เราใช้บุญเก่าทุกวัน บุญก็จะหมดลงไปเรื่อยๆ
เหตุนี้จึงมีคำว่า "บุญหมด" บุญหมด ก็หมดสิทธิ์ใช้ทุกสิ่ง
ฉะนั้น เราต้องสั่งสมบุญเอาไว้มากๆ และต้องรู้สึกปลื้มปิติด้วย
หากยังไม่ปลื้ม ก็ทำอีกจนกระทั่งรู้สึกปลื้มให้ได้
เพราะความปลื้ม ทำให้ปัสสัทธิ (ความสงบกายสงบใจ) เกิดขึ้น
และ ปัสสัทธิ ทำสมาธิให้เกิด
การทำบุญจนเกิดความปลื้มปิติ เป็นการทำที่ถูกหลักวิชชา
เพราะหากปลื้มมาก ปิติมาก จะมีผลทำให้บุญส่งผลเร็ว
หากปลื้มแล้วยังตามนึกถึงบุญได้อย่างบ่อยครั้งมากเท่าไหร่
ก็จะมีผลต่อจำนวนชาติที่ส่งผลได้มากชาติขึ้นเท่านั้น
การปลื้มเกิดได้จากเช่น ทำบุญอย่างสุดกำลัง
ตัดใจจากความตระหนี่ที่ตัดได้ยาก หรือนึกถึงความดีที่ทำได้ยาก
เช่น นั่งสมาธิทุกวันไม่ขาดแม้วันเดียว หรือปิติที่เกิดจากสมาธิ
ทำบุญแล้วปลื้มยังเป็นตันบุญต้นแบบให้กับคนรอบข้าง
เราจะพูดให้เขาฟังอย่างองอาจ ซึ่งจะกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ได้ฟัง
เพราะถ้อยคำที่มาจากการกระทำที่แท้จริง จะมีพลังไม่มีที่สิ้นสุด
ใครก็ตามถ้าได้ฟังจะเกิดแรงบันดาลใจอยากทำบ้างเ
ราก็จะอยู่ในฐานะเป็นต้นบุญ และเราจะได้บุญเต็มที่ไม่ตกหล่น
ตะวันธรรม