คนไข้ริมหน้าต่าง

วันที่ 05 พย. พ.ศ.2553

sp531105.jpg

ชายสองคนกำลังป่วยหนักด้วยกันทั้งคู่ และพักอยู่ห้องเดียวกัน ชายคนหนึ่งได้รับอนุญาตให้ลุกนั่งบนเตียงเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงทุกบ่าย เพื่อช่วยให้ของเสียไหลออกจากปอดได้สะดวกขึ้น เตียงของผู้ป่วยคนนี้ตั้งอยู่ข้างหน้าต่างบานเดียวของห้องนั้น ส่วนชายที่อยู่อีกมุมหนึ่ง ต้องนอนจมอยู่บนเตียงตลอดเวลา ซึ่งแน่นอนว่าเขาเริ่มหมดกำลังใจ และท้อใจกับสุขภาพที่เขาต้องเผชิญ เขาทั้งสองมักจะมีเรื่องราวพูดคุยแลกเปลี่ยนกันเสมอ

ทุกๆ บ่าย เมื่อชายข้างหน้าต่างลุกขึ้น เขาก็จะเล่าให้เพื่อนร่วมห้องฟังถึงทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เขามองเห็นผ่านหน้าต่างบานนั้น ขณะที่ผู้ฟังก็รู้สึกมีความสุขกับห้วงเวลาหนึ่งชั่วโมงดังกล่าว เพราะไม่เพียงทำให้โลกของเขากว้างขึ้น หากยังช่วยให้เขารู้สึกมีชีวิตชีวากับกิจกรรมและสีสันของโลกข้างนอกนั้นอีกด้วยครั้งหนึ่ง

เขาได้ฟังการพรรณนาถึงสวนสาธารณะแห่งหนึ่งที่มีเป็ดและห่านเริงเล่นน้ำกันอยู่ในทะเลสาบ ขณะเด็กๆ สนุกสนานไปกับการละเล่นบนเรือ หนุ่มสาวเดินเกี่ยวก้อยพลอดรักอยู่ท่ามกลางมวลดอกไม้หลากสีและสายรุ้ง โดยมีต้นไม้ชราสูงใหญ่เพิ่มความสงบงามให้กับสวน อีกทั้งยังพลอยเห็นภาพทิวทัศน์ของเมืองที่ตัดกับเส้นขอบฟ้าไกลโพ้น เนื่องจากผู้อยู่ใกล้หน้าต่างได้บรรยายทุกสิ่งอย่างละเอียดลออถี่ถ้วน ชายอีกมุมหนึ่งจึงจินตนาการตามไปได้อย่างรื่นรมย์

ในบ่ายที่อากาศสบายๆ วันหนึ่ง ชายคนนั้นได้เล่าว่า มีขบวนพาเหรดกำลังเดินผ่านไป แม้ชายอีกคนจะไม่ได้ยินเสียงดนตรีจากวงดุริยางค์ก็ตาม เขาก็สามารถสัมผัสมันได้ด้วยใจจากถ้อยบรรยายของเพื่อนร่วมห้องข้างหน้าต่างเป็นอย่างดี เวลาเคลื่อนคล้อยจากวันเป็นหลายสัปดาห์

เช้าวันหนึ่ง พยาบาลประจำวันได้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ตามปกติของเธอ เพื่อดูแลทำความสะอาดร่างกายให้ชายทั้งสอง เธอได้พบว่า คนไข้ใกล้หน้าต่างได้สิ้นลมไปแล้ว เขาจากไปอย่างสงบในขณะกำลังหลับ นำมาซึ่งความเศร้าโศกเสียใจแก่เธออย่างมาก จากนั้นเธอก็เรียกผู้ช่วยให้นำศพออกไปจากห้อง

เมื่อเวลาผ่านไปพอสมควร ชายที่อยู่อีกมุมหนึ่งของห้องจึงขออนุญาตย้ายไปพักเตียงใกล้หน้าต่าง พยาบาลยินดีจัดการให้ตามความประสงค์ของเขา และเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเธอก็ขอตัวออกไปจากห้อง ปล่อยเขาไว้เพียงลำพัง แล้วเขาก็ค่อยๆ ยันตัวเองด้วยข้อศอกข้างเดียวเพื่อจะมองดูโลกข้างนอกด้วยสายตาของตนเองเป็นครั้งแรก

แน่ละ.. เขาควรจะมีความสุขที่มีโอกาสสัมผัสมันด้วยตนเอง เขาชะเง้อคออย่างช้าๆ เพื่อมองออกไปนอกหน้าต่าง แต่แล้วภาพที่เขาพบกลับเป็นเพียงกำแพงโล่งๆ ชายผู้นี้จึงสอบถามพยาบาลในเวลาต่อมา อะไรกันเล่าที่ทำให้เพื่อนผู้จากไปของเขาเที่ยวได้พรรณนาเป็นคุ้งเป็นแควถึงสิ่งต่างๆ ที่อยู่นอกหน้าต่างบานนี้ให้เขาฟัง

พยาบาลคนเดิมแจ้งให้เขาทราบว่า แท้แล้วชายคนนั้นตาบอด เขาไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย แม้แต่กำแพง “บางทีเขาอาจอยากให้กำลังใจคุณก็ได้”

 

หมั่นหยิบยื่นสิ่งดีๆ ให้แก่กัน หมั่นให้กำลังใจกัน เมื่อเรามีโอกาส

“ทำดีด้วยใจดี มีแต่ได้ แม้ประสบสิ่งร้าย มองด้วยใจดี ไม่มีเสีย”

 

 

ขอขอบคุณ หนังสือ”ปัดใจ” โดย สโมสรต้อนรับระดับโลก
สงวนลิขสิทธิ์ตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗
ห้ามนำไปใช้ประโยชน์ทางการค้าหรือหากำไร ผู้ฝ่าฝืนมีความผิดและต้องรับโทษตามกฎหมาย

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.028330385684967 Mins