กตัญญู หน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ เพื่อสร้างศูนย์รวมใจวิชชาธรรมกาย
หล่อรูปเหมือนหลวงปู่วัดปากน้ำด้วยทองคำ...(ตอนแรก)
“กตัญญู” คือ การรู้คุณและตอบแทนคุณ “บุญ” คือ สิ่งมหัศจรรย์ที่บันดาลความสุขความสำเร็จ ให้กับชีวิตของผู้บำเพ็ญ ผู้มีความกตัญญู ย่อมตอบแทนคุณต่อผู้มีพระคุณ ด้วยสักการะอันยิ่ง ผู้มีบุญ ย่อมได้รับผลแห่งบุญด้วยความสุข ความสำเร็จอันยอดเยี่ยม
บุญจึงเป็นของอัศจรรย์ เปรียบดังต้นมหาสมบัติของมนุษย์ คือ เป็นต้นเหตุแห่งการได้มาซึ่งรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ ครั้นละโลกแล้วบุญจะเป็นชนกกรรมนำไปสู่ทรวงสวรรค์เสวยทิพยสมบัติอันตระการ ครั้นเมื่อบุญบารมีเต็มเปี่ยมย่อมเอาชนะหมู่มารทั้งหลาย ขจัดกิเลสอาสวะจนสิ้นบรรลุโลกุตรธรรมเสวยนิพพานสมบัติอันเป็นที่สุด
เมื่อเข้าใจในเรื่องของบุญเช่นนี้ กัลยาณชนทั้งหลายก็ต่างมุ่งหวังที่จะเป็นผู้มีบุญมาก และการที่จะเป็นผู้มีบุญมากได้ก็ต้องหมั่นทำบ่อยๆ เมื่อทำบ่อยขึ้นดวงบุญในตัวก็ขยายมากขึ้นและเคล็ดวิชาที่สำคัญซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้แนะนำไว้ก็คือการทำบุญที่จะให้ได้บุญมากต้องทำให้ถูกเนื้อนาบุญ โดยเฉพาะการทำบุญกับพระสงฆ์ผู้มีศีล มีธรรมอันบริสุทธิ์ เป็นทักขิไณยบุคคล บุญที่ได้ก็ยิ่งใหญ่ไพศาล พระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี (หลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ) ท่านเป็นพระผู้มีคุณธรรม คุณวิเศษในตัว อีกทั้งยังเป็นผู้ที่เปี่ยมด้วยเมตตากรุณาและมีความบริสุทธิ์ กาย วาจา ใจ เป็นเนื้อนาบุญอันเยี่ยมของปวงเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ดังมีประจักษ์พยานจากคำบอกเล่าของบุคคลในยุคของหลวงปู่หลายๆ ท่าน เช่น
พระครูภาวนากิตติคุณ วัดเกษมจิตตาราม ในอดีตท่านเคยอยู่รับใช้ใกล้ชิดหลวงปู่ และได้เล่าว่า “ทราบกิตติศัพท์เกี่ยวกับหลวงพ่อวัดปากน้ำจากหลวงจบกระบวนยุทธ ตอนไปสมัครเป็นผู้แทนที่จังหวัดอยุธยา หลวงจบฯ บอกว่า พระที่เก่งที่เยี่ยมทั่วประเทศไทยต้องยกให้หลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ จึงตัดสินใจไปหาหลวงพ่อวัดปากน้ำ ตอนนั้นบวชได้ 2 พรรษา ..อยู่กับหลวงพ่อก็ได้ใกล้ชิดท่าน ได้ปลงผมให้ท่านเพราะเป็นคนมือเบาอยู่กับหลวงพ่อ 5 -6 ปี ได้ไปรับใช้ท่านอยู่จนท่านมรณภาพ เส้นผมที่ปลงแล้วจะนำไปรวมกันไว้เพื่อนำไปทำพระของขวัญ อาตมาได้เข้าไปทำวิชชากับหลวงพ่อในโรงงานทำวิชชา มีครั้งหนึ่งสงสัยในสิ่งที่เห็น หลวงพ่อสดก็ปรากฏที่ศูนย์กลางกาย แล้วก็มีเสียงมาพร้อมกับภาพว่า “ใช่แล้วที่เห็นไม่ต้องสงสัยทำไปเถิดลูก นั่นแหละใช่แล้ว” ทำให้เรามั่นใจยิ่งขึ้น หลวงพ่อจะทำวิชชาตลอดเวลา ทั้งกลางวันและกลางคืน
หลวงพ่อเป็นพระที่มีเมตตาสูงมากขนาดจีวรที่ท่านห่ม มีคนไปขอจีวร ท่านถามว่า จีวรผืนนี้เอาไหมลูก “เอาครับ” หลวงพ่อเปลื้องให้เลย อาตมาเองได้พระของขวัญจากหลวงพ่อสดพระของขวัญนี้ศักดิ์สิทธิ์มาก ช่วยให้รอดตายมาก็หลายครั้ง ครั้งแรก ตอนนั่งรถยนต์ คนขับมันขับตัดหน้ารถไฟนิดเดียวเอง พ้นมาอย่างอัศจรรย์ ครั้งที่สอง รถแท็กซี่เช่าไปทำบุญ ปรากฏรถพลิกคว่ำแถวกำแพงเพชร รถตกลงไปในคลอง ดีนะที่ไม่ตกเหว ตอนนั้นนึกถึงหลวงพ่อสดตลอด ท่านช่วยเราจึงรอดมาได้ ตอนเดินธุดงค์ ไปด้วยกัน 4 รูป ขอหลวงปู่สดไปอยู่ปริวาสกรรม ตอนนั้นบวชมาได้ 4 พรรษา ปี พ.ศ. 2499 ไปอยู่ที่จังหวัดปราจีนบุรี ไปเจอคุณโยมที่ทำงานโรงพยาบาลที่ปราจีนบุรี เล่าให้อาตมาฟังว่า ผมไปได้รูปของหลวงพ่อวัดปากน้ำมา ภรรยาผมไม่เลื่อมใส ผมจึงเอาไว้บนหิ้งบูชา พอตกกลางคืนรูปท่านเปล่งรัศมีทั้งคืน เปล่งรัศมีเต็มบ้าน ตั้งแต่นั้นมา ภรรยาผมจุดธูปเทียนบูชาหลวงปู่วัดปากน้ำทุกคืนเลย หลังกลับจากธุดงค์ก็ไปเล่าให้หลวงพ่อสดฟัง ท่านก็บอกว่า เขายังไม่เห็นของจริง เขาก็ไม่เชื่อหรอก
มีแม่ชีอยู่ที่วัดปากน้ำคนหนึ่ง ลูกจะไปฆ่าคน หลวงพ่อท่านก็รู้ว่า คนนี้ถ้าเราไม่โปรด มันจะติดคุกติดตะรางตกนรกหมกไหม้ ท่านก็เรียกแม่ชีคนนั้นมา แล้วบอกว่า ลูกเองจะแจวเรือผ่านมานะ ถ้าผ่านมาแล้วเอ็งเรียกขึ้นมาหาหลวงพ่อหน่อย แม่ชีก็นั่งคอยลูกผ่านมาจริง ๆ แม่ชีก็บอกลูกว่า หลวงพ่อท่านสั่งให้ขึ้นไปหาหน่อย พอขึ้นไปหาหลวงพ่อท่านก็บอกว่า ไอ้ที่คิดไว้เลิกล้มเสียนะ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร การฆ่าเป็นบาปติดไปหลายชาติจะตกนรกหมกไหม้ มันก็ว่าทำไมหลวงพ่อรู้ ผมเตรียมปืนใส่ท้องเรือไว้แล้ว มันโกงไร่ โกงนา โกงสวน เอาไว้ไม่ได้ แต่พอหลวงพ่อทักต้องเลิกล้มเลย ถ้าหลวงพ่อไม่โปรดต้องติดคุกติดตะราง มีครั้งหนึ่งสามเณรประพัฒน์นั่งเข้าที่สักพัก แล้วก็บอกหลวงพ่อวัดตะเคียนว่า ร้อยกับสององค์ครับหลวงพ่อ พอหลวงพ่อเทพระในย่ามออกมานับได้ร้อยกับสององค์จริงๆ แน่แค่ไหน ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ หลวงพ่อวัดตะเคียนแทบจะกราบเณรเลย แล้วพูดว่า คิดว่าวิชาวิปัสสนามันหมดแล้ว นึกว่าวิชามรรคผลไม่มีแล้ว หลวงพ่อวัดตะเคียนเลยไปเรียนธรรมะกับหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ”
คุณยายทองสุก สำแดงปั้น ซึ่งเป็นศิษย์คนสำคัญของหลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ มีหน้าที่ทั้งทำวิชชาและออกไปเผยแผ่วิชชาธรรมกายตามบัญชาของหลวงปู่ ซึ่งถือเป็นนักรบกองทัพธรรมที่ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม ท่านมีอุปนิสัยใฝ่เรียนรู้และทดลองวิชชาที่หลวงปู่ได้สั่งสอนอยู่เสมอ วันหนึ่งหลวงปู่ก็ถามท่านขึ้นมาว่า “สุก เอ็งทำจันทรคราสได้ไหม” ท่านรับปากว่า “ได้เจ้าค่ะ หลังจากนั้นก็พยายามทดลองทำอยู่นาน โดยอาศัยวิชชาธรรมกายจนกระทั่งสามารถทำจันทรคราสได้สำเร็จ ซึ่งคุณยายทองสุก สำแดงปั้น ได้เล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นว่า
“พระอาจารย์ (หลวงปู่วัดปากน้ำ) ตื่นขึ้นมาล้างหน้าก็บอกกับลูกศิษย์ว่า เอ..วันนี้จันทรคราส ดิฉันก็ตอบไปว่า ลูกเองที่เจ้าคุณพ่อใช้ให้ทำจันทรคราสเพิ่งทำได้วันนี้ ทำตั้งแต่พระจันทร์เต็มดวงจนเหลือครึ่งซีก พระจันทร์เกือบจะหมดถึงทำได้ ที่ทำได้อย่างนี้ เดินฌานสมาบัติในกระจก ในหินก็แทรกได้ไปได้ เม็ดฝนบนอากาศก็นับเม็ดฝนได้ จึงดำริในใจว่า พระอาจารย์ที่เราเล่าเรียนวิชชานี้ เห็นจะไม่มีที่ไหนอีกแล้วในพระราชอาณาจักรทั่วประเทศไทย จะไม่มีพระสงฆ์องค์ใดที่สามารถสั่งสอนเราได้ ต่อให้ไปประเทศอินเดียอีก พม่าอีก เขมรอีก ก็ไม่มีรู้ทีเดียวว่า พระอาจารย์เรานี่ไม่ใช่สงฆ์สามัญเสียแล้ว ที่รู้ก็เพราะเห็นด้วยตาเนื้อนะ วันหนึ่งฝนตกพระอาจารย์กวาดฝนที่ตกในกุฏิ แลเห็นพระอาจารย์ยืนอยู่บนดอกบัว ยืนอยู่ข้างละดอก รัศมีลุกขึ้นโชติช่วงเลย ตัวฉันเองเห็นด้วยตาเนื้อ จึงทราบแน่ชัดว่า พระอาจารย์เรานี่ไม่ใช่สงฆ์สามัญ สงฆ์จะนับเม็ดทรายไม่ได้ จะเดินฌานสมาบัติไม่ได้ เข้านิโรธแทรกในหินไม่ได้ จะวิชชาสูงอย่างนี้ไม่ได้ เพราะอาจารย์นี่สูงที่สุดจะไปหาที่เปรียบปานอย่างนี้ไม่ได้อีกแล้ว” (ติดตามต่อในตอนหน้า)