เอาเวลาเข้าถึงธรรมของฉันคืนมา
ในสมัยที่โทรทัศน์เข้ามาเมืองไทยเป็นเครื่องแรก หลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ (สด จนฺทสโร) ท่านถึงกับพูดขึ้นว่า " ฉิบหายแล้ว..มารมันเข้ามาถึงในมุ้ง" เพราะผู้คนจะมัวแต่ดูหนังดูละคร คือแทนที่ก่อนนอนจะให้เวลาในการสวดมนต์นั่งสมาธิ เหมือนปกติ ซึ่งเมื่อเป็นดังนี้ ..ใจมนุษย์ก็จะออกห่างศูนย์กลางกายมากขึ้นเรื่อยๆ
ในปัจจุบันอุปกรณ์ที่ดึงใจมนุษย์ให้ห่างจากศูนย์กลางกายมีมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า หนำซ้ำยังแฝงมาด้วยวิธีการต่างๆนานา ไม่ว่าจะเป็นการ Chat ใน Social Network เช่น Line หรือ Facebook ฯลฯ ทำให้วิถีชีวิตของหลายคนอยู่กับการ Chat บนหน้าจอโทรศัพท์รุ่นใหม่ๆ หรือไม่ก็เล่นเกมส์ ดูหนัง ฟังเพลง ดูคลิป จนใจห่างจากศูนย์กลางกายไปเรื่อยๆ ทั้งๆที่หากรวม วันเวลาจากการทำกิจกรรมเหล่านี้ จะทำให้้เรานั่งสมาธิได้หลายชั่วโมงต่อเนื่อง
ดังนั้น..หากเราเป็นผู้ไม่ประมาทในชีวิตอย่างแท้จริง เราควรถามตัวเองอย่างสุจริตใจว่า "เราใช้เทคโนโลยีเพื่อความ สะดวกในการสร้างบารมีจริงๆ หรือเผลอใช้ในเรื่องไร้สาระที่ดึงเวลาจากการนั่งสมาธิของเราให้หมดไป"
ด้วยเหตุนี้..เราควรแบ่งเวลาในการ Chat หรือใช้ชีวิตบน Social Network ให้เป็นเวลา และกำหนดเวลาสิ้นสุดของการเล่นที่แน่นอนให้ได้ มิฉะนั้น..เราจะตกเป็นทาสของโลกออนไลน์ ที่ดื่มกินเวลาในการเข้าถึงธรรมของเราให้หมดไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้ ตัว..
จากหนังสือ อยู่ในบุญ (ในหน้าสุดท้าย) ฉบับเดือนมิถุนายน 2556