วันลอยกระทง บูชารอยพระพุทธบาท
“วันเพ็ญเดือน 12 น้ำนองเต็มตลิ่ง” บทเพลงวันลอยกระทง ชวนให้ย้อนหวนคืนไปสู่ยุคสุโขทัย ที่แม่น้ำลำคลองยังใสสะอาด หน้าน้ำนองเอ่อล้นเต็มตลิ่ง บรรยากาศรื่นรมย์ ด้วยผู้คนชายหญิงที่แต่งกายสวยงาม มาตั้งจิตอธิษฐานลอยโคมประทีปอยู่เต็มสองฝั่งแม่น้ำ
วันลอยกระทงเป็นประเพณีที่สืบเนื่องมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยที่เรียกกันว่า "พิธีลอยประทีปหรือลอยโคม" เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชาหรือน้อมบูชารอยพระพุทธบาท ณ ลุ่มน้ำนัมมทานที ณ มัชฌิมประเทศหรืออินเดียในปัจจุบ้น
ในพระไตรปิฏกบันทึกเกี่ยวกับรอยพระพุทธบาทไว้ว่า สมัยหนึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงรู้เห็นด้วยธรรมจักษุและญาณทัสสนะว่า พญานาคนัมมทา เป็นผู้มีจิตเลื่อมใสในพระบรมศาสดา แม้พระพุทธองค์ทรงเห็นว่า พญานาคเป็นเดรัจฉานที่มีอานุภาพมาก ไม่สามารถบรรลุธรรมในชาตินี้ แต่ก็ยังมีมหากรุณาเสด็จไปบาดาลนาคพิภพ โปรดพญานาคนัมมทา เพื่อจะเป็นอุปนิสัยในการบรรลุธรรมในภพชาติต่อไป
พญานาคมีจิตยินดีอย่างยิ่ง แปลงร่างเป็นมาณพหนุ่มประดับกายด้วยอาภรณ์เครื่องประดับสวยงาม มาถวายการต้อนรับนำเสด็จสู่นาคพิภพ
พระบรมศาสดาได้แสดงธรรมโปรดพญานาคและเหล่านาคบริวารให้รักษาอุโบสถศีลหรือศีล 8 และรับพระรัตนตรัยเป็นสรณะ เป็นที่พึ่งที่ระลึกตลอดชีวิต
ก่อนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จกลับ พญานาคนัมมทากราบทูลอ้อนวอนว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ขอพระองค์จงประทานสิ่งควรสละแก่ข้าพระองค์สักอย่างด้วยเถิด สิ่งที่พระองค์มอบไว้จะได้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของข้าพระองค์ทั้งหลาย"
พระบรมศาสดามีมหากรุณา ทรงอธิษฐานจิต แสดงเจดีย์คือรอยพระบาทประทับไว้ ณ ริมฝั่งแม่น้ำนัมมทานที ตามปกติรอยพระบาทของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีพระฉวีละเอียดอ่อน เบาเหมือนปุยนุ่น รอยพระบาทที่ทรงเหยี่ยบย่ำไปสถานที่ใด ไม่ปรากฏโดยทั่วไปแต่ถ้าพระพุทธองค์ทรงอธิฐานจิต แสดงเจดีย์ไว้ รอยพระพุทธบาทจะตั้งอยู่อย่างนั้น ไม่มีวันเลือนหายไปชั่วกัปกัลป์
พระบรมมหากษัตริย์และบรรพบุรุษไทย ได้สืบทอดประเพณี "ลอยประทีปหรือลอยโคม บูชารอยพระพุทธบาท" สืบเนื่องมาถึงปัจจุบันเพราะรู้ว่า การลอยโคมหรือลอยกระทง เพื่อบูชาพระพุทธบาทนั้น ได้บุญมหาศาลเกินจักประมาณ เพราะน้อมบูชามุ่งตรงต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ว่าจะทรงดำรงพระชนม์ชีพอยู่หรือปรินิพพานแล้วก็ตาม หากกระทำด้วยจิตเลื่อมใส บริสุทธิ์ ก็จะได้บุญมากเสมอเหมือนกัน
เพราะฉะนั้นเมื่อใกล้ถึงเทศกาลวันลอยกระทง ซึ่งปีนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ 2556 พวกเราชาวพุทธทั้งหลาย ควรจะตั้งใจรักษาศีล 5 หรือศีลอุโบสถ ตั้งใจนั่งสมาธิให้จิตผ่องใส ตั้งจิตมุ่งตรงต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กำหนดใจนึกถึงพระพุทธรูปแก้วใสตั้งไว้ตรงศูนย์กลางกายกลางท้อง แทนองค์พระบรมศาสดา
เมื่อถึงวันลอยกระทงซึ่งตรงกับวันพระขึ้น 15 ค่ำ พระจันทร์เต็มดวง ขอให้แต่งกายสุภาพสวยงาม ชำระกายให้สะอาดด้วยศีล ชำระใจให้บริสุทธิ์ ด้วยการนั่งสมาธิ แล้วนำกระทงที่ประดับด้วยโคมประทีปเทียนสว่างดอกไม้หอม อาทิมะลิ ดอกแก้ว ดอกบัวหรือดอกกุหลาบ น้อมอธิษฐานจิตลอยกระทงไปบูชารอยพระพุทธบาท ที่ริมฝั่งแม่น้ำนัมมทานที ขออานุภาพบุญนี้ให้จิตของเราปราศจากกิเลสครอบงำ ขอพุทธานุภาพดลบันดาลให้ชีวิตของเรา ปราศสิ้นสรรพภัย ทุกข์โศก โรคร้าย อย่าได้มากร้ำกราย เมื่อนั่งสมาธิแล้ว ขอให้ได้บรรลุธรรมลุ่มลึกมากขึ้น ตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้อย่างอัศจรรย์
"วันลอยกระทง" แม้เป็นเทศกาลบันเทิงรื่นเริงใจแต่ก็ตรงกับวันพระขึ้น 15 ค่ำ จึงไม่ควรเป็นความบันเทิงที่เกี่ยวข้อง กับอบายมุข โดยเฉพาะการดื่มเหล้าหรือเสพสิ่งมึนเมา เราจะได้ทั้งบุญและความสุขใจ หากเราสามารถรักษาศีล 5 เอาไว้ได้ท่ามกลางรอยยิ้มและเสียงเพลง ชาวพุทธที่ดี
เมื่อพาลูกหลานออกไปลอยกระทงน้อมถวายเป็นพุทธบูชาแล้ว ไม่ควรอยู่สนุกสนานนานเกินไป แต่ควรกลับมานั่งสมาธิ น้อมถวายเป็นพุทธบูชา ตราบกระทั่งเวลาที่พระจันทร์วันเพ็ญเต็มดวง อยู่กลางฟ้าน้อมให้มาลอยเด่นอยู่กลางใจ ขอให้ชีวิตของเรามีความสุขสดใส มองเห็นแสงสว่างแห่งธรรมยาวไปตลอดชีวิต
บทสารคดี รัตนวนาลี 11/11/56