คราวนี้ก็มาถึงประเด็นที่ว่า เมื่อลูก ๆ ทั้งหลายรู้คุณของแม่ ซาบซึ้งในพระคุณของท่าน จนมีความรู้สึกว่า ถ้าไม่ได้ทดแทนพระคุณของท่านก็เหมือนยังเป็นหนี้อยู่ตลอดชีวิต หรือถึงขนาดเสียชาติเกิดเช่นนี้แล้ว
ในทางที่ถูกที่ควร ลูกจะต้องตอบแทนแม่อย่างไร จึงจะครบถ้วนทุกหยดหยาดที่ท่านให้เรามาทั้งชีวิต
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงกล่าวถึงการตอบแทนพระคุณแม่พระคุณพ่อไว้เป็นอุปมาอุปมัยว่า
“ถ้าบุตรจะพึงวางบิดามารดาไว้บนบ่าทั้งสองของตน ประคับประคองท่านอยู่บนบ่านั้น ป้อนข้าวป้อนน้ำ ให้ท่านถ่ายอุจจาระปัสสาวะบนบ่านั้นเสร็จ แม้บุตรจะมีอายุถึงร้อยปี และปรนนิบัติท่านไปจนตลอดชีวิต ก็ยังนับว่าตอบแทนพระคุณท่านไม่หมด”
แม้จะรู้ว่าชาตินี้ทั้งชาติเราไม่สามารถแทนพระคุณท่านได้ทั้งหมด แต่ก็ไม่พ้นวิสัยที่มนุษย์จะทำได้ ชาติเดียวไม่พอ ตามไปแทนพระคุณท่านทุกชาติก็ยังไหว แต่ต้องรู้วิธี รู้ธรรมชาติของพ่อแม่ ของท่านผู้เฒ่า คนที่มีนิสัยช่างสังเกตจะสามารถตอบแทนพระคุณพ่อพระคุณแม่ได้มาก
โบราณท่านใช้อยู่คำหนึ่ง ท่านบอกว่า “คนหนุ่มคนสาวน่ะ มองอะไรก็มองไปข้างหน้า แต่คนแก่คนชราจะมองไปข้างหลัง” มองไม่เหมือนกัน ตอนวัยหนุ่มวัยสาวเราคิดแต่จะสร้างอนาคต คิดจะร่ำรวย จะมีชื่อเสียง จะมีฐานะ จะมีบ้านหลังงามๆ มีที่กว้างๆ มีวิวดีๆ ฝันไปสุดขอบฟ้าเลย แต่ผู้เฒ่าผู้ชราท่านมองไปข้างหลัง ไปคุยกับท่านละก็ ท่านมักจะเล่าเรื่องเมื่อท่านเป็นเด็กบ้าง เมื่อท่านอยู่ในวัยรุ่นบ้าง เมื่อตอนสร้างฐานะบ้าง ในวันหนึ่งนี่ ใจของท่านมีเรื่องในอดีตโผล่ขึ้นมามากมาย ส่วนของเราน่ะมีแต่วาดภาพในอนาคต ธรรมชาติในตัวระหว่างผู้เฒ่ากับผู้เยาว์มีลักษณะสวนทางกันอย่างนี้
อย่างไรก็ตาม อย่างที่บอกไว้แล้วตั้งแต่ต้นว่า คุณพ่อคุณแม่ของพวกเราในที่นี้ มีทั้งที่ยังหนุ่มสาว ทั้งที่เฒ่าชรา และที่ละโลกไปแล้ว เพราะฉะนั้น อาตมาจึงขอเสนอแนะวิธีการตอบแทนพระคุณพ่อพระคุณแม่ทุกวัยไล่ไปตามลำดับ ตลอดจนขอนำตัวอย่างวิธีการตอบแทนพระคุณพ่อ พระคุณแม่ของลูกกตัญญูบางท่านมาเล่าให้ฟังด้วย เผื่อว่าไปตรงกับกรณีของท่านผู้ใดเข้า จะได้เอาไปเป็นเยี่ยงอย่าง
พระคุณแม่
พระธรรมเทศนา พระภาวนาวิริยคุณ