ความอดทน
บทฝึกบทที่ ๓ คือความอดทน ซึ่งพวกเราก็รู้จักกัน แต่ว่า รู้จักไม่หมด และเพราะรู้จักไม่หมดนี้เอง อาตมาจึงใช้คำว่า ให้มองเห็นโทษแม้ในสิ่งที่เล็กน้อย คือเรารู้ส่วนใหญ่ ฝึกในส่วนใหญ่ของคุณธรรมเหล่านี้แต่เรามักปล่อยปละละเลยในส่วนน้อย แล้วนั่นคือ ประเทศชาติ จุดอ่อนแอของกองทัพ แล้วนั่นก็จะกลายเป็นจุดอ่อนแอของพระศาสนาไปเรื่อยในตัวเสร็จระดับขั้นของความอดทนเรื่องสุดท้าย เรื่องของความอดทน ทหารทุกคนภูมิใจในความอดทนของตัวเอง อาตมาเองก็ลูกหลานทหาร ก็มีความภูมิใจในความอดทนที่พ่อที่พี่ฝึกให้ เพิ่งมารู้ตัวเองว่าเราทนไม่จริงเมื่อครั้งจะบวช เพราะพบว่า ที่เรียกว่าความอดทนนั้นมีอยู่ ๔ ขั้นตอนด้วยกัน คือ
๑. ความอดทนระดับที่ ๑ อดทนต่อความลำบากตรากตรำ คืออดทนต่อความไม่เอื้ออำนวยของดินฟ้าอากาศ เช่น มันเย็นมันอ่อน มันร้อน มันแข็ง มันหนาว มันลุ่ม มันดอน เกินไป ทำให้ชีวิตทุลักทุเลนั้น เป็นเรื่องใครทนได้ แสดงว่าอดทนต่อความลำบากตรากตรำ ความอดทนประเภทนี้ ถือว่าเป็นเพียงความอดทนขั้นที่ ๑
๒. ความอดทนระดับที่ ๒ ทนแดด ทนลม ทนฝน ทนแค่พอบ่ายหน่อย ออย เห็นเข็มละ โธ่เอ๊ย! เข็มเล่มนิดเดียว จะให้ฉีดยาไม่ยอมฉีด กลัวเจ็บ แต่ที่ทนแดด ทนลม ทนฝน ทนได้ บางคนอย่าว่าแต่เข็มเลย แค่พบยาขม ๆ หน่อยจะไม่รับประทาน ไม่เอาต้องรอให้เกือบตายจึงรับประทาน เรื่องนี้ขอผ่านไม่พูด ใครอดทนตรงนี้ได้ ถือว่าเป็นความอดทนขั้นที่ ๒
๓. ความอดทนระดับที่ ๓ อดทนต่อการกระทบกระทั่ง ตรงนี้เริ่มจากมาอยู่ร่วมกัน จะต้องทำงานเป็นทีม เราเริ่มอึดอัดกันแล้ว เข้าแถวก็จะต้องให้ตรงเปรี้ยะ ขนาดนิ้วเรายังไม่เท่ากันเลยจะให้แถวตรงเท่ากันได้อย่างไร ทุกคนก็เริ่มจะมีข้อแม้ เราจะเริ่มกระทบกระทั่งกันเมื่อต้องทำงานกับคนอื่น ลูกร้อยพ่อพันแม่ ได้รับการอบรมจากครอบครัวที่ต่างกัน นิสัยจึงต่างกัน การกระทบกระทั่งจะเกิด ตั้งแต่การรับประทานข้าว การนอน การพูดจา ฯลฯใครมีความอดทนต่อการกระทบกระทั่งได้ ตรงนี้จะเป็นจุดเปลี่ยน เพื่อนนักเรียนที่เรียนหนังสือมาด้วยกัน ความรู้ความสามารถก็เท่ากัน จะมาได้เปรียบกันตรงนี้ ว่าใครจะเหนือกว่าใครใครอดทนต่อการกระทบกระทั่งได้ จะเริ่มทำงานเป็นทีมได้ โอกาสก้าวหน้าจะมีมากขึ้น แล้วสิ่งที่จะทำให้คนอดทนต่อการกระทบกระทั่งได้ดีคือ มารยาทที่ฝึกเอาไว้ดี ถ้ามารยาทฝึกไม่ดี ก็จะไม่สามารถทนต่อการกระทบกระทั่งได้ เพราะฉะนั้น เรื่องมารยาทใครอย่าบอกว่าทหารกับเรื่องมารยาทไม่สำคัญเท่ารบเก่ง อย่ามาพูดให้ได้ยิน ถ้ามารยาทไม่ดีเดี๋ยวก็กระทบกัน แล้วเดี๋ยวไม่ต้องไปรบกับใครหรอก รบกันเอง ฆ่ากันเอง ตายเปล่า
๔. ความอดทนระดับที่ ๔ ความอดทนต่อความเย้ายวน เป็นความอดทนในระดับสูงสุด ทำยากจริง ๆ สิ่งที่ยั่วเย้าเย้ายวนทำให้งานพาลเสีย ทำให้ระบบทั้งหลายในกองทัพย่ำแย่ไป มีเรื่องอะไรบ้าง โบราณท่านให้เอาไว้แล้ว ๔ ส. ด้วยกัน ส.ที่ ๑ ส.สตรี ถ้าเป็นผู้หญิง ส.ที่ ๑ ก็คงเป็นส.สุภาพบุรุษ ที่ไม่ค่อยสุภาพ ไม่ระวัง แปลก ลูกผู้ชายอกสามศอก แข็งอย่างกะเสาหิน แข็งกว่าเขาสามร้อยยอดของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์อีกแต่พบจ๊ะ ๆ จุ๊ ๆ ไม่กี่ที อ่อนปวกเปียก ๆ เสร็จ ปากแดง ๆ ใครลองได้เจ้าชู้ ใครลองได้เลือกภรรยาไม่เป็น กองทัพสะเทือน อนาคตก็เลยดับก็ตรงนี้
ส. ที่ ๒ คือ ส.สุรา ถ้าได้เมาแล้ว เราก็พลาด ได้พูดไว้แล้ว ส. ที่ ๓ ส.สตางค์ พวกเรานี่มาในสายทหาร ไม่เคยพูดก็พูด อย่าว่าดูถูก เราไม่ได้ถูกฝึกในเรื่องของทางด้านการเงินมากันอย่างจริงจัง โอกาสที่จะผิดพลาดในด้านการเงินมีมาก ยิ่งใครจมอยู่ในอบายมุข โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นนักการพนัน ถ้าได้มาจับเงินเข้าไปแล้ว เกิดเผลอมือเติบ ทำเงินของหลวงรั่วไหล ตะรางมันรออยู่ ขอฝากไว้ ส. ที่ ๔ คือคำสรรเสริญเยินยอต่าง ๆ ขาดท่านเสียคนเดียวเมืองไทยอยู่ไม่ได้ เสียผู้เสียคน เป็นระดับล่างเป็นอย่างไรแหม..ถ้าขาดน้องเสียคนเดียวพี่ตายแน่ ๆ หลงเชื่อคารม ทิ้งพ่อแม่มาอยู่กับสามี สามีเลยเอาลำแข้งเลี้ยงเข้าให้ ในทางกลับกัน แหม..คุณพี่นี่ เป็นสุภาพบุรุษจริง ๆ ไม่เคยพบใครเป็นสุภาพบุรุษอย่างนี้เลย ลืมพ่อลืมแม่ ไม่เลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ มาเลี้ยงภรรยาแทน ไม่รู้ใครโง่กว่าใคร สตรีก็ตาม สุราก็ตาม สตางค์ก็ตาม คำสรรเสริญเยินยอ ก็ตาม ล้วนผลาญคนมานักต่อนัก ให้ดูศัพท์คำนี้ให้ดี คำว่า อดทน ซึ่งภาษาพระเราใช้คำว่า ขันติ ขันติแปลว่า อดทน อดกับทนไม่เหมือนกัน อย่าไปปนกัน
อด เป็นอย่างไร อยากได้แต่ว่าไม่ได้ อยากได้ไหม ปากแดง ๆ อูย...ยิ้มหวาน ๆ พูดเพราะ ๆ เงินมาก ๆ อยากได้ไหม อยากได้แต่อดเอาไว้นะ อย่าเที่ยวไปตะปบเอามา เดี๋ยวเรื่องมันเกิด อด อย่าไปเอามัน ทน เป็นอย่างไร ไม่อยากได้ ไม่อยากเลยเชียว ที่นอนกับดินกินกับทราย ไม่อยากได้ แต่ว่ามันมาเอง ต้องทนร้อน ทนหนาว ไม่อยากได้ แต่ว่ามันมาเอง อด อยากได้ อยากมี อยากเป็น อยากได้อะไร ภรรยาอยากจะได้แถมอีกสัก ๕ คน ตำแหน่งอยากได้ แต่บางครั้งอย่าเพิ่งไปตัดหน้าตัดตาใคร เดี๋ยวยุ่ง อยากได้ แต่อย่าไปรับ รับแล้วมันรวน เพราะฉะนั้น ต้องอดเอาไว้ แต่บางอย่างไม่อยากได้เลย เช่น แดนทุรกันดาร ไปแช่น้ำตั้งครึ่งวันครึ่งคืน อดตาหลับขับตานอน ไม่อยากได้ แต่ว่ามันเป็นหน้าที่ของทหาร ทนฝึกกันไปเถอะ
อดนั้นลักษณะหนึ่ง ทนลักษณะหนึ่ง ฝึกให้ได้ทั้ง ๒ ลักษณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าพวกเราเหล่าทหาร ถ้าจะขาดก็มักจะขาดในเรื่องไม่อดทนต่อการ กระทบกระทั่งกัน แล้วก็ไม่อดทนต่อความ ยั่วเย้า เย้ายวน จะพลาด ซึ่งเราจะพลาดก็ ๒ อย่างนี้ไปสำรวจตรวจสอบตัวเองให้ดี จะเป็นนายพลหรือไม่เป็นนายพลจะเป็นหมู่เป็นจ่าก็ดูให้ดี มันอยู่แถวนี้นะ บางคนโอ้โฮ...ผมฝีมืออย่างนี้ ทำไมถึงยังไม่ให้ตำแหน่งผมอีก ใช่..ฝีมือคุณน่ะดี แต่คุณไม่อดไม่ทน ให้คุณขึ้นไปไม่ได้หรอก ขึ้นให้คุณขึ้นไป คุณทำรวนหมด ไม่ได้ นี่ยกตัวอย่างนะคืออดทนต่อได้น้ำนรกไม่ค่อยได้ จะต้องดื่มทุกเย็นให้ได้คุณฝีมือดีก็ดีไปเถอะ ไม่ได้ ให้ไม่ได้ ให้ย้อนกลับไปพิจารณาตัวของเราเองอย่างนี้ นี่ในส่วนตัวเอง ในการฝึกผู้ใต้บังคับบัญชา ก็ที่เน้นเรื่องอดทนต่อความลำบากตรากตรำ อดทนต่อทุกขเวทนาที่เน้นกันแล้ว ก็ดีแล้ว แต่ ๒ อย่างท้ายนี้ ช่วยดูด้วย ดูให้ดี ถ้าจะบอกแค่นี้ไม่บอกบทฝึก ก็กระไรอยู่ในกรณีสุดท้ายนี้ คืออดทนต่อความยั่วเย้าเย้ายวนนี้หรือ อดทนต่อความกระทบกระทั่งนั้น บทฝึกของพระมีให้ คือฝึกแผ่เมตตากัน ฝึกนั่งสมาธิกัน สิ่งเหล่านี้เองที่จะเป็นยันต์ศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองพวกเรา การฝึกตัวเอง ฝึกผู้ใต้บังคับบัญชา ให้เห็นโทษแม้ในสิ่งที่เล็กน้อยนั้น ในพระพุทธศาสนาได้มีแนวทางฝึกอย่างนี้ ก็ขอฝากเอาไว้ในที่นี้ด้วย