ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เป็นจุดนัดพบของเพื่อนหนุ่มผู้มีอนาคตไกล ๓ คน หนึ่งในนั้นเป็นนักธุรกิจหน้าตาดี หลังจากรับประทานอาหารและพูดคุยกันอย่างคุ้นเคยแล้ว ก็มีเด็กชายคนหนึ่ง เดินเข้ามาที่โต๊ะอาหาร เนื้อตัวเด็กน้อยค่อนข้างมอมแมม เสื้อผ้าที่ใส่ก็เก่าๆ มือทั้งสองข้างอุ้มกล่องที่บรรจุกระดาษทิชชู่อยู่หลายสิบห่อ มีป้ายแขวนคอสีขมุกขะมัว เขียนตัวหนังสือสีน้ำเงินตัวโตว่า “ผมเป็นใบ้” อีกบรรทัดมีตัวอักษรเล็กกว่า เขียนว่า “ทิชชู่ ห่อละ ๑๐ บาท”
เด็กน้อยเดินเข้าไปหาแต่ละคนในโต๊ะ แต่ก็ไม่มีใครสนใจเลย เด็กน้อยก็ยืนนิ่งอยู่ ไม่ขยับไปไหน นักธุรกิจเห็นดังนั้นจึงปัดความรำคาญ ควักเงินให้เด็กน้อยไป ๒๐ บาท เด็กน้อยจึงยื่นทิชชู่ให้ พร้อมเงินทอน “ไม่เอาหรอก” นักธุรกิจพูด แต่เด็กน้อยก็ยังยื่นให้เป็นครั้งที่สอง ชายหนุ่มสั่นหัว พร้อมโบกมือให้ไปได้แล้ว เด็กน้อยยิ้มพร้อมเดินเข้ามาใกล้ชายหนุ่ม แล้วกระซิบที่หูว่า “ขอบคุณครับ”ชายหนุ่มเพ่งมองเด็กน้อยสักครู่ แล้วรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าชายหนุ่ม หลังจากเด็กน้อยขายทิชชู่จากไป เพื่อนทั้งสอง จึงได้ถามด้วยความอยากรู้ว่า ทำไมเขาไม่โกรธเด็กขายทิชชู่ที่โกหกว่าเป็นใบ้ แถมยังยิ้มอีกต่างหากชายหนุ่มตอบก่อนลุกออกจากวงอาหารเพื่อเตรียมตัวกลับเข้าไปทำงานในช่วงบ่ายว่า วันนี้มีความสุขมาก เพราะเขาสามารถทำให้คนใบ้พูดได้“เมื่อเรามีความปรารถนาดีให้ผู้อื่นด้วยความจริงใจและบริสุทธิ์ใจ เราย่อมได้รับความจริงใจกลับมา”
ขอขอบคุณ หนังสือ”ปัดใจ” โดย สโมสรต้อนรับระดับโลก
สงวนลิขสิทธิ์ตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗
ห้ามนำไปใช้ประโยชน์ทางการค้าหรือหากำไร ผู้ฝ่าฝืนมีความผิดและต้องรับโทษตามกฎหมาย