เรื่องที่ ๓
เสียสละศักดิ์ศรี ความเป็นเจ้าพ่อ
เรื่องนี้เป็น หนังฮอลลีวู้ด เก่ามากๆ อายุหลายๆ สิบปี อาตมาชอบ ประทับใจมาก ตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก เป็นหนังเกี่ยวกับเด็ก ๒ คน เป็นเพื่อนกัน เจมส์ แคกนีย์ กับเพื่อน ชื่อ โอ ไบรอัน สองคนนี้เป็นเด็กยากจนอยู่ในสลัมที่ ชิคาโก อเมริกา ไปไหนไปด้วยกันเป็นคู่หูกัน วันหนึ่งเขาไปขโมยของที่สถานีรถไฟ มีคนเห็นเลยเรียกตำรวจ ตำรวจก็วิ่งตามจับเพื่อนวิ่งหนีรอดไปได้ แต่เจมส์ แคกนีย์ พระเอกเกิดสะดุดหกล้ม หนีไม่ทัน เลยถูกจับตัวไว้ได้
จากนั้นพระเอกก็ถูกส่งไปอยู่ที่โรงเรียนดัดสันดาน ยิ่งดัดก็ยิ่งไปกันใหญ่เพราะไปเจอคนอื่นในโรงเรียนดัดสันดานที่นิสัยเสีย ก็เสียมากขึ้นไปเรื่อยๆ ไปคบกับคนไม่ดี ตอนหลังก็กลายเป็นเหมือนแก๊งสเตอร์ใหญ่ของชิคาโก คือเขาอยู่โรงเรียนดัดสันดานแล้วก็ออกมา ออกมาแล้วก็เริ่มเป็นนักเลง เป็นอะไรหลายอย่างที่ไม่ดี ถูกจับแล้วก็ติดคุก ออกมาแล้วก็ติดคุกอีก วนเวียนหลายรอบ ออกมาครั้งสุดท้ายกลายเป็นแก๊งสเตอร์ชั้นผู้ใหญ่ของชิคาโกระดับหัวหน้า
ส่วนเพื่อนเป็น ไอริช โตขึ้นมาก็ไปเป็นบาทหลวง แล้วไปเยี่ยมบ้านเกิด บาทหลวงคนนี้ เขาทำงานสังคมช่วยเด็ก เขาตั้งสโมสรเด็ก เอาเด็กในสลัมมาอบรม มีทีมบาสเก็ตบอล แล้วพยายามมีกิจกรรมสอนศีลธรรมให้กับเด็กด้วย
เจมส์ แคกนีย์ ในฐานะหัวหน้านักเลงใหญ่ก็มีโอกาสมาพบกับเพื่อนเก่าอีกที เจมส์แคกนีย์เป็นฮีโร่ของเด็กวัยรุ่น เพราะว่าเขาเท่ห์มาก บุคลิกหล่อเหลา มาดเข้ม การแต่งตัวนำสมัยรถก็คันใหญ่โต มีอิทธิพลในวงการนักเลงระดับแนวหน้า คนก็นับถือกันมาก กลัวก็กลัว สำหรับเด็กในสลัมเขาเป็นเหมือนวีรบุรุษของเด็กๆ
บาทหลวงก็รักเพื่อนเก่า แต่ขณะเดียวกันก็เป็นห่วงเด็กๆ ที่เป็นลูกศิษย์ว่าจะเอานักเลงระดับเจ้าพ่ออย่างเจมส์ แคกนีย์ เป็นแบบอย่าง ต่อไปก็จะกลายเป็นแก๊งสเตอร์ด้วย
เจมส์ แคกนีย์ ในหัวใจจริงๆ ก็คงเป็นคนจิตใจดี แต่เพราะว่าทำความไม่ดีมานาน ทำมาต่อเนื่องจนจิตมันด้านพอเขาเจอผู้หญิงที่ดีแล้วมีโอกาสคลุกคลีเล่นกับเด็กๆ เขาก็เอ็นดูเด็กมากแล้วก็จะเห็นความดีบางอย่างในตัวเขาที่คิดว่าหายไปแล้วมันกลับมาใหม่ มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ดูอาจจะกลับตัวได้ แต่ไม่นานก็มีเรื่องยั่วยุจนทนไม่ได้ ก็กลับไม่ดีอีก สุดท้ายมีเรื่องใหญ่ ต่อสู้กับตำรวจมียิงกันตาย เจมส์ แคกนีย์ถูกจับ โทษหนัก จะต้องถูกประหาร
เรื่องที่อยากเล่าก็คือ ตอนท้ายสุดท้ายที่เขาถูกตัดสินประหารชีวิต บาทหลวงไปเยี่ยมครั้งสุดท้าย และไปขอร้องเพื่อนเก่า
บาทหลวง บอกว่าจะขออะไรจากเพื่อนสักข้อหนึ่ง เป็นสิ่งที่จะทำได้ยากที่สุด แต่ถ้าให้ได้จะเป็นบุญที่สุด บาทหลวงบอกว่ารู้ว่าคุณไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น เป็นคนกล้าหาญ เด็ดขาดที่สุด รักศักดิ์ศรี และภูมิใจในความเป็นเจ้าพ่อ
พรุ่งนี้จะถูกประหารชีวิตในเก้าอี้ไฟฟ้า ก็คงไม่กลัว แต่ถ้าคุณตายแบบไม่กลัว ไม่สะทก สะท้านเลยนั้น คุณจะเป็นฮีโร่ของเด็ก เป็นฮีโร่อมตะ ต่อไปก็จะมีเด็กบางคนที่จะเอาคุณเป็นแบบอย่างแล้วก็จะมีแก๊งสเตอร์ใหม่เกิดขึ้นมาอีก
พรุ่งนี้ที่บาทหลวงจะขอ คือ เด็กๆ เขาจะฟังวิทยุหรือติดตามข่าว เขาจะฟัง แต่ละคนเขามั่นใจว่าคุณไม่มีทางกลัวแน่นอน เขาเชื่อในฮีโร่ของเขา แต่จะขอให้แกล้งทำเป็นกลัว คือจะเป็นการเสียสละที่ใหญ่หลวงเพราะว่าที่พระเอกมีอยู่แล้วคือมีชื่อเสียง เขาเป็นแก๊งสเตอร์มีชื่อในประวัติศาสตร์ของชิคาโก ไม่เคยกลัวใคร ถึงแม้ว่าคนรังเกียจ คนก็ยังนับถือและยอมรับว่าเป็นคนเก่ง เป็นคนเข้มแข็ง
ทีนี้ก่อนถูกประหารชีวิต ถ้าเขาทำท่ากลัวตาย ฟูมฟาย ทำท่าขี้ขลาด ทุรนทุราย มันจะเป็นข่าวออกหนังสือพิมพ์และสื่อต่างๆคนทั้งหลายก็จะเข้าใจว่ารู้ความจริงจะรู้ว่าที่ผ่านมาหัวหน้าแก๊งสเตอร์เล่นละครหลอกสังคม ทำเป็นเก่ง เป็นคนกล้า ที่จริงเป็นคนขี้ขลาดเหมือนคนอื่นไม่น่าเคารพนับถือ ไม่มีค่าควรแก่การเอาอย่าง เพราะฉะนั้นเขาต้องยอมเสียสละชื่อเสียงและโดยไม่มีอนาคตที่จะกู้คืนชื่อเสียงนี้ได้
เขาฟังแล้วก็โกรธเพื่อนบาทหลวง บอกว่าทำไม่ได้ นี่มันเกินที่จะขอได้แล้ว บาทหลวงก็บอกว่าท่านเข้าใจดี แต่ยังไงๆ ก็ต้องขอร้อง จากนั้นร่ำลากันเป็นครั้งสุดท้าย
รุ่งเช้าถึงเวลาประหาร ตำรวจพร้อมผู้คุมนักโทษเข้ามาตัวใหญ่ๆ ๒ คนจะเข้ามาควบคุมตัว พระเอกก็บอกไม่ต้องทั้งสิ้น เขาเดินออกไปแบบสง่าผ่าเผย ด้วยความหนักแน่นมาก เดินไปได้พักหนึ่ง ก็จะผ่านเส้นทางที่เป็นช่องระเบียงหน้าต่างเป็นแนวยาว ปรากฏว่ามีเด็กๆ รอดูอยู่เป็นจำนวนมาก และก็มีนักข่าวเตรียมทำข่าว เขาสังเกตสายตาของเด็กจำนวนมากที่มองเขาอย่างชื่นชมศรัทธาในความเก่ง ความกล้าท้าทายของเขา
สักพักเดียว มาถึงตรงนี้ทุกคนก็ตกใจเมื่อพระเอกเริ่มออกอาการ ร้องเสียงหลง เหมือนคุมสติไม่อยู่ พร้อมกับแสดงสีหน้าหวาดกลัวสุดขีด กรีดร้องสุดเสียงว่า “ข้ายังไม่อยากตายข้ากลัวตาย ใครช่วยที” และพยายามวิ่งหนี ต่อสู้กับผู้คุมนักโทษเหมือนคนกลัวจนเสียสติ
ผู้คุมนักโทษหลายคนต้องช่วยกันจับตัวไว้ และพูดจาดูหมิ่นพระเอก นึกว่าจะเก่งระดับเจ้าพ่อสมคำร่ำลือ ที่จริงก็ขี้ขลาด เขาก็ทำท่าดูถูกดูหมิ่น แล้วก็ต้องลากเข้าไปในห้องเตรียมประหารเขาก็ร้องกรี๊ดตลอด พยายามต่อสู้หนีตายจนกระทั่งสิ้นชีวิต
ฉากสุดท้ายในหนัง บรรดาเด็กๆ ที่เป็นแฟนของพระเอกก็มารวมกันอยู่ที่สโมสร โอ้ย....เสียศรัทธา ! ถูกหลอก ! นึกว่ากลัวไม่เป็น ทุกคนก็บ่นโอดครวญ บาทหลวงก็นั่งอยู่ สองจิตสองใจ คือ เขาไม่สามารถที่จะเปิดเผยความจริงให้เด็กทราบ เขาทั้งรักและคิดถึงเพื่อน ซาบซึ้งในความเสียสละที่ยิ่งใหญ่ เต็มไปด้วยความเลื่อมใสในน้ำใจของเพื่อน บาทหลวงบอกกับผู้ชมว่า ฉันดูชีวิตของตัวเองกับชีวิตของเขาว่าต่างกันตรงไหน รู้ว่ามีข้อเดียว ฉันวิ่งเร็วกว่าเขาที่สถานีรถไฟ !!