คราวนี้ยังมีอีก แต่นี่ไม่ได้เกิดในครอบครัวของอาตมา ซึ่งก็เป็นความหนักใจอีกอย่างหนึ่งของคุณพ่อคุณแม่ที่อยากจะเล่าให้พวกเราฟัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกสาว ไม่ได้เห็นมากับตา แต่ว่าเมื่อล้อมวงคุยกันก็เลยได้เรื่องเหล่านี้มา
มีครอบครัวหนึ่ง คุณแม่พอเห็นลูกสาวอายุยี่สิบกว่า ก็ตามภาษาชาวบ้าน ถึงคราวจะมีครอบครัวกันได้แล้วคุณแม่ก็มองลูกสาวด้วยความเป็นห่วง จะพูดอะไรก็ไม่เต็มปาก เพระว่าไอ้หนุ่มที่มาติดพันลูก ก็จัดว่าเป็นคนดี เป็นคนตั้งใจทำมาหากิน แต่ถึงอย่างนั้น แม่ก็เป็นห่วงอยู่นั่นแหล่ะ ได้แต่ถอนใจอยู่เฮือก ๆ
วันหนึ่ง ลูกสาวก็เลียบเคียงเข้ามาประจบ มานอนบนตัก ชวนคุยนู่นคุยนี่ แล้วในที่สุดก็อ้อมแอ้มถามแม่ว่า มีความเห็นอย่างไรบ้างกับเจ้าหนุ่มคนนี้ ถ้าแม่ไม่ขัดข้องก็อยากจะขออนุญาตแต่งงานกับเขา จะให้เขาจัดผู้ใหญ่มาสู่ขอ ลูกสาวว่าอย่างนั้นแม่ก็ถอนใจบอกว่า “ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้แม่ก็คงบอกว่าดี แต่ว่าในระยะ ๔- ๕ ปีมานี้ แม่พูดไม่ได้หรอกคำนี้ แล้วแม่ก็ไม่สามารถออกความเห็นอะไรด้วยได้”
ลูกสาวก็ถามว่า “ทำไมหรือแม่ แม่ไปเห็นข้อบกพร่องอะไรของเขาจึงไม่ออกความเห็น ถ้าแม่เห็นข้อบกพร่องอะไรก็บอกมาเถอะ ถ้าไม่ชอบมาพากลจริง ๆ จะได้ตัดใจเสียแต่ตรงนี้”
ลูกสาวของเขาก็ดีเหลือเกิน อยู่ในโอวาทแม่ ในที่สุดแม่ก็บอกว่า “ลูกเอ๋ย ข้อบกพร่องอะไรแม่ไม่เห็น แต่ว่าเดี๋ยวนี้แม่ไม่ค่อยอยากจะไว้ใจใคร เพราะกลัวว่าลูกสาวของแม่นี่จะเจอเหมือนอย่างกับที่แม่เจอ”
ลูกสาวก็เลยถามแม่ว่าแม่เจออะไร แม่ก็ถอนใจเฮือก “ก็เจออย่างที่ลูกเห็นนี่ไงล่ะ” ลูกสาวก็ยิ่งมองหน้าเลิ่กลั่ก ๆ แม่ก็เลยถาม
“พ่อของเราน่ะ เขาเป็นคนดีไหม?”
ลูกสาวตอบว่า “ดีสิ เขานับหน้าถือตากันทั้งเมือง โรงงานน้ำตาลของเราก็มี โรงนั่นโรงนี่ของเราก็มี ไร่อ้อยก็อีกตั้งเยอะแยะ กิจการของเรามีตั้งหลายอย่าง พ่อสร้างมาทั้งนั้น ทำไมพ่อจะไม่ดี”
แม่ก็เลยถามออกไปคำหนึ่ง “แล้วลูกไม่เห็นหน้าพ่อมานานแล้วหรือยัง”
ลูกสาวหน้าจ๋อยตอบว่า “เอ ก็หลายเดือนแล้วนะแม่ พ่อไม่ค่อยกลับบ้านเลย”
“เออ นั่นแหละ ที่แม่ต้องถอนใจ แล้วลูกรู้ไหมเขาไปไหน เขาก็ไปอยู่กับเมียน้อยเขาน่ะสิแม่”
พระคุณแม่
พระธรรมเทศนา พระภาวนาวิริยคุณ