พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช(ตอนที่2)

วันที่ 07 ธค. พ.ศ.2548

 

          

 

        ทรัพยากรบุคคลหรือทรัพยากรมนุษย์นั้น พระพุทธเจ้าสอนว่า เป็นสัตว์โลกที่ฝึกอบรมได้นับตั้งแต่วาระแรกที่ลืมตาขึ้นมาดูโลกจนถึงวาระสุดท้ายคือปิดตาลงเพื่อไปปฏิสนธิในชาติภพต่อไป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงให้ความสำคัญในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ควบคู่ไปกับการพัฒนาเทคโนโลยีแขนงต่างๆ

 

     ตามหลักพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าได้ทรงสอนให้เราน้อมนำเอาหลักธรรมมาใช้ประโยชน์ มิใช่เฉพาะตนเอง เมื่อตนเองประสบความสำเร็จแล้ว จะต้องนำองค์ธรรมไปเผยแพร่ให้คำแนะนำอบรมสั่งสอนแก่บุคลอื่น ทั้งในครอบครัว และในชุมชนสังคมที่เกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อให้ครอบครัวชุมชนสังคมนั้นมีความเจริญก้าวหน้า ครอบครัวใด ชุมชนสังคมใดมีหัวหน้าและสมาชิกเป็นผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจในหลักธรรมแล้ว จะอยู่ร่วมกันด้วยความสุข สงบ สันติภาพ มีแต่ความเจริญก้าวหน้า ครอบครัวชุมชนสังคมใดมีพฤติกรรมตรงกันข้าม มีการเบียดเบียนข่มเหงรังแกกัน ไม่มีความเกรงกลัวต่อบาป มีความประพฤติไม่ชอบ ประกอบอาชีพไม่ชอบ เป็นแหล่งอบายมุข มั่วโลกีย์ เสพสุรายาเสพติด เล่นการพนัน ย่อมจะไม่มีความสุขสงบ มีแต่ความวิบัติ

 

     ดังนั้น เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงเข้าพระทัยในหลักธรรมต่างๆ ในฐานะองค์พระประมุขของชาติจึงได้ทรงน้อมนำคำสอนของพระพุทธเจ้ามาใช้เพื่อให้พสกนิกรดำเนินชีวิตอยู่ได้โดยมีความทุกข์น้อยมีความสุขมากตามสมควรแก่ฐานะ พระองค์ท่านทรงให้ความสำคัญแก่ประชาชนคนไทยทุกรูปนาม ไม่ว่าจะเป็นเพศใด นับถือศาสนาใด มีวุฒิภาวะเพียงใด เสมอกันทั่วถ้วนหน้า ผู้ใดที่ด้อยโอกาสในด้านใด ก็จะทรงมีพระมหากรุณาธิคุณช่วยเหลือให้เขาเหล่านั้นเป็นผู้ที่มีโอกาส ผู้ที่มีโอกาสอยู่แล้ว จะทรงสนับสนุนให้เขามีโอกาสดียิ่งขึ้น ผู้ที่มีโอกาสและได้ประสบความสำเร็จก็จะทรงให้กำลังใจ เป็นไปตามหลักธรรมที่เรียกว่า “พรหมวิหาร ๔” คือ

เมตตา : ผู้ที่มีโอกาสอยู่แล้วก็จะทรงสนับสนุนให้เขามีโอกาสมากยิ่งขึ้นไป

กรุณา : ผู้ที่ด้อยโอกาสก็จะทรงช่วยเหลือ มีพระบรมราชานุเคราะห์ให้เขามีโอกาส

มุทิตา : ผู้ที่มีโอกาสและได้ประสบความสำเร็จก็จะทรงให้กำลังใจ

อุเบกขา : ไม่ทรงเลือกที่รักมักที่ชัง ไม่มีอคติด้วยความรัก โลภ โกรธ หลง ไม่ทรงเลือกปฏิบัติ ทรงถือปฏิบัติต่อพสกนิกรประชาชนทั่วถ้วนหน้าโดยทัดเทียมกัน

 

      หลักธรรมเรื่อง “พรหมวิหาร ๔” นี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ในโบราณกาลนั้น บุคคลที่มีความยินดีพอใจใฝ่ศึกษา มีความเพียรเดินทางดั้นด้นขึ้นเขาลงห้วยเป็นระยะทางแสนไกลด้วยความอดทนมาพบพระดาบสเพื่อขอศึกษาเล่าเรียนศิลปศาสตร์ เมื่อพระดาบสเจริญด้วยคุณธรรม คือ พรหมวิหาร ๔ รับตัวไว้เป็นศิษย์ ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้อย่างเต็มที่ไม่มีปิดบังด้วยความยินดีเต็มใจ ให้ด้วยความเมตตากรุณา เมื่อศิษย์นั้นเป็นผู้ที่เจริญในคุณธรรม คือ อิทธิบาท ๔ การประสิทธิประสาทวิชาการของพระดาบสจึงประสบความสำเร็จ ทำให้ลูกศิษย์เป็นคนเก่งในวิชาอาชีพ เป็นคนดีมีศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม ไม่คิดเบียดเบียนผู้อื่น มีความเกรงกลัวและละอายต่อบาป มีความคิดชอบ ดำริชอบ ปฏิบัติชอบ เป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่า มีประโยชน์ต่อบ้านเมืองต่อไป ดังนั้น ผู้ที่จะอาสาสมัครปฏิบัติหน้าที่เป็นครูอาจารย์ที่เรียกว่า “ดาบส” ปฏิบัติหน้าที่สนองพระราชดำริโครงการพระดาบส นอกจากจะมีศิลปะในการถ่ายทอดวิชาความรู้ยังจะต้องเจริญด้วยพรหมวิหาร ๔ ด้วย เมื่อผู้ให้คือดาบส เจริญด้วยคุณธรรมดังกล่าว และผู้รับหรือนักเรียนโรงเรียนพระดาบสเจริญด้วยคุณธรรม อิทธิบาท ๔ การพัฒนาทรัพยากรบุคคลย่อมประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน

 

     จะเห็นได้ว่า การพัฒนาทรัพยากรบุคคลตามแนวกระแสพระราชดำริโครงการพระดาบสดังกล่าวข้างต้นจึงเป็นระบบการศึกษาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงน้อมนำเอาหลักธรรมที่เหมาะสมมาประยุกต์ใช้งานจนประสบความสำเร็จแตกต่างจากระบบการศึกษาที่รัฐเป็นผู้จัดการ ซึ่งผู้บริหารการศึกษาจำนวนไม่น้อยที่มิได้มีความรู้ความเข้าใจในหลักธรรมที่เกี่ยวข้องมากเพียงพอ ดังนั้น ถึงแม้ว่าจะมีการปฏิรูปการศึกษากันมาแล้วมากมายหลายครั้งก็ตามแต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ยังคงล้มลุกคลุกคลานกันมาอยู่จนทุกวันนี้

 

      ในส่วนที่เกี่ยวกับเรื่อง เศรษฐกิจพอเพียง นั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชกระแสมาไม่น้อยกว่าสิบปีแล้ว ผมเชื่อว่า พระองค์ท่านได้ทรงน้อมนำองค์ธรรมหนึ่งของ ทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์ คือ สมชีวิตา แปลว่า มีความเป็นอยู่ที่เหมาะสม คือ รู้จักกำหนดรายได้และรายจ่ายเลี้ยงชีวิตแต่พอดี มิให้ฝืดเคืองหรือฟุ่มเฟือย ให้มีรายได้เหนือรายจ่าย เก็บรวบรวมส่วนที่เหลือประหยัดไว้ มาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสม กล่าวคือ ทรัพย์สินที่มีอยู่แล้วให้รู้จักรักษาไว้ และเพียรพยายามหาสะสมเพิ่มเติมให้มากยิ่งๆ ขึ้นไป ให้หมั่นพัฒนาตนเองให้มีปัญญารู้จักทรัพยากรธรรมชาติที่เกี่ยวข้องในการดำเนินชีวิตประจำวันของตน และวิธีการนำเอาทรัพยากรนั้นมาใช้ประโยชน์และมีประสิทธิภาพ เช่น ผู้ที่เป็นเกษตรกรผู้มีความรู้ความเข้าใจ มีประสบการณ์ในเรื่องพืชพันธุ์ธัญญาหารซึ่งใช้ในการประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองอยู่แล้ว ก็ไม่ควรหยุดยั้งอยู่เพียงนั้น พึงหมั่นสนใจศึกษาค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอให้เกิดปัญญาว่า จะสามารถนำเอาทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ อาทิ ที่ดินไร่นา มาใช้ประโยชน์เพื่อให้เกิดรายได้เพิ่มเติมขึ้นมาในกรณีที่สิ้นฤดูกาลเพาะปลูกเก็บเกี่ยวพืชพันธุ์ธัญญาหารที่มีอยู่แล้ว โดยการนำพืชพันธุ์อื่นๆ มาเพาะปลูกทดแทน ทำการประมง หรือเลี้ยงปศุสัตว์ แทนที่จะปล่อยให้ที่ดินไร่นานั้นว่างเปล่าโดยไร้ประโยชน์ ใช้เวลานั้นมั่วสุมอยู่กับอบายมุข หรือเที่ยวเตร่ใช้ชีวิตอย่างขาดสติฟุ่มเฟือย เป็นต้น ในปัจจุบันนี้ ได้มีการศึกษาค้นคว้ากันอย่างจริงจังทั้งภายในและนอกประเทศ เพื่อเสาะหาพืชพันธุ์ที่เป็นสมุนไพร มีคุณสมบัติในการบำบัดโรคภัยบางประเภทตามหลักวิชาการแพทย์แผนโบราณได้ มาจัดทำเป็นผลิตภัณฑ์ที่สะดวกในการบริโภค เช่น บรรจุในแคปซูล ฯลฯ ออกมาจำหน่ายอย่างแพร่หลาย ก่อให้เกิดรายได้เสริมขึ้นมาอีกส่วนหนึ่ง ในการใช้จ่ายเพื่อการเสพบริโภคในการดำเนินชีวิตประจำวันก็จะต้องรู้จักประมาณให้เหมาะสม ถ้ามีหนี้สินอยู่ ก็ต้องเพียรพยายามหาวิธีผ่อนชำระตามกำลังให้หมดสิ้น ที่สำคัญก็คือ จะต้องไม่สร้างหนี้สินใหม่ขึ้นมาอีก ยอดเงินคงเหลือจากการหักรายจ่ายจากรายได้แล้วให้พึงสะสมเก็บรักษาไว้ และเมื่อถึงโอกาสที่เหมาะสมให้พิจารณานำเอาเงินส่วนนั้นมาใช้จ่ายในการลงทุนขยายกิจการอย่างหนึ่งอย่างใดที่ตนมีความรู้ความเข้าใจในลักษณะงานหรือธรรมชาติของงานมากเพียงพอ มีเป้าหมายของงานซึ่งอยู่ในวิสัยที่เราและผู้ร่วมงาน (ถ้ามี) จะสามารถดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมายได้ หากกำหนดเป้าหมายของงานไกล หรือ เกินกำลังความสามารถของเรามากเกินไป จะทำให้เราประสบความล้มเหลว ไม่บรรลุประโยชน์ดังที่คาดหวังไว้

 

       ยังมีหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้ามากมายที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงศึกษาทั้งภาคทฤษฎี (ปริยัติ) และทรงทำการทดลองค้นคว้าด้วยพระองค์เอง (ปฏิบัติ) จนกระทั่งทรงมีความรู้ความเข้าใจในหลักธรรมนั้นอย่างทะลุปรุโปร่ง (ปฏิเวธ) และได้ทรงน้อมนำมาใช้ในพระราชกรณียกิจประจำวัน อาทิ ทศพิศราชธรรม ราชสังคหวัตถุ จักรวรรดิวัตร เป็นต้น ดังนั้น หากผู้บริหารประเทศและผู้นำองค์กรต่างๆ ทุกระดับชั้นได้ให้ความสำคัญสละเวลาหาโอกาสศึกษาพัฒนาปัญญาของตนเจริญรอยตามพระยุคลบาทด้วยหลักธรรมต่างๆ ที่พระองค์ท่านทรงถือปฏิบัติอยู่ ประชาชนคนไทยทุกสังคมชุมชนจะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขสงบ เป็นกลไกสำคัญผลักดันให้ประเทศชาติบ้านเมืองมีความเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าอย่างแน่นอน

 

      เนื่องในวโรกาสที่สำคัญยิ่งที่วันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระองค์ท่านได้เวียนมาบรรจบครบรอบอีกครั้งหนึ่ง จึงเป็นการสมควรอย่างยิ่งที่พวกเราชาวไทยทุกคนจะได้ร่วมกันตั้งจิตอธิษฐานถวายพระพรให้ทรงพระเจริญยิ่งยืนนานและตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณด้วยการพัฒนาตนเองให้เป็นพลเมืองดีของประเทศ เป็นคนเก่งในวิชาอาชีพให้สามารถช่วยเหลือตนเองและครอบครัวได้บนรากฐานของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นคนดีมีศีลธรรม คุณธรรม และจริยธรรม ไม่เบียดเบียนผู้อื่น มีความเกรงกลัวต่อบาปและละอายต่อบาป มีความคิดชอบปฏิบัติชอบ มีสติตั้งอยู่บนความไม่ประมาทอยู่เสมอ รวมทั้งทำตนให้เป็นประโยชน์ในการพัฒนาและช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาของชุมชนและสังคมเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของประเทศชาติตลอดไป

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0052598635355632 Mins