ได้กำไรจากงานศพ !!!
เราเคยไปงานบำเพ็ญกุศลกันมาทั้งนั้น ไปแล้วทำอย่างไรจึงจะได้ประโยชน์อย่างเต็มที่?
สิ่งที่ควรทำในงานบำเพ็ญกุศลมีอย่างน้อย 3 ประการ คือ
1. ขอขมา และอโหสิกรรม
2. เจริญมรณสติ
3. บำเพ็ญบุญ และอุทิศส่วนกุศล
1. ขอขมา และอโหสิกรรม ได้อะไรจากการขอขมา และอโหสิกรรม?
วิบากกรรมที่เคยทำผิดพลาดกันมาในอดีต จะเบาบางลงด้วยเหตุ 3 ประการ คือ
1.1 วิบากกรรมส่งผลจนหมดกำลัง มันก็เลิกให้ผล
1.2 สั่งสมบุญให้เต็มที่ อธิษฐานจิตให้บุญไปตัดรอนวิบากกรรมให้เบาบางลง
1.3 ขอขมา และอโหสิกรรมให้กันการขอขมาไม่ได้ปรารภเฉพาะชาตินี้เท่านั้น
แต่ปรารภอดีตชาติอันยาวนานนับภพ นับชาติไม่ถ้วน
ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า
"สรรพชีวิตที่เวียนว่ายตายเกิดกันมายาวนาน ผู้ที่ไม่เคยเกิดเป็นญาติกันมานั้น หาไม่ได้ง่ายเมื่อขอขมากันแล้ว วิบากกรรมจากหนัก ก็จะเบาบางลงที่เบาบางแล้ว ก็มลายหายสูญกลายเป็นอโหสิกรรมไป"
2. เจริญมรณสติ ไปงานบำเพ็ญกุศล ไประลึกนึกถึงความตายโดยอาศัยร่างของผู้วายชนม์เป็นสื่อให้ระลึกนึกถึงความตายเพราะปกติของชีวิตผู้ครองเรือนจะวนเวียนอยู่กับเรื่องปากท้องภารกิจหน้าที่การงาน ครอบครัวจนลืมไปว่า ชีวิตมีเวลาจำกัด เช่นพิจารณาว่า "เมื่อก่อนท่านก็เป็นอย่างเรา อีกหน่อยเราก็จะเป็นอย่างท่าน" จะทำให้เราไม่ประมาทว่า เราพร้อมที่จะเดินทางไปสู่โลกหน้าแล้วหรือยัง? เพราะความตายไม่มีนิมิตหมาย ไม่บอกล่วงหน้าว่าจะตายวันไหน? ตายเวลาไหน?ตายที่ไหน? ตายด้วยอาการอย่างไร? ตายเมื่อไหร่?
3. บำเพ็ญบุญ และอุทิศส่วนกุศลเพราะชีวิตในปรโลก (โลกหน้า)ไม่มีการทำมาหากิน มีความสุขอยู่ได้ด้วยบุญที่ตนเองทำไว้เมื่อเป็นมนุษย์ และบุญที่หมู่ญาติอุทิศไปให้
ไปงานบำเพ็ญกุศลครั้งต่อไปอย่าลืม 3 ประการ คือ
ไปขอขมา ไปเจริญมรณสติ และไปอุทิศส่วนกุศล อย่างนี้ไปแล้วได้กำไร
ราตรีสว่าง 21.00 น.
18 มิถุนายน พ.ศ. 2557
พระครูวินัยธรไพบูลย์ ธมฺมวิปุโล