.....ปกติของมนุษย์ทั้งหลาย ชอบมองข้ามสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว แต่ถ้าเป็นสิ่งที่อยู่รอบตัวหรือไกลตัวออกไป มักจะให้ความสนใจและชอบให้ความสำคัญ มีเรื่องเล่าที่เป็นแง่คิดทำนองเดียวกันที่อยากฝากไว้ เรื่องมีอยู่ว่า
เศรษฐีมีภรรยาสี่คนที่อยู่ร่วมกัน ภรรยาทั้งสี่มีความสาวและความสวยเรียงเป็นลำดับคือ
อายุน้อยไปมากตั้งแต่คนที่สี่จนถึงคนแรกและเป็นปกติที่เศรษฐีจะให้ความรัก ความสนใจบุคคลที่ สาวกว่าใหม่กว่า อยู่มาวันหนึ่งเศรษฐีอยากทราบถึงความรักและความห่วงใยที่ภรรยาทั้งสี่มีต่อตน จึงทดสอบถามคนที่รักมากที่สุดก่อนว่า ถ้าพี่ตายไปน้องจะตายตามพี่ไป เพื่อเราจะได้อยู่ร่วมกันต่อไปหรือไม่ ภรรยาตอบ “ ความรักที่มีให้พี่นั้นมีอยู่ แต่ถ้าจะให้ตายตามไปนั้นคงทำไม่ได้” เศรษฐีรู้สึกเสียใจ แต่ก็มีความหวังอยู่ที่ภรรยาอีกสามคน เมื่อถามคนที่สามซึ่งรักรองลงมาก็ได้รับคำปฏิเสธ แม้คนที่สองก็เป็นคำตอบเช่นเดียวกัน คือไม่ยอมตายตามไป แค่ได้เพียงรักและจากกันไปเมื่อสิ้นอายุขัยเท่านั้น
ถึงอย่างนั้นยังมีภรรยาคนแรกที่เศรษฐีจำต้องสอบถามอย่างไม่มีความหวัง แต่คำตอบที่ผิดแผกแตกต่างจากภรรยาทั้งสามก็สร้างความความปีติใจและสอนให้เศรษฐีได้ข้อคิด เธอตอบ เราร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตั้งแต่ต้นแม้นพี่ตายไป น้องก็จะตายตามไปด้วย
พวกเราทุกคนต่างตกที่นั่งเศรษฐีที่มีภรรยาทั้งสี่คนเหมือนกัน ภรรยาคนที่สี่เปรียบเสมือนเสื้อผ้าเครื่องประดับ แต่ละคนต่างให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก ภรรยาคนที่สามก็คือ บ้านเรือนที่อยู่อาศัย ส่วนคนที่สองก็คือ ร่างกาย ที่แม้ตายไปก็ต้องถูกเผาถูกฝัง ไม่สามารถติดตามเราไปได้ทั้งนั้น สิ่งที่ติดตัวติดตามไปได้ ก็คือ ใจ ซึ่งเป็นภรรยาคนแรกที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาแต่ต้น และก็ถูกทอดทิ้งขาดความสนใจมาเป็นเวลานาน
หนทางที่ไม่มีใครเดินผ่านย่อมเป็นหนทางที่รกรุงรัง ทางเดินของใจที่ไม่มีใครสนใจ ก็คงรกรุงรังและรกไปด้วยอุปสรรคนานาประการเช่นกัน เราควรเอาใจใส่ถากถางทางเดินของใจให้เงียบสงบ สะอาด และสว่างใส ความราบรื่นของชีวิตย่อมเกิดขึ้น เพราะอุปสรรคนานาได้ถูกเดินข้ามผ่านไปอย่างราบเรียบด้วยใจที่ฝึกฝนก้าวเดินอย่างเข้าแข็ง หากฝึกอย่างต่อเนื่องจริงจัง
ความรุงรังแห่งชีวิตจะไม่เกิดขึ้นแม้เพียงธุลี ขอเป็นกำลังใจให้เริ่มตั้งแต่วันนี้ …!!!
นายตั้ม