อธิษฐานให้เป็นนิสัยข้ามชาติ

วันที่ 24 กพ. พ.ศ.2546


...…พวกเราเป็นคนเคยรวยมาก่อนทั้งนั้น แต่ตอนนี้ยังไม่รวยเหมือนแต่ก่อนก็เพราะมันมีเหตุ คือ ชาติก่อนๆ เกิดกุศลศรัทธาทำบุญกับผู้มีศีล มีธรรม มีฌาน มีฌานสมาบัติคือผู้บริสุทธิ์ทั้งหลาย พอทำเสร็จก็ตั้งความปรารถนาแค่ว่า " ด้วยอานุภาพแห่งบุญที่เกิดจากการสร้างมหาทานบารมีนี้ ชาติหน้าขอให้ข้าพเจ้ารวย " อธิษฐานได้แค่นี้ พอชาติถัดมาก็รวยจริงๆ แต่เป็นการรวยที่ขาดปัญญา เนื่องจากไม่ได้อธิษฐานล้อมคอกเอาไว้ว่า ขอให้ได้บรรลุมรรคผลนิพพานด้วย

 

.....จะเอารวยอย่างเดียว เพราะคนรวยนั้นน่ารัก จะอ้วนผอมดำขาวดูแล้วหล่อ แล้วสวยหมด จึงผูกพันไว้กับทรัพย์ แล้วใช้ทรัพย์นั้นไม่เป็น เป็นแต่การลงทุนเอาเม็ดเงินต่อเม็ดเงิน ใครจะแนะนำตักเตือนให้ทำบุญ ให้เอาทรัพย์บริจาคทานสร้างบุญสร้างกุศลบ้างก็จะไม่ฟังเขาหรอก
เพราะว่าขาดปัญญาทำให้ไม่เชื่อเรื่องผลแห่งกรรม เชื่อมั่นในฝีมือของตนเอง คิดว่าเพราะเรามีฝีมือต่างหาก เราจึงได้รวยในชาตินั้น ได้สมบัติมาก มีพวกพ้องบริวารมาก ไปที่ไหนก็มีแต่คนนับหน้าถือตา ยกย่องสรรเสริญ

 

.....เนื่องจากไม่ได้อธิษฐานล้อมคอกไว้ให้ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน ก็มักจะพลัดไปเกิดนอกบุญเขตของพระพุทธศาสนา เพราะฉะนั้นทรัพย์ที่ได้มามันก็ไม่มีประโยชน์ ชาตินั้นมีทรัพย์แต่ไม่ได้ทรัพย์ บุญเก่าหมด บุญใหม่ไม่เพิ่ม เมื่อบุญใหม่ไม่เพิ่ม เวลามาเกิดก็เป็นคนยากจน อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ต้องปากกัดตีนถีบ ขัดสนยากจนอยู่ตลอดเวลา จะเป็นคนน้อยเนื้อต่ำใจ เวลาเห็นคนอื่นเขารวยแล้วก็ทนไม่ค่อยจะได้ จึงหาทางให้ตัวเองอยู่รอด ด้วยวิธีการเอาตัวรอด จะถูกจะผิดไม่ได้คำนึงถึง

 

.....ขณะที่ยากจนอยู่แล้ว พอคิดจะเอาตัวรอด ก็เลยอยากจน จาก "ยากจน" มาเป็น " อยากจน " คือ จนธรรมดาแล้วไปทำสิ่งที่ไม่ดีเข้า เช่น ลักเล็กขโมยน้อย คอรัปชั่น หรือไปทำอะไรก็แล้วแต่ที่ไปเอาทรัพย์ของผู้อื่นเขามา วิบากกรรมจึงส่งผลให้ตกต่ำลงไปกว่านั้นอีก จนกระทั่งเป็นมหาทุคตะ อย่างนี้เขาเรียกว่าจาก "ยากจน" มาเป็น "อยากจน" นะ จนกันไปเรื่อยๆเลย

 

.....เพราะฉะนั้นเวลาเราทำบุญแล้ว อย่าหวังเพียงขอแค่ให้รวย ให้มีสมบัติมากๆ เราจะต้องเอาสมบัตินั้นใช้เพื่อเอาบุญต่อบุญ สมบัติต่อสมบัติ ให้ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน สอนตัวเองได้ สิ่งที่ไม่ดีอย่าทำ ทำแต่ความดี ตั้งแต่เกิดจนกระทั่งหมดอายุขัย เช่น อย่างที่พวกเรากำลังทำอยู่นี้ เพราะฉะนั้นภพชาติต่อไปรวยถาวร เพราะว่าทำบุญเป็นกัน แล้วก็อธิษฐานกันเป็น สอนตัวเองเป็นและทำถูกทักขิไณยบุคคลด้วย เพราะฉะนั้นอย่าลืมอธิษฐานซ้ำแล้วซ้ำอีก ซ้ำไปเรื่อยๆเลย ให้ความปรารถนาของเราหนาแน่น จนกระทั่งติดเป็นจริตอัธยาศัยข้ามภพข้ามชาติกันไป
พอมาเกิดทรัพย์ก็จะมาคอยรองรับ ได้ทรัพย์มาก็ใช้ทรัพย์นั้นเป็นประโยชน์ เป็นบุญต่อบุญ สมบัติต่อสมบัติไปอีก

 

.....เหมือนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา พระองค์ทำบุญต่อบุญ สมบัติต่อสมบัติ อธิษฐานมุ่งที่จะเป็นพระสัพพัญญูพุทธเจ้า ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณด้วยพระองค์เอง รู้แล้วก็สั่งสอนผู้อื่นด้วย เพราะฉะนั้นท่านทำบุญตั้งแต่ท่านมีฐานะยากจน จากยากจนก็เริ่มมั่งมี เป็นเศรษฐีมหาศาล เป็นพราหมณ์มหาศาล มีสมบัติจักรพรรดิตักไม่พร่องไม่ต้องทำมาหากินกันเลย
แต่สมบัตินั้นมารอคอย เอาไว้เลี้ยงประชากรโลกได้ แล้วก็สั่งสอนเพื่อนมนุษย์ให้มีศีล ๕ ปกติ

 

.....ถ้าไม่ได้ทำบุญแบบอจินไตย ก็เป็นมนุษย์อจินไตยไม่ได้ และไม่สามารถทำสิ่งที่เหนือธรรมชาติ เหนือกฏเกณฑ์ทั้งผองได้ นี่ต้องเดินรอยตามท่านอย่างนี้ ทำบุญแล้วก็ต้องล้อมคอกให้เป็น จะสังเกตได้ว่าปัจจุบันนี้ มีเศรษฐีมียศถาบรรดาศักดิ์หลายท่าน พอไปบอกบุญชวนมาทำบุญเขาหัวเราะ เขาลืมไปว่าคนเก่งมีในโลกอยู่เยอะ แต่ไม่เคยประสบความสำเร็จก็มี ไม่ว่าจะมีวุฒิภาวะสูงขนาดไหน ความรู้มากแค่ไหน เพราะว่า ขาดบุญ ตรงนี้เขามองไม่เห็น เพราะว่าทรัพย์ต่างๆมันบังตา บดบังดวงปัญญา ไปลองดูก็ได้ ไปพบผู้ที่เขาเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี แล้วลองไปพูดเรื่องนรกสวรรค์ บุญบาป ผลกรรมผลเวรต่างๆ เขาไม่เชื่อหรอก
 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.02155563433965 Mins