ถวายภัตตาหารรสสวรรค์

วันที่ 26 สค. พ.ศ.2567

2567%2008%2026%20b.jpg

 

ถวายภัตตาหารรสสวรรค์

 

       หลังจากที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จประทับในบ้านของมหาทุคตะเรียบร้อยแล้ว พระอินทร์ได้อาศัยบุญแต่ปางก่อนของมหาทุคตะร่วมกับพุทธานุภาพ และเทวานุภาพของพระอินทร์ รวมกัน ๓ ส่วน บันดาลให้มีแสงสว่างวาบเกิดขึ้นในฝาครอบภัตตาหาร อาหารนั้นปรุงด้วยเนยใส นมส้มเครื่องเทศ ผัก และปลาตะเพียนที่ฉีกเป็นชิ้นเล็กๆ คลุกเคล้ากันอย่างดีรวมกันเป็นข้าวคลุกปลาตะเพียน โดยมีเครื่องเคียงคือผักที่เก็บมาจัดวางอย่างประณีตอยู่ในจานเดียว เมื่อปรุงด้วยการดึงบุญธาตุโอชารสทิพย์แล้วโอชารสอันเลิศนั้นได้แทรกซึมเข้าไปในทุกอณูเนื้อของภัตตาหาร มีกลิ่นหอมฟุ้งราวกับอาหารของชาวสวรรค์

2567%2008%2026b.jpg

    จากนั้น   พระอินทร์ในร่างแปลงจึงเปิดฝาครอบออก   พระราชาถึงกับตะลึงงันกับสิ่งที่ได้พบเห็น  ภัตตาหารอันประณีตนั้นส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลมิใช่แค่เพียงภายในกระท่อมของมหาทุคตะเท่านั้น แต่ยังส่งกลิ่นหอมขจรขจายไปทั่วทั้งเมือง ผู้ที่ได้กลิ่นอันหอมหวนนี้ก็ได้แต่นึกสงสัยว่า “เอ๊ะ วันนี้ได้กลิ่นอะไรหนอ หอมเหลือเกิน” แม้แต่สัตว์เดรัจฉานอย่างเช่น นกหรือผีเสื้อที่โบยบิน
ก็ยังได้กลิ่นหอมฟุ้งนี้ อีกทั้งเหล่าเทวดาที่รักษาพระนครเมื่อมองด้วยทิพยจักษุเห็นดังนี้ ต่างก็เลื่องลือกันถึงความประณีตหอมหวนของภัตตาหารมื้อนี้

     เมื่อผู้ที่ยากจนที่สุดในเมืองมีความตั้งใจอย่างแรง    กล้าที่จะถวายภัตตาหารแด่เนื้อนาบุญอันเลิศ    พระอินทร์จะทนได้อย่างไร   แล้วยิ่งทรงทราบด้วยทิพยจักษุก็ทรงเห็นว่า พระภิกษุสงฆ์ทั้ง ๒๐,๐๐๐ รูป มีเจ้าภาพหมดแล้วและไม่มีเจ้าภาพคนใดแบ่งปันพระภิกษุให้แก่มหาทุคตะเลย ยิ่งทำให้พระอินทร์อยากเสด็จลงมาช่วย


       อีกประการหนึ่งที่ประจวบเหมาะกัน   คือ   บุญเก่าของมหาทุคตะที่เคยเกื้อกูลพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้ามาในอดีต   ทำให้เขาปรากฏอยู่ในข่ายพระญาณของพระองค์   ซึ่งพระอินทร์ก็ทรงทราบดีว่า   การที่มหาทุคตะพลาดโอกาสนิมนต์พระมารับภัตตาหารของตนจะกลับกลายเป็นการได้โอกาสแห่งบุญลาภอันยิ่งใหญ่ไม่มีประมาณ ดังนั้น แม้ในบางครั้งเราอาจมีความรู้สึกผิดหวังกับอะไรบางอย่าง แต่ให้เรารักษาใจไว้ให้ดีอย่าร้องไห้ตีโพยตีพายให้ใจเศร้าหมอง เพราะความผิดหวังนั้นอาจจะนำความสมหวังอันยิ่งใหญ่มาให้กับเราก็ได้ เมื่อเป็นบุญลาภของมหาทุคตะ พระอินทร์จึงต้องเสด็จลงมาประกอบอาหารด้วยโอชารสอันเป็นทิพย์ และอาหารคือข้าวคลุกปลาตะเพียนนี้เอง ที่ทำให้มหาทุคตะติดใจข้ามชาติไปถึง ๑ พุทธันดร

        เมื่อพระราชาทอดพระเนตรเห็นภัตตาหารแล้ว  ได้แต่ทรงฉงนพระทัยว่า  ในฐานะที่พระองค์เป็นสุขุมาลชาติ  ทรงคุ้นเคยกับการเสวยพระกระยาหารในวังซึ่งถือว่าเป็นที่สุดของบรรดาอาหารทั้งหลาย ไม่มีใครมีอาหารประณีตเท่ากับพระองค์ แต่เมื่อมาเทียบกับข้าวคลุกปลาตะเพียนของมหาทุคตะแล้ว กลับสู้ไม่ได้ ช่างน่าพิศวงยิ่งนัก เมื่อทรงเห็นดังนั้นแล้วจึงหมดห่วง ในที่สุดก็เสด็จกลับ

2567%2008%2026.b.jpg

     ครอบครัวของมหาทุคตะได้น้อมนำภัตตาหาร   คือ   ข้าวคลุกปลาตะเพียนรสเลิศใส่ลงในบาตรของพระพุทธองค์  ด้วยความปลาบปลื้มอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ต่างนั่งเฝ้าดูพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงขบฉันปลื้มใจในทุกคำที่ทรงขบฉันด้วยพุทธลีลาอันงดงาม พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงมีลักษณะมหาบุรุษ ลิ้นรับรสและประสาทรับรู้ของพระองค์ใสกระจ่างสามารถรับรสของอาหารทิพย์ได้อย่างเต็มที่ รสที่รับผ่านประสาทจึงแผ่ซ่านไปทั่วพระวรกาย ผิดกับมนุษย์ธรรมดาที่บางคนลิ้นหนามาก
บางคนหนาปานกลาง บางคนลิ้นบาง ชิมอาหารแล้วการรับรสอาจมีผิดเพี้ยนไปบ้าง

       มหาทุคตะเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงขบฉันภัตตาหารของตนแล้ว   ก็ยิ่งเลื่อมใสและปลาบปลื้มใจ   ในยามปกติก็ปลื้มกับพระองค์ทุกวันอยู่แล้ว แต่ในวันนี้ การที่ตนได้มีโอกาสถวายภัตตาหารแด่พระพุทธเจ้านั้นนับเป็นที่สุดแห่งความปีติ จึงได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

     เสร็จภัตกิจแล้ว   มหาทุคตะก็นำบาตรของพระองค์มาล้างให้เรียบร้อยแล้ว   จึงฟังพระองค์ประทานอนุโมทนาคาถา   ทำให้ยิ่งชื่นอกชื่นใจ เมื่อทราบว่าการถวายภัตตาหารแด่ทักขิไณยบุคคลนั้นได้อานิสงส์เป็นอสงไขยอัปปมาณัง โดยเฉพาะเมื่อถวายแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยจิตเลื่อมใส ผลนั้นจะยิ่งใหญ่ไพศาลอย่างจะนับจะประมาณมิได้ นอกจากนี้ยังจะได้ธรรม ๕ ประการ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ และปฏิภาณอีกด้วย

       กล่าวถึงตอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงรับข้าวคลุกปลาตะเพียนจนเต็มบาตรเรียบร้อยแล้วนั้น   
ปุญญาภิสันทา คือ ท่อธารแห่งบุญได้ได้เกิดขึ้นเป็นอัตโนมัติ เพราะว่าครบวงจร คือ มีผู้ให้ ผู้รับ วัตถุทาน และเจตนา ครบถ้วนบริสุทธิ์บริบูรณ์ ก่อนถวายทานก็ปลื้มใจ ระหว่างถวายก็เบิกบาน ครั้นถวายเสร็จแล้วก็แช่มชื่น แจ่มใส มีความสุข พอถวายทานขาดจากใจแล้วก็ครบวงจร

     บุญจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็หลั่งไหลมาสู่ศูนย์กลางกายของมหาทุคตะ  เหมือนการชาร์จแบตเตอรี่  ดวงบุญก็สว่างโพลง   ใสสว่างบริสุทธิ์ ห่อหุ้มดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์หยาบ และธาตุธรรม เห็น จำ คิด รู้จนสว่างไสวไปหมด มีความสว่างและขนาดใหญ่โตกว่าประชาชนทั้งเมือง แม้แต่ดวงบุญในด้านสมบัติของพระราชายังสู้ไม่ได้

      ผังจนถาวรอันมืดดำสนิทที่ทำให้เป็นมหาทุคตะ  ซึ่งแต่เดิมหุ้มดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์  หุ้มธาตุธรรม  เห็น  จำ  คิด รู้  จึงถูกทำลายไปสิ้นเชื้อไม่เหลือเศษ ทำให้ผลแห่งมหากุศลบังเกิดขึ้น บุญจึงได้ช่องส่งผลสอดแทรกผังรวยที่สุดในเมืองของยุคนั้นมาส่งผลแก่มหาทุคตะอย่างเต็มที่

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.02886921564738 Mins