เปิดเผยว่า วันที่ ๑๔ และ ๑๖ มี . ค ๔๘ ที่ผ่านมา ตัวแทนแกนนำนิสิตนักศึกษาจากสถาบันการศึกษาเกือบ ๒๐๐ คน จาก ๕๐ แห่งทั่วประเทศ และเครือข่ายชาวพุทธ ได้เดินทางมายังตลาดหลักทรัพย์ เพื่อยื่นจดหมายเปิดผนึกแสดงการคัดค้านการนำธุรกิจประเภทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
โดยทางตลาดหลักทรัพย์ได้ส่ง นางภัทรียา เบญจพลชัย รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เป็นตัวแทนในการรับจดหมายดังกล่าว เนื่องจาก นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ติดภารกิจเดินทางไปสำรวจพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้
สำหรับตัวแทนกลุ่มนิสิตนักศึกษาจาก ๕๐ สถาบัน ที่มารวมตัวในครั้งนี้ ประกอบไปด้วย มหาวิทยาลัยภาครัฐ ๒๑ สถาบัน มหาวิทยาลัยเอกชน ๑๗ สถาบัน และมหาวิทยาลัยราชภัฏ ๖ สถาบัน ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง มหาวิทยาลัยราชภัฏวลัยอลงกรณ์ เป็นต้น
ด้านนายองอาจ ธรรมนิทา ตัวแทนนักศึกษาที่เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกและเยาวชนดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๔๕ เปิดเผยถึงสาเหตุที่เดินทางมาตลาดหลักทรัพย์ครั้งนี้ว่า แค่ต้องการแสดงความเห็นของกลุ่มเยาวชนในการคัดค้านธุรกิจประเภทเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากเห็นว่าการระดมทุนโดยวิธีดังกล่าว จะทำให้ผู้ประกอบการมีเงินทุนเพิ่มนับแสนล้านบาท ซึ่งจะทำให้สามารถจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อสร้างแรงจูงใจในการบริโภคเพิ่มขึ้น โดยให้สัมภาษณ์ว่า
“ หากบริษัทระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์จะทำให้ศักยภาพในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น สามารถผลิตได้มากขึ้น ซึ่งตรงนี้จะกระทบต่อเยาวชนที่ตกเป็นเครื่องมือในการแสวงหาผลกำไรของกลุ่มธุรกิจที่ขาดความรับผิดชอบด้านศีลธรรม ทั้งยังทำให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพ หรือเกิดการทะเลาะวิวาท รวมทั้งทำให้ขาดสติในการตัดสินใจ นำมาซึ่งปัญหาอุบัติเหตุ อาชญากรรม การทะเลาะวิวาท รวมไปถึงการทำร้ายเด็กและสตรี ”
นางภัทรียา เบญจพลชัย รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ พร้อมเปิดรับทุกความคิดเห็นที่ส่งเข้ามา ซึ่งความคิดเห็นเหล่านี้ขอยืนยันว่าทางคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์จะนำเข้าประกอบการตัดสินใจ อย่างไรก็ตามในแง่ของตลาดหลักทรัพย์เองก็ต้องทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง ประกอบการตัดสินใจในครั้งนี้ด้วย ส่วนการประชุมเรื่องดังกล่าวในวันที่ ๒๓ มี. ค นี้ ยืนยันว่าจะไม่เลื่อนการประชุมออกไปแต่อย่างใด โดยนางภัทรียาได้กล่าวเพิ่มเติมว่า
“ ตอนนี้มีแต่ฝ่ายคัดค้านที่ยื่นข้อมูลแสดงความคิดเห็นเข้ามา ส่วนฝ่ายสนับสนุนนั้นยังไม่มีการส่งข้อมูลใดๆ เข้ามา แต่ตลาดหลักทรัพย์ก็มีหน้าที่ในการรวบรวมข้อมูลจากทั้ง ๒ ด้าน เพื่อพิจารณาตัดสิน และเชื่อว่าการประชุมพิจารณาเรื่องนี้ ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ ๒๓ มี. ค นั้น คงไม่มีการเลื่อนออกไป”
ในวันพุธที่ ๑๖ มี. ค ๔๘ ตัวแทนเครือข่ายชาวพุทธ ได้ยื่นจดหมายถึงกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เพื่อคัดค้านการนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าร่วมหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เช่นกัน โดยนายผ่อง เล่งอี้ สมาชิกวุฒิสภากรุงเทพฯ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการศึกษา ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม วุฒิสภา กล่าวว่า เรื่องนี้ตนได้ส่งหนังสือไปยังโรงเรียน ๓๐, ๐๐๐ แห่ง และวัดทั่วประเทศจำนวนกว่าแสนฉบับ ขณะนี้ได้มีการตอบกลับมาจำนวนมาก จากการประเมินข้อมูลเบื้องต้นส่วนใหญ่ร้อยละ ๙๕ ไม่เห็นด้วยที่จะมีการนำธุรกิจเหล้า เบียร์ เข้าตลาดหลักทรัพย์ มีเพียงส่วนน้อยที่เห็นด้วยร้อยละ ๕ ซึ่งตนเป็นผู้ใหญ่ รู้สึกอายเด็กที่ต้องให้เด็กมาสอนว่าเรื่องไหนไม่ดี ไม่ควรนำเข้าตลาดหลักทรัพย์ ทั้งที่ผู้ใหญ่ควรจะเป็นต้นแบบในการเริ่มสิ่งที่ดี
ดังนั้น อยากเสนอรัฐบาลรีบสกัดเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน โดยอาจออกเป็นพระราชกำหนดห้ามธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เหล้า เบียร์ เข้าตลาดหลักทรัพย์อย่างเด็ดขาด ซึ่งรัฐบาลสามารถทำได้ รัฐบาลควรฉวยโอกาสทำเพื่อชาติบ้านเมือง เพราะรัฐบาลต้องรับผิดชอบกับความเสียหายที่จะเกิดกับประเทศชาติบ้านเมือง ซึ่งเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ จะอ้างว่าเป็นอำนาจของ ก. ล. ต เพียงอย่างเดียว หรืออ้างว่าไม่มีกฏหมายไม่ได้
ถึงแม้สุราจะเป็นสิ่งถูกกฎหมาย แต่ปัญหาการดื่มสุรานำมาซึ่งความประพฤติผิดศีลธรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาอาชญากรรม ปัญหาความรุนแรงในครอบครัว ปัญหาทางเพศ และอุบัติเหตุ เพราะไม่สามารถครองสติสัมปชัญญะไว้ได้ ปัญหาสุรายังคงเพิ่มสูงขึ้นเป็นเท่าตัวในทุกปีอย่างน่าใจหาย จนเกือบจะแทนที่ปัญหายาเสพติดที่ปราบปรามมานาน ได้ขยายตัวเข้าสู่ชุมชนทุกระดับชั้น ตั้งแต่ระดับรากหญ้าไปจนถึงระดับยอดไม้ แพร่ขยายเป็นวิกฤตทางสังคมที่ต้องเร่งแก้ไขโดยด่วน
ความร่วมแรงร่วมใจ พลังแห่งความสามัคคี เป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้บ้านเมืองเรา รวมไปถึงลูกหลานไทย พ้นภัยจากวิกฤตการณ์ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์