เขามาอยู่เป็นเพื่อน ดีเหมือนกัน พ่อไม่อยู่ก็มีเทวดามาอยู่แทน หลวงพ่อจำไม่ลืมเลย
ตอนมาเรียนมหาวิทยาลัย ก็เจออีกหลายที ตอนนั้นเป็นช่วงเที่ยงมีพัฒนาหอ หลวงพ่อมานอนพัก ไม่ได้แต่มันเหนื่อย พอหายเหนื่อยก็จะไปลุยต่อ ตอนนั้นอยู่ปี ๒ นอนเล่น ไม่ได้หลับจริง ๆ แค่หลับตา รู้สึกเหมือนมีใครเอาน้ำมาพรมที่หน้า พอลืมตามาก็ไม่มีใคร แต่พอหลับตาก็เจอแบบนี้อีก ลืมตามาก็ไม่มีใคร หันไปดู ก็มีแต่มุ้งลวด คราวนี้โดนสาดเต็มหน้าเลย ความรู้สึกเปียกไปหมด เลยรีบไปช่วยพัฒนาหอต่อ ตอนนั้นตอนเที่ยงแสก ๆ ต่อมาไปกราบคุณยายอาจารย์ฯ เล่าให้คุณยายฯ ฟังในทุก ๆ เรื่อง ท่านก็ไม่ขัดใจ ไม่ถือว่าเป็นเรื่องไร้สาระ เป็นปกติ คุณยายฯ ทำนิ่ง ๆ แล้วหลับตา ท่านพูดช้า ๆ ชัด ๆ ว่า "เป็นเทวดาแถวนั้นแหละ เขาเอ็นดูคุณ เขาเป็นผู้หญิงอยู่ตรงต้นไม้ใหญ่ใกล้ ๆ ที่คุณอยู่ เขาเอ็นดูคุณ มาล้อคุณเล่น” คุณยายฯ รู้ได้ไงว่าหลังตึกมีต้นไม้ใหญ่ขนาด ๒-๓ คนโอบอยู่
ต่อมาอีกไม่นาน ที่ห้องนอนเดิม ซึ่งมีเตียง ๒ ชั้นและเตียงเดี่ยว ห้องหนึ่งพัก ๓ คน หลวงพ่อพักที่เตียง ๒ ชั้น ชั้นล่าง ในขณะกึ่งนั่ง กึ่งนอน เปิดไฟอ่านหนังสืออยู่ เพื่อนอีกคนก็กำลังนอนที่เตียงเดี่ยว หลวงพ่อปิดมุ้งลวดเองกับมือแล้วก็ดูหนังสือ ตอนนั้น มีผู้หญิงคนหนึ่งถือถาดแต่งตัวสวย เดินทะลุมุ้งลวดออกมา เดินนิ่ง ๆ ปากไม่ขยับแต่มีเสียงบอกว่าเอามาให้ หลวงพ่อก็โพล่งบอกไปว่า ไม่เอา เพื่อนที่อยู่ก็งงว่าพูดกับใคร แล้วผู้หญิงคนนั้นก็เดินถอยหลังออกไป หลวงพ่อมาเล่าให้คุณยายฯฟัง ท่านก็บอกว่า เขาเป็นคนเดียวกันกับคนที่เอาน้ำมาสาดคุณ เขาเอาของมาให้ ดีนะที่คุณไม่รับ ถ้าคุณรับก็จะต้องไปอยู่กับเขา ทุกเรื่องหลวงพ่อจะไปเล่าให้คุณยายฯ ฟังทุกครั้ง เล่าอย่างนี้ จะได้รู้ถึงคุณวิเศษของคุณยายฯ เพราะทุกเรื่องที่หลวงพ่อเล่าเกี่ยวเนื่องกับคุณยายฯ เขาจะได้ปลื้มกันที่ได้ทําบุญกับคุณยาย