อานุภาพหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอน อุปัฏฐากพระต้นธาตุ โดยลุงหลอมและปู่ผง
กราบนมัสการ พระเดชพระคุณหลวงพ่อ ที่เคารพ อย่างสูงค่ะ ลูกชื่อ องุ่น สุขเจริญ เป็นลูกหลานทางสายเลือดแท้ๆ ของหลวงปู่ ซึ่งจะมาเล่าเรื่องราว ของหลวงปู่ ที่ลุงหลอมเล่าให้ลูกฟังต่อค่ะ
หลังจากลุงหลอมทำนาล่มจมแล้ว ก็เลยมาบวชที่วัดสองพี่น้องอีกที และพอบวชเสร็จก็ไปกราบหลวงปู่ ซึ่งหลวงปู่ก็ถามว่า “บวชครั้งนี้ หมดเงินไปเท่าไร” ลุงหลอมตอบว่า “ประมาณหกเจ็ดพันบาท” ซึ่งหลวงปู่ฟังแล้ว ก็ตอบกลับมาว่า “เออ! หมดไปตั้งหกเจ็ดพัน อยู่ให้มันคุ้มเงินหน่อย” ซึ่งก็แปลกมากค่ะ แทนที่หลวงปู่จะพูดว่า บวชตลอดชีวิต ท่านก็ไม่พูด เพราะเหมือนท่านจะรู้ว่า ลุงหลอมจะบวชอยู่ไม่ได้นาน ซึ่งก็จริงๆ ค่ะ ลุงหลอมบวชได้แค่ 2 ปี ก็สึกออกมาอีก จากนั้นก็ตัดสินใจ จะไปทำงานที่ภาคใต้ จึงไปหาป้าดา ซึ่งเป็นพี่สาวแท้ๆ ของหลวงปู่ ซึ่งอยู่ที่วัดปากน้ำ โดยบอกให้ป้าดา ช่วยพูดกับหลวงปู่ให้หน่อยว่าจะมาขอยืมเงินหลวงปู่สัก 500 บาท เป็นค่าเดินทางไป จ.สงขลา ซึ่งพอหลวงปู่รู้ดังนั้นท่านก็ดุและสอนลุงหลอมเป็นการใหญ่ว่า “ไอ้เงินน่ะ มึงอย่าคิดว่ากูมีนะ ที่มีอยู่นี่ เขาทำบุญทำทานมาทั้งนั้นแหละ ของกูเองไม่มี”
จากนั้นหลวงปู่ท่านก็เล่าชีวิตท่านในสมัยที่ยังไม่บวชให้ฟังเพื่อเป็นการสอนลุงหลอมว่า “กูนะ ตั้งแต่รุ่นหนุ่ม คนให้เงินมาหนึ่งชั่ง ก็เอาเงินมาเป็นทุนซื้อข้าว ล่องข้าว จนกระทั่งชั่งหนึ่ง งอกเงยขึ้น จนขยับขยาย ซื้อเรือได้อีกลำหนึ่ง คนสมัยก่อนเขามีบุญ เขามีแก้วสารพัดนึก จะนึกอะไรก็ได้ แต่สมัยนี้แก้วสารพัดนึกไม่มีแล้ว ไอ้เงินทองนี่แหละ ที่จะแทนแก้วสารพัดนึกได้ และถ้ามีเงินมีทองก็ให้รู้จักรักษา อย่าดูถูกเห็นว่าเฟื้องหนึ่งสลึงหนึ่งเป็นของไม่มีค่า” ซึ่งขณะหลวงปู่สอนลุงหลอมไป ลุงหลอมก็นั่งร้องไห้ไปค่ะ จนสุดท้ายลุงหลอมก็ลุกหนี พรางคิดในใจว่า “จะไม่เอาเงินแล้ว มาขอยืมเงินแค่นี้ ทั้งด่าทั้งสอน” แต่หลวงปู่ท่านก็ใจดีค่ะ ให้ป้าดา เดินเอาเงิน มาให้ลุงหลอม 500 บาทจริงๆ
แต่หลวงพ่อคะ ลุงหลอมบอกว่า การสอนของหลวงปู่ครั้งนี้ ได้ผลมาก เพราะลุงหลอมใช้ไปตลอดชีวิต โดยลุงหลอมบอกว่า “ตั้งแต่ถูกสอนครั้งนั้น จำแม่นมาก ได้ทำให้ลุงกลายเป็นคนมัธยัสถ์ตั้งแต่บัดนั้น จนความประหยัดและรู้จักใช้เงินของลุงหลอมรู้ไปทั่ว อ.สองพี่น้อง เพราะเมื่อลุงหาเงินได้ก็ไม่เที่ยว ไม่กินฟุ่มเฟือย ซื้อของมาก็เก็บรักษา เสียหายก็ซ่อมแซมจนสามารถใช้ได้นานๆ จนทำให้ลุงหลอมสามารถเก็บหอมรอมริบจนมีเงิน 4 แสนบาท เอาดอกผลมาทำบุญ และทำพินัยกรรม ไว้ถวายหลวงพ่อธัมมชโย เพื่อสร้างอนุสรณ์สถานของหลวงปู่วัดปากน้ำ”
หลังจากลุงหลอม ไปทำงานที่ภาคใต้ 2 ปี ก็กะว่าจะไปทำงานต่อที่มาเลเซีย แต่เนื่องจากแม่ของลุงหลอมไม่ให้ไป จึงทำให้ลุงหลอมกลับมาอยู่ ที่ อ.สองพี่น้อง จนกระทั่งปี พ.ศ.2499 ซึ่งเป็นช่วงที่หลวงปู่ท่านอาพาธ ทำให้น้องชายและหลานของหลวงปู่ ได้มาช่วยกันดูแลอุปัฏฐาก ซึ่งหนึ่งในนั้น ก็คือ ลุงหลอม ลุงหลอมบอกว่า มีวันหนึ่ง ขณะที่อุปัฏฐากหลวงปู่อยู่ เกิดรู้สึกเบื่อ อยากกลับบ้าน เพราะงานมันซ้ำซากจำเจ ซึ่งพอคิดยังไม่ทันข้ามวัน หลวงปู่ท่านก็พูดลอยๆ ให้ลุงหลอมและอุปัฏฐากคนอื่นได้ยินว่า “พวกมึงมาพยาบาลกูนี่ มึงไปพยาบาลพระสักเก้าองค์สิบองค์นี่ บุญยังไม่เท่าพยาบาลกูหรอก” พอลุงหลอมฟังดังนั้น ก็ใจฟู คิดได้ รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนโชคดี เกิดปีติ มีเรี่ยวมีแรง หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลยค่ะ นับจากนั้นก็ไม่เคยคิดเบื่อหรือท้อแท้ที่จะดูแลท่านอีกเลย
ซึ่งเรื่องนี้ปู่ผง ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องชายของหลวงปู่ที่เป็นอุปัฏฐากคนสำคัญอีกคน ได้เล่าให้ลูกฟังว่า ช่วงท่านสบายๆ ท่านก็ออกมานั่งเก้าอี้หวายคุยกับปู่ผง ว่า “ไอ้ผง ที่พวกมึงมาพยาบาลกูน่ะ พวกมึงเบื่อกันไหม” ปู่ผงก็ตอบท่านไปว่า “ไม่เบื่อ” หลวงปู่ท่านก็พูดว่า “ที่พวกมึงพยาบาลกูน่ะ มึงรู้ไหมว่า มันดีร้อยดีพันแล้วนา ที่มึงปฏิบัติกูเนี่ย มึงปฏิบัติพระอื่น 10 องค์ ยังไม่เท่า ปฏิบัติกูองค์หนึ่ง หรอก” ตอนนั้น แม่ชีถนอม ก็นั่งอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย แม่ชีถนอมเป็นแม่ชี ที่เข้าถึงพระธรรมกาย หลวงปู่จึงให้ไปดูว่า ผู้ปฏิบัติหลวงปู่ ตายแล้วจะไปไหน โดยบอกว่า “เอ้า ดูให้เขาหน่อยสิ บุญที่เขาดูแลพระต้นธาตุ เขาได้บุญกันยังไง” แม่ชีถนอมนั่งเข้าที่ ดูอยู่พักหนึ่ง แล้วตอบว่า “คนปฏิบัติหลวงพ่อ ต้องขึ้นสวรรค์เจ้าค่ะ อย่างน้อย ก็ดาวดึงส์”
สุดท้ายนี้ เรื่องราวความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่ ที่แฝงอยู่ใน อัตชีวประวัติของลุงหลอม และปู่ผง ยังมีอีกมาก ซึ่งเรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น โปรดติดตามตอนต่อไป