พูดอย่างพระ

วันที่ 23 สค. พ.ศ.2567

 

2567_08_23_b_01.jpg

 

 

พูดอย่างพระ



              สัมมาวาจา คือ กล่าววาจาชอบ ได้แก่ ไม่พูดเท็จ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดเพ้อเจ้อ ไม่พูดเท็จ คือ ไม่กล่าวคำที่ไม่จริงทั้ง ๆ ที่รู้ ไม่พูดส่อเสียด คือ ไม่เอาความข้างนี้ไปบอกข้างโน้น เอาความข้างโน้นมาบอกข้างนี้ ให้เขาทะเลาะกัน ไม่พูดคำหยาบ คือ ไม่พูดคำว่า กู บ้าง มึง บ้าง ด่าผู้มีพระคุณของฝ่ายตรงข้ามบ้าง เป็นต้น คำหยาบเหล่านี้ถ้าพูดแล้วใจจะเศร้าหมอง ปากจะเหม็นเพราะเป็นวิบากกรรมที่จะมีผลของกรรมตามมา ไม่พูดเพ้อเจ้อ คือ ไม่พูดคำที่ไม่มีหลักฐาน ไม่มีที่อ้างอิง ไม่มีที่ปรากฏ ว่าเอง เออเอง ปั้นน้ำเป็นตัว การพูดอย่างพระ ต้องพูดในทางตรงกันข้าม คือ พูดแต่ค่าจริง คำที่ไพเราะอ่อนหวาน น่าฟัง น่าเลื่อมใส คำที่ทำให้คนสมัครสมานสามัคคีกัน รักใคร่ปรองดองกัน คำที่มีเหตุมีผลมีหลักฐานรองรับ



                การไม่กล่าวเท็จ จะทำให้ได้ลักษณะมหาบุรุษ คือ


                ๑. มีพระโลมชาติขุมละเส้น


                ๒. ระหว่างคิ้วมีอุณาโลมเวียนขวาสีขาวดุจดังปุยฝ้าย


                การพูดไม่ส่อเสียด จะทำให้มีฟันที่ชิดกัน ไม่ห่างกัน

 

2567_08_23.JPG

 

คนที่มีฟันห่างแปลว่าเคยทำให้คนอื่นแตกแยกมาหลายภพหลายชาติแล้ว คนแบบนี้ไม่พูดแบบพระมาหลายชาติ ระวังจะทำให้หมู่คณะแตกแยก อย่าเพิ่งไปเข้าใกล้ เมื่อนำลักษณะมหาบุรุษมาเทียบเคียง พระพุทธองค์มีพระทนต์ ๔๐ ชื่มีพระทนต์ไม่ห่าง เพราะไม่กล่าวคำส่อเสียดให้คนแตกแยกกัน ไม่เพ้อเจ้อกล่าวแต่คำไพเราะอ่อนหวาน



             การไม่พูดด่าหยาบ จะทำให้ได้ลักษณะมหาบุรุษ ๒ อย่างคือ ๑. มีพระชิวหาใหญ่ ๒. มีพระสุรเสียงดุจเสียงท้าวมหาพรหม มีสำเนียงดุจนกการเวก นกการเวกนั้นเวลาบินไปหาอาหาร เมื่อเจอผลมะม่วงสุกจะใช้จะงอยปากเจาะผลมะม่วง น้ำมะม่วงก็จะไหลเข้าปาก แล้วจะร้องออกมาด้วยเสียงที่ไพเราะมาก วัวที่กำลังเคี้ยวหญ้าอยู่เมื่อได้ยินก็จะอ้าปากค้าง หญ้าจะร่วง ราชสีห์ที่กำลังตะปบกระต่ายก็

 

จะหยุดฟัง กระต่ายที่กำลังจะหนีก็หยุดนิ่ง นกที่กำลังบินอยู่ในอากาศก็หยุดบินแล้วร่อนลงไปฟัง ปลาที่อยู่ในน้ำก็หยุดกระดูกครีบฟัง เสียงนั้นไพเราะดุจเสียงของท้าวมหาพรหม ซึ่งก้อง กังวาน ไม่แหบ ไม่แตก ไม่พร่า หยดย้อย น่าฟัง เพราะกรรมที่พูดแต่คำไพเราะ พระจึงต้องพูดเพราะ ถ้าได้ยินคนพูดคำหยาบ เราก็อย่าไปทำตาม เพราะใครๆ ก็อยากฟังแต่คำพูดที่ไพเราะ เราจึงควรกล่าวแต่คำที่ไพเราะ ส่วนคนที่พูดเสียงแตก เสียงแหบ เสียงหยาบ เพราะพูดคำหยาบมาหลายภพหลายชาติ
 


            การไม่พูดคำเพ้อเจ้อ กล่าวแต่คำที่มีหลักฐาน มีที่อ้างอิง มีที่ปรากฏ จะทำให้ได้ลักษณมหาบุรุษ คือ มีพระหนุ (คาง) ดุจคางราชสีห์ ดังที่พระพุทธองค์เคยตรัสไว้ว่า



            ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ตถาคตเกิดในภพก่อน ชาติก่อนกำเนิดก่อน เป็นผู้ละคำเพ้อเจ้อ เว้นจากคำเพ้อเจ้อ กล่าวแต่คำที่เป็นจริง อิงอรรถ อิงธรรม อิงวินัย กล่าวแต่คำที่มีหลักฐานมีที่อ้างอิง มีที่ปรากฏ เพราะกรรมนั้นอันตนทำสั่งสมพอกพูนไพบูลย์ ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ครั้นมาสู่ความเป็นอย่างนี้ย่อมได้ลักษณะมหาบุรุษ คือ มีพระหนุ (คาง) ดุจคางราชสีห์เมื่อเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ จะไม่มีข้าศึกศัตรูใดๆ ที่เป็นมนุษย์กำจัดได้ เมื่อเป็นพระพุทธเจ้า ก็ไม่มีข้าศึกศัตรูภายนอก คือ เทวดา มาร พรหม หรือใครๆ กำจัดได้ ข้าศึกศัตรูภายใน คือ ราคะ โทสะ โมหะ ก็กำจัดพระองค์ไม่ได้ หมายความว่า ถ้าพูดคำที่มีหลักฐาน มีที่อ้างอิง มีที่ปรากฏ ตามพระไตรปิฎกใครจะมาทำอันตรายหรือกำจัดไม่ได้ แต่ถ้าพูดคำที่ไม่มีหลักฐาน จะโดนทำอันตรายได้ มีคนมาด่าพระอาจารย์ในเฟสบุ๊ก พออ้างพระไตรปิฎกเข้าไป เขาเห็นแล้วก็เงียบเลยจนผ่านมาได้ถึงทุกวันนี้ ถ้ามีหลักฐาน มีที่อ้างอิง มีที่ปรากฏใครก็ทำอะไรเราไม่ได้ ดังนั้นอย่ากล่าวคำเพ้อเจ้อจนเป็นนิสัย ให้กล่าวคำที่มีหลักฐานให้เป็นนิสัย “สัมมาวาจา” ขยายความได้ขนาดนี้ พูดอย่างพระ มีอะไรบ้าง ไม่เท็จ ไม่ส่อเสียดไม่หยาบ ไม่เพ้อเจ้อ กล่าวคำจริง กล่าวคำาสมัครสมานสามัคคีกล่าวคำไพเราะอ่อนหวาน กล่าวคำที่มีหลักฐาน มีที่อ้างอิงมีที่ปรากฏ ถ้าทำบ่อยๆ จนเป็นนิสัยจะได้ลักษณะมหาบุรุษ


           ขอให้เราห่างไกลคนพาล เข้าใกล้บัณฑิต เห็นสิ่งดีๆ ที่บัณฑิตทำแล้วก็ให้ทำตาม ไม่ทำชั่วทางกาย ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม มีอาชีพที่บริสุทธิ์ มีความเพียรละบาป มีความเพียรเจริญกุศล มีสติ มีสมาธิ จริงๆ แล้ว คิดอย่างพระ พูดอย่างพระ ทำอย่างพระ คือ ทำตามอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ นั่นเอง อันได้แก่ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คิดอย่างพระ พูดอย่างพระ ทำอย่างพระ ทำอย่างนี้แหละ

 

 

 

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.020377318064372 Mins