ฝนรัตนชาติโปรยปราย
เมื่อพระพุทธองค์ประทานอนุโมทนาคาถาเสร็จแล้ว จะเสด็จกลับพระคันธกุฎี พระอินทร์ในร่างจำแลงทรงแนะนำให้พ่อแม่ลูกมหาทุคตะไปส่งพระผู้มีพระภาคเจ้า
มหาทุคตะจึงถือบาตรเดินตามหลังพระพุทธองค์จนไปถึงวัด ส่วนภรรยาและลูกนั้นส่งถึงกลางทางแล้วเดินกลับ มหาทุคตะเดินไปด้วยจิตใจที่เบิกบานแช่มชื่นเต็มเปี่ยมไปด้วยบุญ ระหว่างเดินไปนั้นหัวใจของเขาขยายสุดขอบฟ้า ตัวพองโตเหมือนจะเหาะจะลอยได้ ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ผิวพรรณวรรณะเปล่งปลั่ง
มหาทุคตะรู้สึกสดชื่นและปลาบปลื้มใจที่ได้สร้างมหาทานบารมีกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นผู้บังเกิดขึ้นได้ยากในโลก เพราะบางกัปก็ไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นเลย เขายิ่งปลื้มใจเมื่อคิดว่า “คนจนอย่างเรานี้ไม่น่าเชื่อว่า จะมีโอกาสถวายภัตตาหารแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า มันไม่น่าเป็นไปได้ แต่ก็เป็นไปแล้ว พระสัมมาสัมพุทธเจ้ากำลังเสด็จดำเนินอยู่ข้างหน้าเรานี้ด้วยพุทธลีลาที่สง่างาม รู้สึกปลื้มจริงๆ” ยิ่งคิดก็ยิ่งปลื้มใครได้สร้างมหาทานบารมีเช่นนี้ล้วนต้องหัวใจขยายและผลิบานเป็นอย่างยิ่ง
ในระหว่างนั่นเอง พระอินทร์จําแลงทรงนำทั้งบุญเก่าและบุญใหม่ของสมาชิกครอบครัวมหาทุคตะ ซึ่งตอนนี้เกิดขึ้นเต็มเปี่ยมอยู่ในธาตุธรรม เห็น จำ คิด รู้ในจิตใจของทุกคน เป็นบุญญานุภาพผนวกกับเทวานุภาพและพุทธานุภาพแล้วเสด็จขึ้นไปยืนกลางอากาศ อยู่หน้ากระต๊อบหลังนั้น เมื่อรวมบุญได้แล้วก็ทรงอธิษฐานจิตว่า “ด้วยพุทธานุภาพอันไม่มีประมาณ ด้วยอานุภาพแห่งมหาทานบารมีของมหาทุคตะและครอบครัว และด้วยเดชเทวานุภาพของเราจงมารวมกันดลบันดาลให้บังเกิดฝนรัตนชาติขึ้น ณ บัดนี้” ทรงอธิษฐานดังนี้ ๓ ครั้งแล้วฝนรัตนชาติก็โปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า