ขอเท้าความถึงเมื่อเข้าวัดครั้งแรก อาตมาได้ไปหาคุณยายอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ที่บ้านธรรมประสิทธิ์ ซึ่งอยู่ในบริเวณวัดปากน้ำภาษีเจริญ ได้เห็นรองเท้าของผู้ที่มาทำบุญที่นั่น ถอดวางกันไว้ระเกะระกะ จึงทำหน้าที่จัดรองเท้าให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ขณะที่จัดก็สังเกตไปด้วย จึงได้ความรู้จากรองเท้านับว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อจริงๆ คือ รองเท้าของแต่ละคนมีความสัมพันธ์กับใบหน้า พอเห็นเท้าก็พอจะบอกได้ว่าคนนี้ หน้าตาควรจะเป็นอย่างไร เอาเถอะ..ขอให้มาช่วยอาตมาจัด แล้วอีกหน่อยก็จะเข้าใจว่าเท้ากับหน้ามีความสัมพันธ์กันจริงๆครั้นภายหลังได้เรียนวิธีนวด จึงได้พบว่า เส้นเอ็นในตัวคนเรานี่โยงถึงกันหมด อาการของโรคบางอย่าง เช่น ปวดศีรษะบางชนิดต้องกดที่ฝ่าเท้าแล้วจะคลายหายปวด บางคนยอกที่อก ยอกที่ขั้วปอด ต้องไปกดที่ฝ่าเท้า หรือบางคนอยู่ดีๆ ตาฟาง ก็มีวิธีเยียวยาอยู่ ๓ วิธีง่ายๆ คือ
คนโบราณบอกว่าอยู่ดีๆ แล้วตาฟางพร่ามัว แสดงว่าเส้นคอตึง แล้วเส้นคอดึงมาที่ตา เขาจะคว้าไม่คานไปหาบน้ำสัก ๓ หาบ ๕ หาบ แรงกดที่ไม้คานจะทำให้เส้นหย่อน ตาก็จะหายฟาง นั่นก็เป็นแบบหนึ่งวิธีนี้เป็นของจีน ตามลักษณะโครงสร้าง เส้นคอผ่านหลังลงไปยังฝ่าเท้า ทางด้านหน้าก็ผ่านหน้าท้องลงไปฝ่าเท้าเหมือนกัน ดังนั้น ถ้าไปกดเส้นที่เท้า ตาก็จะหายฟางวิธีนี้เป็นของไทย เรียกว่า หมอกะลา ในสมัยโบราณ เวลาเช้า คนแก่จะนิยมย่ำกะลาก้นแหลม เพราะมันจะช่วยนวดฝ่าเท้า เดี๋ยวนี้เห็นมีรองเท้าชนิดเป็นปุ่มๆ วางขายตามท้องตลาดแทนกะลา ราคาแพงด้วย นั่นแหละ ปู่ ย่า ตา ยาย ใช้หมอกะลา ของพวกนี้อาตมาอยู่ชนบทได้เห็นมาตั้งแต่เล็ก แล้วก็เลยล้อเลียนผู้ใหญ่ เอาเชือกมาร้อยรูกะลาแหลมสองลูก แล้วใช้มือจับสายเชือกไว้ ใช้เท้าทั้งสองเหยียบบนกะลาแทนรองเท้า เดินกุบกับๆ เดินมาตั้งแต่เด็กเหมือนกัน หรือไม่งั้นก็ใช้นวดที่กลางหลังก็คลายได้เหมือนกัน
* * ข้อดีของลักษณะมหาบุรุษประการที่ ๒ จะเป็นอย่างไร โปรดติดตามได้ในตอนต่อไป * *
ขอขอบคุณ หนังสือ “ลักษณะมหาบุรุษ”
ปาฐกถาธรรมของพระเดชพระคุณพระภาวนาวิริยคุณ หลวงพ่อทตฺตชีโว
สงวนลิขสิทธิ์ตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗
ห้ามนำไปใช้ประโยชน์ทางการค้าหรือหากำไร ผู้ฝ่าฝืนมีความผิดและต้องรับโทษตามกฎหมาย
