เล็งวัด-ร.ร./ช่วงเทศกาลห้ามออกบูธแอลกอฮอล
นางเพ็ญศรี พิชัยสนิธ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า จากการหารือ ร่วมกับประธานสภาเยาวชนกรุงเทพมหานคร สถาบันพัฒนาชุมชนท้องถิ่น เรื่องการจัดโครง การสวนสาธารณะเป็นพื้นที่ปลอดเหล้า ซึ่งกทม.ดำเนินการอยู่แล้วว่า สภาเยาวชนต้องการ ให้มีโครงการต่อเนื่อง โดยให้วัด และสถานศึกษาเป็นสถานที่ปลอดเหล้าด้วย ส่วนในช่วง เทศกาล อาทิ ลอยกระทง สงกรานต์ ปีใหม่ ที่จะจัดขึ้นในสวนสาธารณะต่างๆ ควรมีการ รณรงค์ไม่ให้นำสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์มาร่วมงานในรูปแบบการจัดบูธแสดงสินค้า ไม่ควรติดป้ายประชาสัมพันธ์ นอกจากนี้ทางสภาเยาวชนยังนำเสนอโครงการ "ดื่มไม่ขับ ขับไม่ซิ่ง"ซึ่งจะมีการจัดกิจกรรมในช่วงปีใหม่นี้ตามสถานที่ต่างๆ
นางเพ็ญศรี กล่าวว่า สำหรับโครงการวัดปลอดเหล้านั้น กทม.จะจัดสัมมนาโดยเชิญ เจ้าอาวาสวัดในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ประมาณ 200 รูป ร่วมงาน มีวิทยากรบรร ยายเกี่ยวกับโทษของเหล้า รวมทั้งขอความร่วมมือวัดให้ร่วมรณรงค์ด้วย ซึ่งจะจัดขึ้น ประมาณเดือนธันวาคม 2548 ในส่วนของโรงเรียนจะประสานกับนายวัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่าฯกทม.ที่รับผิดชอบต่อไป
อย่างไรก็ตามขณะนี้กทม.ได้สำรวจจำนวนป้ายโฆษณา และร้านจำหน่ายสุราที่อยู่ใกล้สถานศึกษาในระยะ 500 เมตร เพื่อขอความร่วมมือไม่ติด ป้ายดังกล่าว สำหรับช่วงเทศกาลที่จะจัดขึ้นนั้นกทม.ได้ออกมาตรการควบคุมเกี่ยวกับการจำ หน่ายสุราแล้วว่าไม่ให้มีการจัดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์มาบริการผู้ที่มาร่วมงาน
เสนอห้ามขายเหล้าวันอาทิตย์ฯ
เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. เวลา 13.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บัญชาการตำรวจทั้งในนครบาลและภูธร เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ การศึกษา สรรพสามิต รวมทั้งผู้อำนวยการเขตในกรุงเทพมหานคร เพื่อกำชับให้มีการเข้มงวดกวดขันผู้ประกอบการให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่ขายบุหรี่ สุรา ให้เด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปี โดยย้ำว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือผู้ใหญ่ต้องไม่ไปเสาะแสวงหา ประโยชน์จากกฎหมาย หากินกับเด็ก พร้อมทั้งขอร้องให้ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคน ต้องใช้กฎหมายทุกฉบับที่มีอยู่อย่างเป็นธรรม
นอกจากเข้มงวดสิ่งมอมเมาเยาวชนต่างๆ แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณยังกล่าวว่า สิ่งที่ต้องเร่งแก้ไขเร่งด่วนคือมลภาวะทางหู ด้วยการกวดขันตามแหล่งสถานบันเทิงต่างๆ ให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงให้เจ้าหน้าที่ จัดการปัญหาการดัดแปลงรถยนต์โดยใช้ท่อไอเสียขนาดใหญ่ เสียงดังๆ เพื่อมาวิ่งแข่งรถ เพราะในการแข่งรถบางครั้งจะมีการพนันยึดรถ ผู้หญิงที่ซ้อนท้ายจะถูกแลกเปลี่ยน จนเกิดปัญหาสวิงกิ้ง ซึ่งน่าเกลียดมาก สำหรับมาตรการรณรงค์ในการเลิกสูบบุหรี่นั้น พ.ต.ท.ทักษิณเสนอจะให้มีการตั้งแคมป์เพื่อเลิกสูบบุหรี่ โดยอาจไปเลือกใช้สถานที่เกาะสวยๆ ในช่วงปิดเทอม นำแพทย์เข้าไปช่วยอบรมและช่วยเหลือ ซึ่งพร้อมให้การสนับสนุนด้านการเงินเต็มที่ ขอให้มองเด็กเหล่านี้เป็นผู้ป่วย ไม่ได้เป็นอาชญากร และให้จับกุมที่ ร้านค้าก่อน หากเตือนแล้วไม่เชื่อค่อยว่าไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ขณะเดียวกัน ห้ามตั้งผับหรือร้านอาหารที่มีการขายเหล้าอยู่ใกล้ๆ บริเวณสถานศึกษา รวมทั้งกวดขันร้านที่ใส่เหล้าผสมในน้ำแข็งใสในเยาวชน นอกจากนี้ ยังห้ามตำรวจใช้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ไปล่อซื้อเด็ดขาด
ด้านนางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขจะออกมาตรการทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยระยะสั้นคือการบังคับใช้ กฎหมายห้ามจำหน่ายบุหรี่-สุราแก่เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ครอบคลุมทั้งประเทศ การจัดเขตปลอดบุหรี่และจำหน่ายเหล้า-บุหรี่ โดยให้ส่วนราชการทุกแห่งเป็นเขตปลอดบุหรี่ ห้ามจำหน่ายบุหรี่-เหล้าในสถานที่ราชการ และให้ ทุกคนเป็นแบบอย่างไม่สูบบุหรี่ในที่เปิดเผย ในสถานที่ ราชการ สำหรับมาตรการตรวจจับผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายทั้งเหล้า-บุหรี่ การควบคุมเสียงในสถานบันเทิงไม่ให้เกินมาตรฐาน มอบให้ผู้ว่าฯเป็นหัวหน้าทีมตรวจจับและยึดใบอนุญาต ส่วนระยะยาวจะเสนอกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ สอดคล้องกับกฎบุหรี่โลกหรือกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบ โดยมีการแก้ไขกฎหมาย คือ 1. การห้ามโฆษณา หรือแสดงผลิตภัณฑ์ยาสูบที่จุดขายทุกรูปแบบ ให้แสดงเพียงว่ามีบุหรี่จำหน่าย 2. การห้ามประชาสัมพันธ์ การรับการสนับสนุนจากบริษัทบุหรี่ผ่านสื่อ รวมทั้งแสดงชื่อ แหล่งผลิต ชื่อบริษัทผู้นำเข้า 3. การห้ามแบ่งขายบุหรี่เป็นมวนหรือแบ่งปลีก และ 4. การห้ามจำหน่ายบุหรี่ โดยใช้เครื่องขายอัตโนมัติ
นางสุดารัตน์ กล่าวอีกว่า สำหรับมาตรการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น จะครอบคลุมทุกประเภท รวมถึงเครื่องดื่มประเภทน้ำผลไม้ผสมแอลกอฮอล์ และไวน์หลากสี รสซ่าทั้งหลายที่เป็นที่นิยมของเยาวชน นอกจากนี้ ยัง เสนอให้ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ปั๊มน้ำมัน ร้านสะดวกซื้อ ศาสนสถาน สถานศึกษา สถานบริการสาธารณสุข ริมบาทวิถีของเขตทางหลวง ร้านค้าในรัศมี 500 เมตรจากสถานศึกษา และจะเสนอห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในวันอาทิตย์ ซึ่งถือเป็นวันครอบครัวแข็งแรง ตามมติคณะรัฐมนตรีด้วย
รมว.สาธารณสุข กล่าวด้วยว่า จากสถิติปี 2546 คนไทยสูบบุหรี่ร้อยละ 21.6 ดื่มสุราประมาณ 19 ล้านคน หรือร้อยละ 35.5 ของประชากรที่มีอายุ 11 ปีขึ้นไป ผู้หญิง มีแนวโน้มดื่มสุรามากขึ้น และเยาวชนอายุ 15-24 ปี มีอัตราการสูบบุหรี่ร้อยละ 15 ดื่มสุราร้อยละ 29 ซึ่งสูงเป็นอันดับ 2 และ 3 รองจากกลุ่มวัยกลางคน โดยเริ่มสูบบุหรี่เมื่ออายุเฉลี่ย 18 ปี และสูบวันละ 10 มวน
ที่มา
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ (ออนไลน์) วันเสาร์ ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2547
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
ที่มา
หนังสือพิมพ์แนวหน้าออนไลน์ วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548
ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต