ธรรมชาติของท่านผู้เฒ่ามีอยู่อย่างหนึ่ง คือ ไม่ชอบย้ายจากบ้านเดิม สมัยที่ท่านมีลูกเล็กๆ อยู่พร้อมหน้า หรือเมื่อตอนที่ท่านทั้งสองมาลงหลักปักฐานอยู่ด้วยกัน บางทีเนื่องจากเรามีความจำเป็นเรื่องอาชีพการทำมาหากินต้องไปอยู่ไกลๆ ญาติพี่น้องก็มีน้อย ไม่อยากปล่อยให้ท่านอยู่ตามลำพัง รบเร้าให้ท่านมาอยู่ด้วยกับเราท่านก็ไม่มา รู้ว่าท่านเคยอยู่ชนบท ไม่ชอบมาอยู่กรุงเทพฯ กับเรา ท่านรำคาญเสียงรถกึงๆ กังๆ เอา เราก็อุตส่าห์ไปจัดที่จัดทางปลูกบ้านให้อยู่ห่างจากตัวเมือง รถราหาไว้พร้อม จะได้อยู่กันสะดวกทั้งครอบครัว ท่านก็ไม่ยอมมาอีก
รบเร้าหนักๆ เข้าท่านว่าอย่างไร ท่านบอก “ลูกเอ๋ย ไม้ใหญ่น่ะย้ายแล้วมันจะเฉานะลูก” ท่านว่าเชียวแหละ ก็จริงของท่าน ต้นประดู่ต้นโตๆ ดอกบานสะพรั่ง เราอยากได้มาปลูกไว้ที่บ้าน แต่ใครลองไปย้ายมันสิ มันเฉาทันตาเห็นเลย ผลสุดท้ายก็ต้องทิ้ง ทิ้งต้นประดู่ไว้ในป่า เหมือนทิ้งคุณพ่อคุณแม่ ผู้เฒ่า ไว้ที่บ้านนอกบ้านเดิมนั่นแหละ
บางทีท่านก็บอกต่อไปว่า “เอาแม่มาอยู่อย่างนี้ แล้วเอ็งก็ปล่อยให้แม่คุยกับคนใช้ เดี๋ยวแม่กลุ้มตาย รอบๆ บ้านแม่ไม่รู้จักใครสักคน หาคนที่รู้ใจคุยด้วยก็ไม่ได้ พวกเอ็งพอเช้าก็ไปทำงาน กว่าจะกลับบ้านก็เย็นก็ค่ำ” ท่านไม่เอาหรอก อย่างดีมาอยู่ด้วยเป็นครั้งคราว ๕ วัน ๗ วัน ท่านก็เบื่อเดี๋ยวท่านก็จะกลับแล้ว
เพราะฉะนั้น การเลี้ยงแม่ไม่ง่าย นอกจากเราจะรู้ใจท่านเสียจริงๆทุกอย่าง ท่านชอบอะไร คุ้นอย่างไร บันดาลให้ได้ทั้งหมด อย่างนี้จึงพอมีหวังพาท่านมาดูแลอย่างใกล้ชิดได้
พระคุณแม่
พระธรรมเทศนา พระภาวนาวิริยคุณ (หลวงพ่อทัตตชีโว)