ข้างถนนของคนกับหมา

วันที่ 11 กพ. พ.ศ.2547

 

 

.....ดิฉันมีวันหยุดติดต่อกันหลายวันทำให้นึกอยากจะขับรถไปเยี่ยมบ้านที่ต่างจังหวัด ระยะทางเกือบ ๒๐๐ กิโลเมตรจากกรุงเทพฯ ดิฉันขับรถไปเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน ชื่นชมวิวทิวทัศน์สองข้างทางอย่างเพลิดเพลินเหมือนเคย

.....แต่สิ่งที่ดิฉันเห็นมากไปกว่านั้น คือเห็นหมาข้างถนนหลายตัว ส่วนใหญ่เป็นหมาที่ไร้วิญญาณ ไม่ต้องชันสูตรก็พอจะเดาได้ ว่าถูกรถชน ทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และรถบรรทุก สภาพศพจะบอกขนาดของรถต้นเหตุได้เป็นอย่างดี

.....ดิฉันได้ยินมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว เวลาใครสักคนตายไปอย่างไร้ญาติขาดมิตร มักมีคนพูดว่า ตายอย่างกับ “หมาข้างถนน” แค่ได้ยินก็รู้สึกเศร้าใจแล้ว ทำไมถึงเอาคนไปเปรียบกับหมาอย่างนั้น

.....คุณค่าของคนๆ หนึ่งนั้นมากมายมหาศาล กว่าจะก่อกำเนิดเกิดมาได้กายมนุษย์เช่นนี้ พระท่านว่ายากเหลือเกิน ยากขนาดไหน อุปมาได้ว่า มีเต่าตาบอดตัวหนึ่งว่ายวนไปมาในมหาสมุทรกว้างใหญ่ไพศาล ทุก ๑๐๐ ปี จะโผล่หัวพ้นน้ำขึ้นมาครั้งหนึ่ง หากครั้งนั้นบังเอิญหัวลอดเข้าไปในห่วงวงกลมที่ลอยอยู่ในมหาสมุทรพอดี ซึ่งความกว้างของห่วงขนาดแค่หัวเต่าลอดได้พอดีเท่านั้น กว่าความพอเหมาะพอดีจะเกิดขึ้นเช่นนี้เป็นเรื่องยาก นั่นเปรียบได้กับความยากของการที่ดวงวิญญาณดวงหนึ่งจะมาเกิดในกายมนุษย์

.....การได้เกิดมาเป็นมนุษย์ว่ายากแล้ว แต่การดำรงชีวิตให้สมคุณค่าของการได้เกิดมายากยิ่งกว่า

.....ดิฉันคิดถึงเรื่องราวของตนเอง ในเช้ามืดวันหนึ่ง ดิฉันตื่นขึ้นและเตรียมตัวออกจากบ้านตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสาง เพราะจะต้องรีบไปมหาวิทยาลัยให้ทันชั่วโมงเช้า

.....ดิฉันนั่งมอเตอร์ไซด์รับจ้างจากหน้าบ้านไปคอยรถประจำทางที่หน้าปากซอย คนขับมอเตอร์ไซด์ที่คุ้นหน้ากันเล่าให้ฟังว่า ที่หน้าปากซอยมีคนเมายิงกันตายหลายศพ
“ตายอย่างกับหมาข้างถนน” นี่คือบทสรุปของเขา

.....ที่ป้ายรถเมล์ดิฉันเห็นสองร่างไร้วิญญาณ นอนเหยียดยาวฟุบหน้ากับบาทวิถี ถัดไปอีก ๒๐ เมตร มีอีก ๒ ร่าง ไม่มีใครให้ความสนใจมุงดูเลย คงคิดว่าจะช่วยเหลืออะไรในเวลานี้ ก็คงไม่มีประโยชน์แล้ว ยิ่งนึกถึงธุระของตนที่ต้องรีบออกจากบ้านตั้งแต่ฟ้ายังมืดอยู่ ยิ่งทำให้ความสนใจร่างไร้วิญญาณนั้นน้อยลง มากที่สุดแค่ปลายตามอง
รถเมล์สายที่ดิฉันคอยมาถึงแล้ว ดิฉันก้าวขึ้นรถ ทิ้งเรื่องราวเหล่านั้นไว้เบื้องหลัง

.....รถจากมูลนิธิร่วมกตัญญูเปิดไฟสัญญาณฉุกเฉินบนหลังคา แล่นสวนไปอย่างเร่งรีบ
ร่างที่ไร้วิญญาณของหมากับคน ต่างกันตรงนี้เอง

.....ในช่วงเวลาที่ยังมีลมหายใจอยู่ คุณค่าของคนนั้นมหาศาลเปรียบไม่ได้กับสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นเลย เพราะความคิด คำพูดและการกระทำ ทำให้คนแตกต่างกัน กรรมจึงเป็นตัวจำแนกเผ่าพันธ์

.....เรื่องราวข้างถนนของคนกับหมายังดำเนินต่อไป บนถนนสายเดียวกัน

 

 

 

 

 

 

 

 

ภัทรา ประภาสชล

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.015319403012594 Mins