เมื่อคืนอากาศหนาวเย็นผิดปกติ นกกาบินออกจากรังไปหากินนานแล้ว ตะวันยามรุ่งก็ยังขมุกขมัวอยู่ แต่เถ้าแก่ฮงคนขยัน ก็ยังคงตื่นมาเปิดประตูร้านขายของชำเหมือนเคย
กระถางต้นโป๊ยเซียน ต้นว่าน และม้านั่งหินหน้าร้านที่แกชอบออกมานั่งเล่นรับลมยามเย็น ก็ยังอยู่ที่เดิมของมันตามปกติ
แต่ทว่าภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิอีก ๒ คน ที่ก้มเงยๆ เหนือร่างเล็กในชุดเสื้อผ้าสีดำมอซอที่นอนคุดคู้อยู่ใต้ม้าหินนั่น..ไม่ใช่เรื่องปกติ
เถ้าแก่ฮงกระชับเสื้อหนาวให้เข้าที่ กระย่องกระแย่งเข้าไปมุงดูบ้าง ชายชราขยับร่างอุ้ยอ้ายเบียดคนที่มุงดูอยู่เข้าไปใกล้ๆ จนเห็นร่างหญิงชราผอมแห้ง แก้มตอบ ผมหงอกขาวโพลนเกรียนติดหนังศรีษะ ผิวตกกระซีดจนคล้ำเขียว สวมเพียงเสื้อบางๆ กับผ้าถุงปอนๆ อย่างชาวบ้าน ร่างคู้งอเข้าหากัน มือเกร็งกำธนบัตร ๑๐ บาท แน่นราวกับมันเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่แกมี
"ไอ๋หย๋า" เสียงอุทานเบาๆ ที่หลุดออกจากปากเถ้าแก่
ไม่พ้นความสังเกตของนายร้อยเวรที่มาชันสูตรศพ "เถ้าแก่รู้จักผู้ตายหรือครับ"
"ม่ายน่อ แต่อั๊วจำล่าย เมื่อคืนยังเห็นอีเป็นๆ อยู่เลย"
"แกเป็นใครมาจากไหนรู้ไหมครับ" ผู้หมวดเริ่มซักถาม
"อั๊วก็ม่ายรู้ อีม่ายช่ายคนแถวนี้ เมื่อคืนตอนดึกๆ อั๊วกำลังปิดร้านอยู่ อีมาเคาะประตูขอซื้อเสื้อหนาวสีลำๆ แต่มีตังค์แค่ ๑๐ บาท
อั๊วเลยม่ายล่ายขายให้ เช้ามาก็เพิ่งจะเห็งนี่แหละว่าอีซี้เลี้ยว…ไอ๊หยา" เถ้าแก่ฮงร่ายยาว ก่อนจะอึ้งไป
ผู้หมวดพยักหน้าหงึกๆ พยักหน้าบอกให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิ ยกศพขึ้นรถกะบะโกโรโกโสที่ฝากะบะข้างท้ายติดสติ๊กเกอร์สวยเก๋ว่า "รถนอน VIP" ไม่มีร่องรอยฆาตกรรมใดๆ ผู้ที่พบเห็นลงความเห็น อย่างไร้ข้อกังขาได้ทันทีว่าหญิงชราคงหนาวจนแข็งตายไปเอง และเจ้าหน้าที่ก็ต้องไปตามหาญาติต่อ เพราะในร่างไม่พบหลักฐานอื่นอีก
ตลอดทั้งวัน เถ้าแก่ฮงจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ภาพของหญิงชราผมขาวที่มาอ้อนวอนขอซื้อเสื้อหนาวถูกๆ ที่แกโก่งราคาขาย และถูกไล่ตะเพิดออกไป กับภาพใบหน้าคล้ำเขียวของร่างที่สิ้นลมเพราะความหนาวเหน็บยังติดตาอยู่ไม่วาย แม้จะพยายามปลอบใจตัวเองว่าไม่ใช่ความผิดอะไรของแกซักหน่อย แต่ก็อดคิดฟุ้งซ่านไม่ได้ว่าตัวเองเป็นคนขับไสไล่ส่งหญิงชรา ไปพบความตายอย่างเลือดเย็น
ขณะกำลังงุ่นง่านอยู่นั้น เถ้าแก่ฮงเหลือบเห็นเสื้อกันหนาวสีดำที่หญิงชรามาร้องขอซื้อแขวนอยู่ ผ้าเนื้อหยาบๆ ไม่น่าจะใส่สบาย แต่ก็คงจะให้ความอบอุ่นแก่หญิงอนาถาคนนี้ได้ อย่างน้อยแกก็อาจจะไม่ต้องนอนแข็งตายหน้าร้านมื่อเช้าวันนี้
เถ้าแก่ฮงตัดสินใจปิดร้านแต่วัน เอ่ยปากฝากบ้านให้ซิ้มร้านกาแฟข้างๆ ช่วยดู และคว้าเสื้อกันหนาวสีดำใส่ถุงกระดาษ ควบมอเตอร์ไซด์คู่ชีพไปยังโรงพยาบาลที่ตั้งของมูลนิธิที่อยู่ห่างจากร้านของแกออกไปไม่กี่กิโลเมตร
พยาบาลเวรทำหน้าแปลกๆ เอื้อมมือไปรับถุงกระดาษที่เถ้าแก่ฮงยื่นมาเพื่อบริจาคให้แก่ศพหญิงชราในโลงทึม พร้อมได้รับข่าวว่าตำรวจพบญาติของหญิงชราที่มาแจ้งความคนหายไว้ และนัดจะมารับศพกลับไปบำเพ็ญกุศลเย็นนี้
เกือบห้าทุ่มแล้ว เสียงเคาะประตูถี่ๆ ทำให้เถ้าแก่ฮงที่นั่งกระวนกระวายใจรออยู่ ค่อยยิ้มออกมาได้ ก่อนหน้านี้ ลูกสาวที่เรียนอยู่กรุงเทพฯ โทรมาตอนบ่ายๆ บอกว่าจะกลับรถไฟขบวนดึก ถ้ามาถึงดึกกว่านี้อีกสักหน่อย คงไม่มีรถสองแถวเข้าอำเภอแล้ว
"นึกว่าไม่ทันรถสองแถวแล้วนะเตี่ย" ลูกสาวเถ้าแก่ว่า พลางยกขวดเป๊ปซี่ซดแก้กระหาย
"กลับมาทันก็ดีแล้ว นี่กินข้าวกินปลามารึยังล่ะ"
"เรียบร้อยมาจากบนรถไฟแล้วล่ะ"
"มาเหนื่อยๆ ขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าก่อนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยคุยกันก็ได้" เถ้าแก่ฮงลุกขึ้น
"จ้ะ" ลูกสาวขยับลุกตาม พลันนึกขึ้นได้ "เออเตี่ย หนูคงทำกระเป๋าสตางค์หล่นบนรถไฟแหละ
มารู้ตัวตอนที่กระเป๋ารถสองแถวมาเก็บค่าโดยสารน่ะ โชคดีเจอยายคนหนึ่ง แกช่วยออกค่ารถให้
ยังทักหนูเลยว่า เป็นลูกสาวเถ้าแก่ฮงใช่มั้ย เตี่ยจำแกได้รึเปล่า ยายคนนั้นแกผอมๆ ผมหงอกขาวเกรียนๆ น่ะ"
"อะไรนะ ผมขาวเกรียนๆ น่ะเหรอ" เถ้าแก่ฮงสะดุ้ง
"ใช่จ้ะเตี่ย หนูก็ลืมถามชื่อไป แกว่ามีเงินเหลือ ๑๐ บาทพอดี เลยออกค่ารถให้หนูก่อน
ยังไงถ้าเจออีกเตี่ยช่วยคืนเงินให้ยายแกด้วยนะ ดูท่าทางแกจนออก" ลูกสาวเถ้าแก่คว้ากระเป๋าเตรียมขึ้นบนบ้าน
"อ้อ แกยังฝากมาขอบคุณที่เตี่ยบริจาคเสื้อกันหนาวให้ด้วยค่ะ เมื่อกี้ยังเห็นแกใส่อยู่เลย สีดำๆ ค่ะเตี่ย"
เรื่องสั้น / รวมเรื่องสั้นประทับใจ