....."...รู้ไหม หยาดเหงื่อผู้ใด หยาดเหงื่อผู้ใด หล่อเลี้ยงทุกสิ่ง เป็น " ต้นน้ำ " ที่แท้จริง เป็นต้นน้ำที่แท้จริง ให้ชาวไทยสุขศานต์ ถ้าหากอยากรู้ ดูสิว่า เหงื่อที่ไหลท่วมกาย รินรดทั่วแดน ฝ่ามือ และ อ้อมกอดแขน มี " แผนที่ประเทศไทย" ...."
.....เสียงเพลงจากดวงใจพสกนิกรชาวไทยหลายพันดวง ดังกระหึ่มก้องลานกว้างบริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดมหาสารคาม เมื่อวันที่ ๑ เมษายนที่ผ่านมา ใครได้ยินได้ฟังอดที่จะปลื้มใจไปด้วยไม่ได้ เมื่อนึกถึงองค์ภูมินทร์ปิ่นสยามประเทศ ผู้เป็นที่รักเคารพยิ่งของราษฎรบนผืนดินแห่งนี้ ความหมายของถ้อยคำลึกซึ้งได้ถูกร้อยเรียงผ่านท่วงทำนองไพเราะ สื่อถึงความจงรักภักดี และความเทิดทูนบูชาอย่างสูงสุด
.....ในโอกาสที่พระองค์ทรงหายจากอาการประชวร ยังความปลาบปลื้มใจมาสู่ชาวไทยทั้งประเทศ เช่นเดียวกับประชาชนชาวจังหวัดมหาสารคาม ได้ร่วมใจกันจัดงานเทอดพระเกียรติ ใน " โครงการปฏิบัติธรรม เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี " ทั้งนี้ในวันที่ ๒ เมษายน ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ องค์อุปนายิกาสภากาชาดไทย เหล่าปวงราษฎร์จึงพร้อมใจกันจัดงานเทอดพระเกียรติ โดยความร่วมมือร่วมใจจากทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน ซึ่งในปีนี้นับว่าเป็นงานใหญ่ประจำจังหวัด
.....โครงการปฏิบัติธรรม เริ่มลงทะเบียนตั้งแต่เย็นวันที่ ๑ เมษายน เวลา ๑๖.๓๐ น. บริเวณด้านหน้าศาลากลางจังหวัดที่เคยเป็นสถานที่จอดรถได้ถูกเนรมิตให้จุดลงทะเบียน มีทั้งนักเรียนนักศึกษา ประชาชนทั่วไป ทยอยเดินทางมาลงทะเบียนกว่า ๕,๐๐๐ คน ส่วนพื้นที่ปักกลดอยู่ภายในสนามหญ้ากลางแจ้งด้านหน้า มองไปทางไหนเห็นแนวโคมรูปดอกบัวสวยงามปักไว้ทั่วบริเวณ ฝั่งซ้ายและขวาสุดเป็นแนวกลดสีขาวเรียงรายกันเป็นชั้น ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย มองจากมุมสูงเหมือนดอกมะลิดอกเล็กๆโปรยปรายอยู่เต็มพื้นดิน
.....ภายหลังจากลงทะเบียนเสร็จแล้วเป็นการบรรเลงดนตรีไทย โดยชมรมดนตรีไทยจากสถาบันการศึกษาทั่วจังหวัดมหาสารคาม จากนั้นเป็นพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ โดยท่านผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม คุณสมศักดิ์ แก้วสุทธิ ต่อด้วยพิธีจุดโคมประทีปถวายเป็นพระราชกุศล เริ่มจากท่านประธานในพิธีจุดโคมเอก และสาธุชนในพื้นที่จุดโคมต่อกันไปจนสว่างไสวไปทั่วบริเวณ นับเป็นภาพงดงามที่หาดูหาชมได้ยากยิ่ง
.....จากนั้นเป็นพิธีลอยโคม ๑๐ ดวง ตามประเพณีดีงามของไทยแต่โบราณ งานมงคลจะนิยมจัดในวันพระ หรือวันธรรมสวนะ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เพราะถือว่าเป็นวันสว่าง ทำให้ได้บุญกุศลมาก และทุกวันพระคนโบราณนิยมจุดประทีปโคมไฟไว้หน้าบ้าน เพื่อบูชาแด่พระบรมศาสดา นำสิริมงคลมาสู่ครอบครัว
.....พิธีลอยโคม ๑๐ ดวงในครั้งนี้ยังหมายถึงบารมี ๑๐ ทัศ ของพระพุทธองค์ ที่สั่งสมบ่มบารมีมากว่า ๒๐ อสงไขยกับแสนมหากัป และน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งหมายถึงทศพิธราชธรรม ๑๐ ประการอีกด้วย
.....หลังจากช่วงพิธีกรรมได้จบลง เป็นการฟังการบรรยายธรรม จากพระเดชพระคุณพระราชสารคามมุนี ท่านเจ้าคณะจังหวัดมหาสารคาม ต่อด้วยพระครูมีชัย ปัญญวโร เปรียญธรรม ๙ ประโยค เลขานุการเจ้าคณะภาค ๙ วัดอรุณราชวราราม ซึ่งท่านดูแลการคณะสงฆ์ในแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต่อจากนั้นเป็นการสวดมนต์ทำวัตร ปฏิบัติธรรม ต่อด้วยการบรรยายของวิทยากรอีกหลายท่าน เช่น ธรรมะกับการดำเนินชีวิต โดย คุณลีลาวดี วัชโรบล และ คุณหมอวุฒิพันธ์ แซ่เล้า เรื่องคุณค่าของชีวิต โดย ดร.อกะนิษฐ์ คลังแสง ผู้ผ่านการผ่าตัดไตมาถึง ๖ ครั้ง สลับกับสื่อวีดีทัศน์คุณธรรม สร้างความบันเทิงและสาระประโยชน์ในงานเป็นอย่างมาก ต้องขอบคุณความร่วมมือของสองฝ่ายหลักที่ทำให้งานครั้งนี้เกิดขึ้น คือ คุณแสงอรุณ แห่งชมรมบ้านกัลยาณมิตร และคุณสมพร แก้วสุทธิ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดมหาสารคาม ที่ทำให้ภาพงานออกมายิ่งใหญ่สมภาคภูมิ
.....เหนือสิ่งอื่นใด ประชาชนทุกคนรู้สึกว่าได้สร้างกุศลถวายในหลวงอย่างเต็มที่เต็มกำลัง ในช่วงเช้าพิธีตักบาตรของวันที่ ๒ เมษายน เห็นแต่รอยยิ้มแห่งความปีติเบิกบาน รับรู้ได้ถึงความสว่างแห่งธรรมเข้าไปส่องสว่างในดวงใจของผู้คนที่นี่แล้ว และอีกไม่นาน
...แสงสว่างเหล่านี้คงส่งต่อให้ดวงใจดวงอื่นๆต่อไป...