.....การเดินทางไกลเข้าไปในป่าเขายิ่งลึกมากเท่าไร สิ่งจำเป็นอย่างหนึ่งที่เราลืมไม่ได้ เห็นทีจะต้องเป็นเข็มทิศล่ะครับ เพราะไม่งั้นยิ่งเดินเข้าไปเส้นทางยิ่งเหมือนๆ เดิมมีเขา มีต้นไม้ มีลำธาร หันซ้ายหันขวาพาลจะออกจากป่าไม่ได้ ถ้ามีเข็มทิศในมือก็พอจะจับทิศจับทางได้บ้าง ละครับ
การดำเนินชีวิตในปัจจุบันก็คงไม่แตกต่างกันนัก แม้ว่าจะไม่ได้เข้าไปในป่าลึกๆ นั้นก็ตาม ป่าเมืองกรุงน่าหลงเสียมากกว่าป่าเขาเสียอีกครับ มีการแก่งแย่งชิงดีกัน มุ่งแต่ผลประโยชน์ส่วนตน คนในสังคมปัจจุบันจึงต้องระมัดระวังเสียให้มากๆ โดยเฉพาะบุตรหลานที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์อาจถูกหลอกลวงให้หลงไปในเส้นทางของยาเสพติด และขบวนการค้ามนุษย์ได้ ถ้าเราไม่ตั้งเข็มทิศชีวิตไว้ในทิศทางที่ถูกที่ควร ผมว่าอันตรายกว่าไปเจอสัตว์ร้ายในป่าเสียอีก เพราะสัตว์ร้ายบางชนิดจะทำร้ายคนเมื่อมันเกิดความรู้สึกว่าจะถูกทำร้าย ถ้าเรารู้วิธีการหลบเลี่ยงและป้องกันเราก็อยู่ในป่านั้นได้อย่างปลอดภัย ผิดกับป่าเมืองกรุงที่มีคนร้ายที่ปลอมปนอยู่ในคราบของคนดี ถ้าไม่ป้องกันตนเองอย่างรัดกุมก็พลาดท่าเสียทีได้ง่าย เพราะความร้ายกาจของเขาไม่ได้แสดงให้เห็นเมื่อพบกันครั้งแรก
ผมเชื่อว่าความห่วงใยที่มีต่อลูกหลานของทุกคนนั้นมีอยู่มาก แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่รุมเร้าไม่คล่องตัวนี้ทำให้เราไม่ได้ดูแลเขาใกล้ชิดตลอดเวลา บางครอบครัวตั้งแต่ลูกยังเล็กจนโตนั้น ได้พบกับพ่อแม่ก็นับครั้งได้ ผมมีวิธีที่จะให้วัคซีนป้องกันหรือจะเรียกว่าเป็นเข็มทิศชีวิตก็ได้ครับ วิธีนี้สำหรับลูกหลานโดยเฉพาะ แต่ก็ไม่สงวนเฉพาะพ่อแม่เท่านั้น ผู้ที่ทำหน้าที่อบรมสั่งสอนดูแลบุตรหลานทุกคนสามารถนำวิธีนี้ไปใช้ได้ครับ เป็นวิธีง่ายๆ ดังนี้
ขั้นแรกพ่อแม่ผู้ปกครองที่ต้องดูแลบุตรหลานต้องทำความดีให้ได้ทุกวัน อย่างน้อยวันละหนึ่งเรื่อง จากนั้นสอนให้บุตรหลานมากราบขอพรก่อนนอนทุกวันพร้อมกับรับฟังคุณความดีที่เราทำไว้และหากพบเหตุ อันจะเป็นอันตรายแก่ลูกหลานก็ให้ทิศทางป้องกันแก่เขาทุกวัน อย่าได้ขาด แรกๆอาจขัดเขินบ้างล่ะครับเพราะไม่เคย แต่ทำให้ได้เป็นประจำทุกวัน เมื่อไหร่สิ่งที่คุณได้คือความดีที่เพิ่มขึ้นทุกวันลูกหลานก็จะอยู่แต่ในแวดวงของความดี แถมมีทิศทางป้องกันไม่ให้หลงทางไปในที่มีอันตรายทั้งปวง มีหลายครอบครัวครับที่ลองทำวิธีนี้แล้วก็รู้สึกปลื้มและหมดห่วงลูกหลานไปได้ แถมมีความสุขความอบอุ่นเพิ่มขึ้นทุกวันด้วย ลองทำดูนะครับ
ดุสิต บุญมโนรถ