.....การเอาชนะอุปสรรคต่างๆ นานาในการดำเนินชีวิต หรือการทำงานที่ว่ายากแล้ว ผมว่าแพ้การเอาชนะใจตัวเอง เพราะเจ้าอุปสรรคต่างๆ นานานั้นเราจะข้ามให้ผ่านพ้นไป หรือจะจมปรักอยู่กับความท้อถอย เหนื่อยหน่ายนั้นล้วนเริ่มต้นจากใจของเราเอง
.....วันหนึ่งผมได้ยินพ่อเรียกลูกมาสอนเรื่องการเอาชนะใจตัวเอง พ่อบอกลูกสาวที่อยู่ตรงหน้าว่าลูกเอ๋ย น้ำหนักรูปร่างของลูกชักเริ่มเพิ่มขนาดเกินตัว เกินความจำเป็นต้องฝึกให้ตนเองมีวินัยในการกินมากกว่านี้ สิ่งใดที่ไม่มีประโยชน์หรือได้ประโยชน์เกินจำเป็นต้องรู้จักหลีกเลี่ยง เราต้องรู้จักข่มใจตัวเองให้ได้ ไม่กินสุ่มสี่สุ่มห้าอาหารประเภทของหวานหรืออาหารที่ปริมาณของไขมันและแป้งสูงๆ ลดปริมาณได้ก็ควรทำ แต่ต้องลดอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมนะ ไม่ใช่หยุดกินหยุดบริโภคไปเลย เพราะถ้าทำอย่างนั้นแทนที่จะได้หุ่นดี หรือน้ำหนักลดตามต้องการ แต่สารอาหารบางอย่างที่ร่างกายต้องการกลับขาดหายไป โรคบางอย่างอาจถามหาเราได้อีกเช่นกัน
.....วิธีการนี้ถ้าข่มใจเอาชนะใจตัวเองได้อย่างเครงครัด ผมว่าไม่ต้องไปเข้าหลักสูตรลดไขมัน ลดความอ้วนตามสถาบันต่างๆ ให้สิ้นเปลืองเพียงฝึกให้ตนเองรู้จักกินรู้จักบริหารความต้องการของตัวเองให้ถูกต้องลงตัวก็เพียงพอแล้ว
.....ถ้าเราสังเกตการลดไขมันหรือลดความอ้วนของสถาบันต่างๆ มักจะให้ยาชนิดหนึ่งที่ทำให้เราเบื่ออาหาร เมื่อทานมากเข้าๆ ความอ่อนเพลียของร่างกายก็เกิดขึ้น จนบางครั้งเป็นผลเสียให้เกิดโรคแทรกซ้อนหรือเกิดภาวะเครียดเหม่อลอยได้ ทางที่ดีเลือกและหลีกเหลี่ยงจะดีกว่า หันมา สร้างอุปนิสัยการกินของเราเสียใหม่ โดยไม่ต้องพึ่งยาเหล่านั้น ระลึกเสมอว่าเราทานอาหารประเภทนี้ ประเภทนั้นจะทำให้เรามีผลดีผลเสียอะไรบ้าง
.....การที่คนเราสามารถชนะใจตนเอง ละเว้นในสิ่งที่ไม่ควรทำได้ บอกได้เลยนะครับว่า คุณคือผู้ชนะและจะเป็นชัยชนะที่สามารถนำไปสู่ความสำเร็จในเรื่องอื่นๆ ได้ ผมขอสนับสนุนคำพูดที่ว่า ทุกสิ่งสำเร็จได้ด้วยใจ ลองทบทวนดูก็ได้ครับผู้ป่วยที่หมอห้ามรับประทานอาหารที่แสลงโรค ถ้างดเว้นได้โรคนั้นก็รักษาได้ง่าย เพราะไม่มีปฏิกริยาในทางลบต่อโรค สุรายาเสพติดหรือแม้แต่การพนัน ถ้าชนะใจได้ไม่ยุ่งเกี่ยวแตะต้อง สุขภาพก็จะไม่เสีย ทรัพย์สินเงินทองก็ไม่เสียครับ ฝึกง่ายๆ ครับสำหรับการเอาชนะใจตน ฝึกให้เราเป็นนายของใจอย่าให้ใจเป็นนายเรา แม้ความอ้วนดูเหมือนเป็นเรื่องเฉพาะตนถ้าเรายอมแพ้ใจไม่มีวินัยในการกินโรคถามหาเมื่อไร ชีวิตจะลงเอยแบบสายเกินแก้ แก่เกินแกงหรือเปล่าต้องทบทวนแล้วล่ะครับ
ดุสิต บุญมโนรถ