ชีวิตที่เวียนวนในสังสารวัฏ
ชีวิตในโลกใบนี้ไม่มีอะไรใหม่ เมื่อเราศึกษาพระไตรปิฎกมากขึ้นก็จะเห็นว่า ชีวิตนั้นซ้ำเดิมไปตามการเวียนว่ายตายเกิด แต่ละภพแต่ละชาติของบุคคลที่มีชื่อปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎก จะเห็นว่า บางท่านมีชีวิตที่ขึ้นๆ ลงๆ เดี๋ยวก็รวย เดี๋ยวก็จน แต่ผลสุดท้ายก็ไปนิพพานหมด
มีบางท่านที่ชีวิตน่าเลื่อมใส คือ ไต่เต้าตั้งแต่เป็นคนยากจนมากและเมื่อไม่ประมาทหมั่นสั่งสมบุญ ภพชาติต่อไปก็จะขยับเลื่อนฐานะมาเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี แล้วก็มาเป็นพระราชา แล้วจากพระราชาก็สละราชสมบัติออกบวชเป็นพระอรหันต์ คือ จากชีวิตที่ตกต่ำ ค่อยๆ ขยับสูงขึ้นมาเรื่อยๆ ด้วยการสร้างบุญบารมี เอาบุญต่อบุญ สมบัติต่อสมบัติ
ชาติที่ตนยากจน แต่ได้ไปเจอกัลยาณมิตร ได้รับคำแนะนำให้มาสร้างบุญ ไม่ว่าจะอยู่ในยุคของพระสัพพัญญูพุทธเจ้าหรือพระปัจเจกพุทธเจ้าก็ได้สร้างบุญ พอถัดจากชาตินั้นก็ไปเกิดเป็นชาวสวรรค์ พอหมดกำลังบุญของเทวดา ก็ลงมาเกิดเป็นมนุษย์ พอสร้างบุญมากเข้า ก็เป็นอัครมหาเศรษฐีมีสมบัติเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ จะเป็นอย่างนี้ ท่องเที่ยวระหว่างโลกมนุษย์กับเทวโลกแล้วลงมาเกิดเป็นพระราชา หรือไม่ก็ลงมาสร้างบารมีใหม่ในฐานะของเศรษฐีแล้วก็มั่งคั่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้น เมื่อจังหวะในการสร้างบารมีมาถึงเราแล้ว อย่าปล่อยให้ผ่านไปให้ดูตัวอย่างท่านมหาทุคตะที่ได้ใช้จังหวะเวลาของชีวิตที่ดีงาม ได้สร้างมหาทานบารมี แล้วด้วยอานิสงส์แห่งบุญที่เกิดขึ้นจากการสร้างมหาทานบารมีนั้น ได้ส่งผลเกินควรเกินคาด โดยเฉพาะฝนรัตนชาติ ดังที่มีบันทึกไว้ในพระไตรปิฎกเพียง ๖ ครั้ง แต่มี ๓ ครั้งที่สำคัญ คือ ครั้งของพระเจ้าจักรพรรดิ มันธาตุราช พระเวสสันดร และมหาทุคตะ
ไม่น่าเชื่อเลยว่า คนที่จนที่สุดสามารถมีสมบัติอัศจรรย์ไปยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับพระเจ้าจักรพรรดิและพระเวสสันดรได้ด้วยการสร้างมหาทานบารมีเพียงเลี้ยงพระ ๑ องค์ แต่เป็น ๑ องค์ที่เป็นสุดยอดแห่งเนื้อนาบุญ นั่นคือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเคยเกื้อกูลกันมาในชาติก่อนๆ เวลาบุญส่งผลจึงน่าอัศจรรย์ และความไม่ธรรมดาของข้าวคลุกปลาตะเพียนที่เป็นอาหารรสเลิศติดตราตรึงใจข้ามชาติมายาวนานถึง ๑ พุทธันดร นี้เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าเมื่อจังหวะของบุญมาส่งผล ประกอบกับพุทธานุภาพและเทวานุภาพ ทำให้อาหารธรรมดากลายเป็นภัตตาหารที่รสไม่ธรรมดา และยังไม่มีอาหารชนิดใดที่มีรสชาติตราตรึงใจข้ามชาติได้ยาวนานขนาดนี้เลย
และผลบุญนี้ก็ยังส่งต่อในชาติถัดมา ทำให้ท่านเป็นผู้ถึงพร้อมในทุกด้าน สะดวกสบายในการสร้างบารมีตั้งแต่ยังเยาว์วัย และได้บวชบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ในชาติสุดท้าย ชีวิตของท่านจึงเรียกได้ว่าดำเนินไปอย่างงดงามตั้งแต่เบื้องต้นจนอวสานเข้าสู่พระนิพพาน
ตอนสุดท้ายของทุกชีวิตในสังสารวัฏต้องไปนิพพานทั้งหมด ซึ่งความเข้าใจหรือความปรารถนาที่จะบรรลุนิพพานของแต่ละบุคคลนั้นจะแตกต่างกันไปตามกำลังบารมี ขณะที่บารมียังอ่อน จะไม่ค่อยเห็นความสำคัญของพระนิพพานเท่าไร อาจมีความคิดว่า มันไม่สนุก ไม่น่าสนใจ ไม่มีโรงหนัง ไม่มีโรงละคร ไม่มีที่เที่ยวเล่นสนุกเพลิดเพลิน เพราะตนเองยังไม่เข้าใจอารมณ์ของพระนิพพาน เข้าใจแต่อารมณ์ในทางโลก แต่พออินทรีย์แก่กล้ามากเข้า คือ ระหว่างที่ยังไม่อยากไปนิพพาน ก็สร้างบุญไปเรื่อยๆ บุญที่สั่งสมทีละเล็กทีละน้อยพอมากเข้าอินทรีย์ก็แก่กล้า มีบารมีแก่รอบขึ้น ถึงตอนนี้จะเกิดความรู้สึกว่าสิ่งต่างๆ ในทางโลกหมดความจำเป็น เกิดความเบื่อหน่าย อิ่มไปหมดเลย คือ รู้สึกว่าความจำเป็นที่จะใช้ชีวิตในทางโลก หรือในระดับของปุถุชนทั่วไปไม่มีเหลืออยู่ จะรู้สึกเฉยๆ อย่างนั้น
ในที่สุดเมื่อบารมีเต็มเปี่ยมแล้ว ก็จะได้มีโอกาสมาฟังพระสัทธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วจึงสามารถบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์หมดกิเลสเข้านิพพานได้ในที่สุด หรือบางคนอาจจะมีความปรารถนาที่มากกว่านั้น เช่น ต้องการบรรลุธรรมด้วยตัวเอง ก็จะสั่งสมบุญให้มากๆ เข้าจนกระทั่งบารมีเต็มเปี่ยม ตรัสรู้ชอบได้ด้วยตนเอง แต่ไม่สอนใคร ที่เรียกว่า พระปัจเจกพุทธเจ้า หรือถ้าสั่งสมบุญมากกว่านั้น ตั้งความปรารถนาที่จะสอนคนอื่นให้ตรัสรู้ตามตนเองได้ เรียกว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระบรมครูที่จะโปรดสอนสัตว์โลกให้รู้เห็นธรรมตามพระองค์ไปได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทุกๆ พระองค์มีเป้าหมายที่สูงสุด คือ ต้องการหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏและเข้านิพพานในที่สุด