นิมิตของอานาปานสติ
การเจริญอานาปานสติมีนิมิต 3 อย่าง คือ “ บริกรรมนิมิต” ได้แก่ ลมหายใจเข้าออก “ คคหนิมิต” คือ บางท่านลมหายใจเข้าออกปรากฏดังปุยนุ่น ปุยสำลีและดุจลมฝน ดุจสายน้ำบ้าง เปลวควันบ้าง บางท่านปรากฏเป็นเหมือนดวงดาว เหมือนพวงแก้วมณี พวงแก้วมุกดา บางท่านปรากฏเป็นเหมือนเมล็ดข้าวและเหมือนเสี้ยนไม้แก่น บางท่านปรากฏเป็นเหมือนสายสังวาลที่ยาว เหมือนพวงดอกไม้และเหมือนเปลวควัน บางท่านเหมือนไยแมงมุมที่ขึงไว้ เหมือนแผ่นเมฆ เหมือนดอกบัว ดังนี้เป็นต้น “ ปฏิภาคนิมิต” คือ ลมหายใจเข้าออกที่ปรากฏเป็นเหมือนดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ ดวงแก้วมณี เป็นต้น เมื่อปฏิบัติจนได้ปฏิภาคนิมิต ให้เอาสติมาตั้งไว้ที่ปฏิภาคนิมิต แล้วน้อมมาตั้งไว้ที่ศูนย์กลางกาย จนใจรวมตกศูนย์เข้าถึง “ ดวงปฐมมรรค” ที่แท้จริงได้ การกำหนดลมหายใจเข้าออก ในขณะที่มีบริกรรมนิมิตและอุคคหนิมิตอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นอารมณ์อยู่ สมาธินั้นเรียกว่า “ ขณิกสมาธ” การกำหนดลมหายใจเข้าออกที่มีปฏิภาคนิมิตเป็นอารมณ์เรียกว่า “ อุปจารสมาธิ” การกำหนดลมหายใจเข้าออกที่มีปฏิภาคนิมิตเป็นอารมณ์จนเกิด “ ดวงปฐมมรรค” เรียกว่า “ อัปปนาสมาธิ” การรักษาปฏิภาคนิมิต ต้องละสิ่ง ที่เป็นอสัปปายะที่จะมารบกวนการปฏิบัติ และให้ถือเอาสัปปายะ สิ่งที่เป็นสัปปายะหรือเป็น ที่สบายมี 7 ประการ คือ
1.อาวาส ที่อยู่เป็นที่สบาย
2.โคจร ที่บิณฑบาต หรือแหล่งอาหารไม่อดอยาก
3.ภัสสะ พูดคุยแต่เรื่องที่เสริมการปฏิบัติ
4.บุคคล ผู้ที่เกี่ยวข้องด้วยแล้วทำให้จิตใจผ่องใสมั่นคง
5.โภชนะ อาหาร ให้พอเหมาะ และถูกกับธาตุขันธ์
6.อุตุ สภาพแวดล้อมและอุณหภูมิเหมาะกับร่างกาย
7.อิริยาบถ อิริยาบถเป็นที่สบาย
ส่วนอสัปปายะ 7 ประการ คือ สิ่งที่เป็นที่ไม่สบายมี 7 ประการ ตรงข้ามกับสัปปายะ เช่น อาวาสหรือที่พักที่อยู่ไม่สบาย หรืออุตุไม่สัปปายะ คือ อากาศไม่สบายแก่ผู้ปฏิบัติ เช่น ร้อนเกินไป หรือหนาวเกินไป เป็นต้น และควรจะปฏิบัติใน อัปปนาโกศล 10 คือ
1.ทำความสะอาดเครื่องนุ่มห่ม เครื่องใช้สอย ที่อยู่ และชำระร่างกายให้สะอาด
2.ต้องเข้าใจในการกำหนดลมหายใจ
3.ต้องข่มจิตในคราวที่จิตมีความฟุ้งซ่านรำคาญใจ
4.ต้องยกจิตในคราวที่จิตง่วงเหงา หรือ เกียจคร้านในการเจริญภาวนา
5.ทำจิตที่เหี่ยวแห้งให้เบิกบานปีติโสมนัส
6.วางเฉยต่อจิตที่กำลังดำเนินงานสม่ำเสมออยู่ในอารมณ์กัมมัฏฐาน
7.เว้นการคลุกคลีกับคนที่ไม่มีสมาธิ
8.คบหาแต่กับบุคคลที่มีสมาธิ
9.อบรมอินทรีย์ 5 (ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา)
10.มีจิตน้อมที่จะได้อัปปนาฌาน
หากปฏิบัติตามนี้ ปฏิภาคนิมิตก็จะไม่เสื่อมหายไปและได้รูปฌานตามลำดับ แต่การจะได้อัปปนาฌาน พึงทราบด้วยว่าลมเข้าลมออกและนิมิต เป็นอารมณ์ของจิตคนละดวง คนละอัน ไม่ใช่อารมณ์ของจิตดวงเดียวกัน
-----------------------------------------------------------------------------
สมถกัมมัฏฐาน 40 วิธี