กาลเวลา

วันที่ 13 ธค. พ.ศ.2553

กาลเวลา

              “อายุที่เราได้มานั้น คือ ชีวิตที่เราสูญเสียไป” วันเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ กลืนเอาชีวิตของเราให้มีชีวิตลดน้อยถอยลงเรื่อยๆเช่นกัน ความร่วงโรยแห่งสังขาร และความชราภาพของอินทรีย์ปรากฏมากขึ้นทุกขณะ รวมทั้งกำลังวังชาก็เริ่มเสื่อมถอยลดน้อยลงไปตามลำดับ เราจะต้องดำรงชีวิตยืนยาวต่อไปได้อีกนานเท่าใดก็มิอาจรู้ได้ เราลองมองย้อนดูตัวของเราเอง จะเห็นได้ว่า ในอดีตของเรานั้น เราได้เคยกระทำในสิ่งที่เป็นกรรมดีและกรรมชั่วมาแล้วด้วยกันทั้งสิ้น ต่างกันแต่ว่าใครเคยทำกรรมชนิดใด มากหรือน้อยเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อครั้งเรายังไม่ได้พบกับกัลยาณมิตร ยังไม่ได้พบกับหนทางแห่งการสร้างความดีด้วยแล้ว บางท่านอาจเคยสร้างกรรมที่ไม่ดี เป็นบาปเป็นอกุศลไว้มากมาย แต่บัดนี้ เมื่อได้ประจักษ์ชัดแล้วว่า สิ่งใดถูก สิ่งใดผิด สิ่งใดเป็นกรรมดี สิ่งใดเป็นกรรมชั่ว ขอจงเร่งขวนขวาย เพื่อยังประโยชน์ให้แก่ตนเอง ให้ถึงพร้อมด้วยการทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา ตั้งแต่บัดนี้ ก่อนที่จะสูญเสียโอกาสกระทำได้อย่างเต็มที่ เมื่อสังขารไม่อำนวย หรือหมดโอกาสกระทำได้เลย เมื่อชีวิตเราได้หาไม่แล้ว


             “อย่ามัวเพลิน เกินกาล นานชักช้าวันเวลา หมุนเวียน เปลี่ยนแปรผันกลืนชีวิต เราไป ทุกวี่วันสิ่งสำคัญ  นั้นอยู่ ไม่ห่างไกลขอจงใช้ เวลา อย่าเว้นว่างเร่งกรุยทาง สร้างบารมี ที่ยิ่งใหญ่อดทนสู้ ฝ่าฟัน กันต่อไปเราจักได้ พ้นทุกข์ สุขนิรันดร์”หน้าที่อันยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ คือ เกิดมาเพื่อสร้างบารมีเป็นกัลยาณมิตรให้ตนเองและผู้อื่น

 

ขอขอบคุณ หนังสือ “หน้าสุดท้าย” ประพันธ์โดย พระสุธรรม สุธมฺโม
สงวนลิขสิทธิ์ตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗
ห้ามนำไปใช้ประโยชน์ทางการค้าหรือหากำไร ผู้ฝ่าฝืนมีความผิดและต้องรับโทษตามกฎหมาย

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.012821169694265 Mins